ผมมองว่า ตอนนี้กระบวนการกระตุ้น เศรษฐกิจจีน น่าจะกำลังอยู่ในขั้น 2
ขั้นแรกที่การ ขายสินค้าให้ยุโรป หลังจาก รัสเซีย ยูเครนหยุดยิง แต่ไม่สำเร็จ
จึงหันมาขั้น2 คือ การกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในประเทศ ลดดอกเบี้ย
แต่ตรงนี้มีปัญหาว่า เนื่องจากเป็นโรงงานของโลกมานาน
เลยทำให้ความสามารถในการผลิตมีล้น โอเวอร์ซัพพลายมาก คนตกงาน
แถมส่งสินค้าไปขายอเมริกา หรือ ยุโรปไม่ได้ เพราะติดปัญหา
(โดยเฉพาะเทรดวอร์กับอเมริกา ส่วนอเมริกาก็กดเงินเฟ้อไม่ค่อยลง
เพราะต้นทุนจ้างงานแพง แม้จะเข้าไปลงทุนในชาติอื่นแล้วก็ตาม
ถ้าจะกดเงินเฟ้อลง คือต้องปล่อยให้สินค้าจีนราคาถูกเข้ามา
เหมือนที่คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ คุณปู่ชาร์ลี มังเกอร์ว่าไว้
แต่ก็จะเข้าอีหรอบเดิม ซึ่งก็จะกลายเป็นวัฒนธรรม 996 ให้เด็กจีนอีก
เพื่อกดต้นทุนการผลิตให้ต่ำ และก็จะเป็นปัญหาเด็กไม่อยากทำงาน
เพราะไร้อนาคต)
ประกอบกับเงินฝืด ทำให้คนไม่จับจ่าย เมื่อไม่จับจ่าย ก็ไม่มีการจ้างงานเพิ่ม
ต่อด้วยเหตุผลข้างบนเด็กจีน เรียนจบสูง ก็คงไม่มีใครอยากไปทำงานโรงงาน
หรือถ้าไปทำงานโรงงาน นายจ้างก็ไม่อยากจ้าง เพราะซัพพลายเกินแล้ว
ทำให้สิ่งที่จีนกำลังทำ ก็คือการลงทุนในอุตส่าหกรรมขั้นสูงเพื่อรองรับเด็ก
เหมือนอเมริกาในอดีต ที่ย้ายแหล่งผลิตมาไว้ที่จีน ทีนี้พอจีนเศรษฐกิจโต
ค่าแรงสูงขึ้น เพื่อกดต้นทุน เลยเริ่มมีวัฒนธรรม 996 ตามข้างบน
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การที่ตะวันตกย้ายฐานออกจากจีน
มีความเป็นไปได้ว่ามีดีลลับตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นไปได้
โดยที่อเมริกา ไปภารัต(อินเดีย) ส่วนจีน ไปอินโดนีเซีย
แล้วขั้นที่ 3 ล่ะคืออะไร ผมคิดว่าการที่จีนกักตุนทองคำก่อนหน้านี้
และการปล่อยพันธบัตรสหรัฐคืน และการที่ค่าเงินสหรัฐแข็ง เนื่องจากปริมาณเงินลด
เมื่อค่าเงินสหรัฐแข็ง ทำให้ทองคำมีมูลค่าลดลง และ ค่าเงินจีนอ่อนลง
หมายความว่า ถ้าจีนต้องพิมพ์เงินโดยมีทองคำเป็นตัวหนุน
ตอนนี้จีนมีแล้ว และถ้าพิมพ์เงินหยวน ได้เท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์
เท่ากับว่า การที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้พิมพ์เหรินหมิ่นปี้ได้เยอะขึ้น
เพื่ออัดฉีดเข้าระบบ และยังทำให้ค่าเงินอ่อนลงไปอีก
เนื่องจากปริมาณเงินในระบบ เยอะขึ้น เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ลดลง
หาก สหรัฐและจีน ฟื้นความสัมพันธ์กันหลังจากนี้ และจีนส่งสินค้าไปขาย
มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะไม่ตกต่ำก็เป็นไปได้
แต่จะกลายเป็นปัญหาแบบเดิมวนลูป เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น
การที่จีนค่าแรงเริ่มเพิ่มขึ้น จึงมีการไปหาแหล่งผลิตใหม่
และมีโอกาสที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกโตขึ้น ตะวันตกจึงเลือกภารัต
ส่วนจีนก็ไปอินโดนีเซีย
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง มีความเป็นไปได้ว่า อะไรกันนะ
ถ้าให้ผมเดานะ ไม่รู้ว่าเป็นไปได้ไหม
ขั้นแรกที่การ ขายสินค้าให้ยุโรป หลังจาก รัสเซีย ยูเครนหยุดยิง แต่ไม่สำเร็จ
จึงหันมาขั้น2 คือ การกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในประเทศ ลดดอกเบี้ย
แต่ตรงนี้มีปัญหาว่า เนื่องจากเป็นโรงงานของโลกมานาน
เลยทำให้ความสามารถในการผลิตมีล้น โอเวอร์ซัพพลายมาก คนตกงาน
แถมส่งสินค้าไปขายอเมริกา หรือ ยุโรปไม่ได้ เพราะติดปัญหา
(โดยเฉพาะเทรดวอร์กับอเมริกา ส่วนอเมริกาก็กดเงินเฟ้อไม่ค่อยลง
เพราะต้นทุนจ้างงานแพง แม้จะเข้าไปลงทุนในชาติอื่นแล้วก็ตาม
ถ้าจะกดเงินเฟ้อลง คือต้องปล่อยให้สินค้าจีนราคาถูกเข้ามา
เหมือนที่คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ คุณปู่ชาร์ลี มังเกอร์ว่าไว้
แต่ก็จะเข้าอีหรอบเดิม ซึ่งก็จะกลายเป็นวัฒนธรรม 996 ให้เด็กจีนอีก
เพื่อกดต้นทุนการผลิตให้ต่ำ และก็จะเป็นปัญหาเด็กไม่อยากทำงาน
เพราะไร้อนาคต)
ประกอบกับเงินฝืด ทำให้คนไม่จับจ่าย เมื่อไม่จับจ่าย ก็ไม่มีการจ้างงานเพิ่ม
ต่อด้วยเหตุผลข้างบนเด็กจีน เรียนจบสูง ก็คงไม่มีใครอยากไปทำงานโรงงาน
หรือถ้าไปทำงานโรงงาน นายจ้างก็ไม่อยากจ้าง เพราะซัพพลายเกินแล้ว
ทำให้สิ่งที่จีนกำลังทำ ก็คือการลงทุนในอุตส่าหกรรมขั้นสูงเพื่อรองรับเด็ก
เหมือนอเมริกาในอดีต ที่ย้ายแหล่งผลิตมาไว้ที่จีน ทีนี้พอจีนเศรษฐกิจโต
ค่าแรงสูงขึ้น เพื่อกดต้นทุน เลยเริ่มมีวัฒนธรรม 996 ตามข้างบน
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การที่ตะวันตกย้ายฐานออกจากจีน
มีความเป็นไปได้ว่ามีดีลลับตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นไปได้
โดยที่อเมริกา ไปภารัต(อินเดีย) ส่วนจีน ไปอินโดนีเซีย
แล้วขั้นที่ 3 ล่ะคืออะไร ผมคิดว่าการที่จีนกักตุนทองคำก่อนหน้านี้
และการปล่อยพันธบัตรสหรัฐคืน และการที่ค่าเงินสหรัฐแข็ง เนื่องจากปริมาณเงินลด
เมื่อค่าเงินสหรัฐแข็ง ทำให้ทองคำมีมูลค่าลดลง และ ค่าเงินจีนอ่อนลง
หมายความว่า ถ้าจีนต้องพิมพ์เงินโดยมีทองคำเป็นตัวหนุน
ตอนนี้จีนมีแล้ว และถ้าพิมพ์เงินหยวน ได้เท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์
เท่ากับว่า การที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้พิมพ์เหรินหมิ่นปี้ได้เยอะขึ้น
เพื่ออัดฉีดเข้าระบบ และยังทำให้ค่าเงินอ่อนลงไปอีก
เนื่องจากปริมาณเงินในระบบ เยอะขึ้น เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ลดลง
หาก สหรัฐและจีน ฟื้นความสัมพันธ์กันหลังจากนี้ และจีนส่งสินค้าไปขาย
มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะไม่ตกต่ำก็เป็นไปได้
แต่จะกลายเป็นปัญหาแบบเดิมวนลูป เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น
การที่จีนค่าแรงเริ่มเพิ่มขึ้น จึงมีการไปหาแหล่งผลิตใหม่
และมีโอกาสที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกโตขึ้น ตะวันตกจึงเลือกภารัต
ส่วนจีนก็ไปอินโดนีเซีย
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง มีความเป็นไปได้ว่า อะไรกันนะ