มีเงิน 5 แสน จะทำอะไรดีให้ได้ กำไร 5% ต่อเดือน

สิ้นปีนี้จะมีเงินเก็บ 5 แสนครับ ปัจจุบันผมทำงานประจำอยู่แต่อยากหาอะไรทำให้เงินมันงอกเงย  อันที่จริงผมมีโปรเจ็คเยอะแยะไปหมดแต่เลือกไม่ถูกซักที ทั้งเล็ก ยัน ใหญ่  
      เช่น คาร์แคร์ , ฟาร์มไข่นกกระทา ,ปล่อยกู้ , ปลูกถั่วแขก , สร้างห้องเช่า ตจว เล็กๆ 10 ห้อง (กู้เพิ่ม) ไปๆมาๆ งง แหะๆ

ส่วนงานอดิเรก 1. เป็นคนชอบ ออกแบบ ใช้ Photo Shop และ โปรแกรมพวก Multimedia  ได้ในระดับนึง  
                    2. ตอนเด็กอยู่วงโย มา 6 ปีรู้เรื่อง ดนตรีและโน้ตสากลพอสมควร
                    3. ชอบถ่ายถาพ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เพื่อนผมคล้ายๆคุณ จบมามีเงินประมาณ 4 แสน พร้อมที่ดิน มรดกแม่อีก 40 ไร่ เข้าธนาคารกู้เงินมา 10 ล้าน ผมก็แนะนำเลยชอบอะไรเค้าบอกฟาร์มไก่เนื้อ ก้ ok ทำไปทำมา ส่ง KFC บ้าง สหฟาร์มบ้าง  สรุปปลายปี2555 ถูกธนาคารยึดที่ดิน และแจ้งเป็นบุคคลล้มละลาย  ทุกวันนี้ไปสมัครงานไหนไม่ได้ เลยต้องอาศัยเพื่อนอีกคนซึ่งทำโรงงานไฟฟ้า จ้างไว้ดูแลคนงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาท หาเช้ากินค่ำไปวันๆ

บางทีหนังสือธุรกิจหลายๆเล่มมักจะออกมาสร้างแรงบันดาลใจเยอะ และเด็กรุ่นใหม่อย่างพวกผมก็เชื่อด้านสว่างความหอมหวนของธุรกิจ ทั้งเงินทอง ทั้งการลงุทน มีทั้งหุ้น TFEX ธุรกิจ


บางทียังแอบสงสัย อากงที่ทำงานแบบคนโบราณบางทีเค้าก็มั่นคงดีเนอะ บางทีเดินทางอย่างเต่า อาจจะชนะอย่างเต่า ว่องไวไปบางทีก็พลาด




อย่าว่าแต่ 5 เปอร์ต่อเดือน หรือ 60 เปอร์ต่อปีเลยครับ  ถ้าเป็นหุ้นนี้ค่อนข้างริบรี    ส่วนธุรกิจผมอยากให้คุณเปลี่ยนโจทย์ว่า  ทำธุรกิจ 5 ปียังไง ให้เงิน 5 แสน ไม่เหลือ 0 บาท


ตื่นเถิดความจริง

โชคดีครับ


ภาค2 ต่อจากเมื่อคืน
โดนสหฟาร์มโกง ธนาคารดอกแพงมากส่งไม่ไหว ทบดอกทบต้น ที่ดิน 40 ไร่ เป็นที่ดินเปล่า นำเงินมาสร้างโรงเรือน ต่อกระแสไฟฟ้า จ้างคนงาน ลงทุน  ต้องชำระธนาคาร   พอช๊อต สหฟาร์มไม่จ่าย  ดอกเพิ่มแพงขึ้น สุดท้ายก็ต้อง ถูกยึดไม่น่าจะซับซ้อน


ถ้าสงสัย หลังไมค์  ติดต่อดูฟาร์มที่ ชัยภูมิได้ครับ  น่าจะยังไม่ขาย  อยู่ที่ธนาคาร





ใครโลกสวย     หลังไมค์คุยกันได้ครับ    พวกคิดว่านู้นนี้นั้น   ผมจะพาไปนั่งคุยว่างๆ        เจ๊งฟาร์มไก่     สหฟาร์มฟ้องไปก็ไม่เกิดอะไร  ก็รู้ๆ   คนงานลอยแพ หลังๆ เงินเดือนคนงานไม่มีต้องฆ่าไก่เพื่อเลี้ยงคนงาน  ออกมาทำงานบริษัทได้ซักพักเงินเดือน15,000 เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงคนงาน  คิดสภาพเจ้านายไปเป็นลูกจ้างเอาเงินมาเลี้ยงฟาร์ม ระหว่างที่สหฟาร์มเอาไก่ไปขายไม่จ่ายเงิน ทำไป 4-5 เดือน ธนาคารได้แจ้งล้มละลาย งานที่ทำก็ต้องลาออกเพราะไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆได้ เป็นบุคคลล้มละลาย เลยไปอาศัยเพื่อนที่พิบูล   ทำงานตักหญ้า เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่  เพื่อนจ้างเงิน 9 พันบ้าง 1 หมื่นบ้าง  จากรายได้เดือนละหลายแสนบาท ตอนนี้คุมคนงานตัดหญ้า
ความคิดเห็นที่ 33
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์กับการลงทุนอื่น

ช่วงช่วง กับ หลินฮุ้ย เป็นเพื่อนกัน ทั้งคู่ทำงานบริษัทเอกชน
ต่างก็เก็บเงินได้คนละ 5 แสนบาท ทั้งคู่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เนื่องจากเห็นว่าดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยเหลือเกินราว 1%
ช่วงช่วง หัวอนุรักษ์ ไม่ชอบความเสี่ยง จึงตัดสินใจซื้อหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง
ซึ่งรับประกันผลตอบแทน 8 % เท่ากับว่า ช่วงช่วงได้เงินจากการลงทุนอสังหาฯนี้ 4 หมื่นบาทต่อปี หรือเดือนละ 3,333 บาท
ส่วนหลินฮุ้ย เห็นว่า มีคอนโดแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ตกแต่งพร้อมอยู่ ประกาศขายในราคา 5 ล้านบาท
ดูจากทำเลที่ตั้ง และสภาพอาคารแล้ว ห้องนี้น่าจะได้ค่าเช่าอย่างน้อยเดือนละ 30,000 บาท
1 ปี เท่ากับ 360,000 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) ราวๆ 7%
ช่วงช่วงได้ทักท้วงว่า Yield คอนโดแห่งนั้น ต่ำกว่า Yield ของกองทุนตั้ง 1%
อีกทั้งมีความเสี่ยง ต้องวุ่นวายเสียเวลาไปคอยดูแลเก็บค่าเช่าอีก
สู้ซื้อกองทุนนอนตีพุงกินผลประโยชน์ 8% เฉยๆดีกว่า
แต่หลินฮุ้ย ไม่คิดเช่นนั้น
หลินฮุ้ย เอาเงิน 5 แสนบาท ไปวางดาวน์คอนโดมูลค่า 5 ล้านบาทที่ตัวเองมั่นใจ
แล้วยื่นเรื่องกู้ธนาคารส่วนที่เหลือ 4.5 ล้านทันที โดยขอผ่อนในเวลา 20 ปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 5%
ธนาคารคำนวณค่างวดที่หลินฮุ้ยต้องผ่อนคือ 29,700 บาท ซึ่งเป็นเงินที่หลินฮุ้ยสามารถกู้และผ่อนชำระได้สบาย
** การคำนวณวงเงินกู้และค่างวด ดูได้จาก http://www.scb.co.th/th/pnb/pnb_loan_calculate.shtml
หลินฮุ้ยมีรายรับจากค่าเช่า 30,000 บาท แต่ค่างวดที่ต้องผ่อนธนาคาร 29,700 บาท
เท่ากับว่าหลินฮุ้ยเหลือเงินเข้ากระเป๋าเดือนละ 300 บาท ขณะที่ช่วงช่วงได้เดือนละ 3,333 บาท
หลินฮุ้ยฉลาดน้อยกว่าช่วงช่วง หรือไม่????
.
.
.
.
คำตอบคือ ไม่ใช่
ค่างวดที่ต้องผ่อนชำระธนาคารนั้น ประกอบด้วย เงินต้น และดอกเบี้ย รวมกันอยู่
ต้นทุนที่หลินฮุ้ยต้องจ่ายจริงนั้นมีเพียงดอกเบี้ย
เพราะเงินต้นที่ผ่อนชำระแท้จริงแล้วก็คือเงินของหลินฮุ้ยนั่นเอง ไม่ใช่ธนาคาร
การคิดผลตอบแทนจึงไม่ใช่เอาค่าเช่าห้อง ลบ ค่างวด
แต่ต้องเอาค่าเช่าห้อง ลบ ดอกเบี้ยธนาคาร ในแต่ละเดือน
รายจ่ายดอกเบี้ยของหลินฮุ้ย คือเท่าไร?
หากคำนวณแบบหยาบที่สุด Flat rate ณ อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี
เงินต้น 4.5 ล้าน เท่ากับดอกเบี้ยตกปีละ 225,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 18,750 บาท
เท่ากับว่า หลินฮุ้ยได้รายรับเดือนละ 30,000-18,750 เท่ากับ 11,250 บาทต่อเดือน
เมื่อเทียบกับเงินลงทุน 5 แสนบาท เท่ากับว่าหลินฮุ้ยได้ Yield ถึง 27%
แต่อย่าลืมว่า การผ่อนชำระสินเชื่อเคหะนั้น เป็นแบบลดต้นลดดอก ยิ่งเวลาผ่านไป เงินต้นยิ่งเยอะ ดอกเบี้ยยิ่งน้อยลง
ถ้าคำนวณอย่างละเอียด หารเฉลี่ยดอกเบี้ยทั้ง 20 ปี จะตกเดือนละ 11,000 บาทเท่านั้น
ดังนั้น ผลตอบแทนที่แท้จริงของหลินฮุ้ยจึงเท่ากับ 30,000 – 11,000 = 19,000 บาทต่อเดือนหรือ Yield เท่ากับ 45%
เทียบกับผลตอบแทนของช่วงช่วงที่ 8% จะพบว่า หลินฮุ้ยได้ผลตอบแทนดีกว่าถึง 6 เท่า
แม้ญาติพี่น้องจะบ่นว่า หลินฮุ้ยไม่ได้เรื่อง ลงทุนอะไรกัน 5 แสนได้แค่เดือนละ 300 บาท
ช่วงช่วงสิ เจ๋งกว่าได้ตั้งเดือนละ 3,333 บาท หลินฮุ้ยก็ได้แต่หัวเราะหึหึ
ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่า ผลตอบแทนที่แท้จริงของตัวเองไม่ใช่ 300 แต่เป็น 19,000 บาทต่อเดือน!
เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ด้วยทำเลที่ดี และตามสภาพเศรษฐกิจที่เจริญขึ้น
คอนโดมิเนียมของหลินฮุ้ย ราคาแพงขึ้น 20% จาก 5 ล้านเป็น 6 ล้าน
หลินฮุ้ย ตัดสินใจขายคอนโดนั้น
มาดูกันว่าหลินฮุ้ยได้ผลตอบแทนเท่าไร
หลินฮุ้ย ได้เงินค่าเช่าห้อง(ที่หักดอกเบี้ยเงินกู้ออกแล้ว)เป็นเวลา 5 ปี เท่ากับ 760,000 บาท
บวกกับ กำไรจากการขายต่อ อีก 1 ล้าน รวมเป็น 1,760,000 บาท หรือเท่ากับ 250% ของเงินต้น 5 แสน!
ขณะที่ ช่วงช่วงได้ผลตอบแทน 8% ในเวลา 5 ปี = 200,000 บาท หรือเท่ากับ 40%
คนสองคน เริ่มต้นลงทุนพร้อมกันด้วยเงิน 5 แสนบาท
ผ่านไป 5 ปี ช่วงช่วงได้กำไร 2 แสน หลินฮุ้ยได้กำไร 1.76 ล้าน
ใครมีวิสัยทัศน์ในการลงทุนกว่ากัน?
ตอนนี้ ช่วงช่วงเริ่มยิ้มไม่ออกแล้ว เมื่อพบว่า ผลตอบแทนของตนเองแพ้หลินฮุ้ยหลุดลุ่ย
ในเวลาต่อมา ชูวิทย์ เพื่อนช่วงช่วงเห็นหลินฮุ้ยรวยจากการลงทุนคอนโด จึงเลียนแบบบ้าง
แต่ด้วยความที่เป็นคนรวย ชูวิทย์ จึงเอาเงินสดของตัวเองซื้อคอนโดราคา 5 ล้านเพียวๆ
โดยคิดว่า ไม่ต้องกู้เงิน ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ชูวิทย์เอาห้องมาให้เช่าได้ค่าเช่าเดือนละ 30,000 เท่าหลินฮุ้ย
คิดเป็นผลตอบแทนปีละ 360,000 บาท Yield เท่ากับ 7.2%
ผ่านไป 5 ปี ได้เงินรวม 1.8 ล้านบาท หรือ 36%
ชูวิทย์ โดนช่วงช่วง เตะตูด 1 ป้าบ
เพราะว่า หากชูวิทย์เอาเงิน 5 ล้านนั่นมาซื้อกองทุนแบบช่วงช่วง
ผลตอบแทนที่ชูวิทย์ได้รับจะเป็น 40%
มากกว่าที่ไปซื้อคอนโดเงินสดตั้ง 4 % หรือ 200,000 บาท แถมไม่ต้องเหนื่อยดูแลด้วย
นับว่าชูวิทย์ลงทุนได้ห่วยที่สุดในกลุ่ม
สรุป
หากไม่นับเรื่อง capital gain หรือกำไรจากราคาคอนโดที่สูงขึ้น
ผลตอบแทนการลงทุนของคน 3 คน
ช่วงช่วง ซื้อกองทุนอสังหา ไม่เหนื่อยไม่ต้องดูแล ได้ Yield 8 %
ชูวิทย์ ซื้อคอนโดเงินสด ต้องคอยดูแลเก็บค่าเช่า ได้ Yield 7 %
หลินฮุ้ย ซื้อคอนโดเงินผ่อน ต้องคอยดูแลเก็บค่าเช่า ได้ Yield 45 %
หลินฮุ้ยชนะเลิศ!!
- จบ -
นิทานข้างบน ผมยกมาเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นประโยชน์ของ”การกู้”
จะเห็นว่า ความแตกต่างของหลินฮุ้ยกับช่วงช่วง อยู่ตรงที่หลินฮุ้ย ใช้การกู้สินเชื่อเคหะ
เพื่อขยายอัตราผลกำไรของการลงทุนของตัวเอง จากเดิม 5 แสน ขยายได้ถึง 5 ล้าน
วิธีนี้ในทางการเงินเรียกว่า “Leverage” ครับ
การทำ Leverage จะให้ผลตอบแทนทวีคูณหลายเท่าตัว
ตราบที่อัตราดอกเบี้ยที่เราไปกู้มา ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนของการลงทุน
ในที่นี้ ดอกเงินกู้คือ 5% ขณะที่รายได้คือ 7% หากกลับกัน ผลตอบแทนการลงทุนต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ย
การทำ Leverage นอกจากจะไม่กำไรแล้วยังทำให้ขาดทุนหนักเป็นทวีคูณเช่นกันครับ
ดังนั้น หลักง่ายๆคือ การลงทุนซื้อคอนโดให้เช่า ผลตอบแทนค่าเช่าต้องมากกว่าอัตราดอกเบี้ย จึงจะคุ้มค่าการลงทุน
ผมเคยแนะนำไว้ใน blog ของผมว่า
ทุกคนที่มีเงินเดือนหรือรายได้ประจำที่อยากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ควรใช้บริการสินเชื่อเคหะ (Housing loan)
เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดที่ธนาคารจะปล่อยได้ หรือที่เรียกว่า MLR (Minimum Loan Rate)
การซื้อคอนโดด้วยเงินสดแบบชูวิทย์ จึงไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก
หากเราสามารถหาต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าผลตอบแทนที่ได้รับ เราสมควรกู้เป็นอย่างยิ่ง
เพราะจะได้ผลตอบแทนเป็นทวีคูณ
นอกจากการกู้สินเชื่อเคหะจะเป็นการ Leverage ผลตอบแทนของเราแล้ว
เรายังได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอีก
คือ เอาค่างวดผ่อนชำระคอนโดไปหักเป็นรายจ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีปลายปีได้ถึง 100,000 บาท
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงของการลงทุนคอนโดมิเนี่ยมเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเสมอ
จากการคำนวณที่ผมแสดงให้ดู จะเห็นว่า มีตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อผลตอบแทนการลงทุนได้แก่
อัตราค่าเช่า ควรคงที่และสามารถ up ขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ
และ อัตราการพัก (Occupancy rate) ควรสม่ำเสมอ หาผู้เช่าได้เรื่อยๆ ห้องไม่ว่างนานเกินไป
การเลือกซื้อคอนโดในทำเลที่ดีเยี่ยม จะช่วยลดความเสี่ยงทั้งสองข้อนี้ลง
ทำให้การลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ครับผม
นี่ก็คือเหตุผลที่บางคนถึงกับยอมอดหลับอดนอนเพื่อไปยืนต่อแถวเข้าคิวจองคอนโดทำเลดี
ไปตั้งแต่ตี3 ตี4 ถึงขั้นทะเลาะตบตีด่าทอคนขายเมื่อจองไม่ได้ กลับบ้านยังมาโพสต์ด่าต่อในเน็ทอีก
ในขณะที่คอนโดบางแห่ง ขายแล้วขายอีก เซลแล้วเซลอีก ก็ไม่หมดซะที
ก็คอนโดทำเลเยี่ยมมันกำไรดีนี่นา..ชิมิๆๆ!!
จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด Patip.com
ความคิดเห็นที่ 13
คุณมี 5 แสน แต่จะลงหมดเลยหรือครับ

ขนาดผม มี 1 ล. กว่าๆ ยังพยายามหาอะไรที่ลงทุนไม่เกิน 1 แสน เอง

ปลอดภัยไว้ก่อนครับ เงินทองของหายาก ยังมีความคิดไปขายของในตลาดเลย

ช้าแต่ชัวว์ดีกว่าครับ เพื่อนผมขายขนมไข่นกกะทา 2 คนผัวเมีย ในตลาด

แค่ 3 ชม. ได้กำไร วันละ 1200 เป็นอย่างต่ำ หักทุกอย่างแล้วนะ ค่าทีถูก วันละ 20 เอง

เดือนหนึ่งเกือบ 4 หมื่น สบายๆ ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร

ทำเล็กๆ ถ้าเจ็บจะได้มีแรงลุก ครับ
ความคิดเห็นที่ 59
ผมเริ่มต้นลงทุนก้อนใหญ่ครั้งแรกสุดก็ 500,000 บาทเช่นกันครับ เส่นทางทำธุรกิจผมนั้นแสนลำบากมาก
ผมอาจจะเป็น Mr.จับฉ่ายลงทุน ก็ว่าได้

ที่มาของเงินคือ หลักๆแล้วจะได้มาจากเงินเดือนลูกจ้างประจำ ผมก็พอมีฝีมือในการถ่ายรูปหน่อย ผมจึงเริ่ม

[เล่นดนตรีเปิดหมวก]
ผมเคยไปเล่นหาเงินมาแล้วครับ ต้นทุนคือกีต้า กับ ความหน้าด้านล้วนๆ บางวันเล่นตั้งนานได้ 100 บาท บางวันเล่นไม่ถึงชั่วโมงก็ได้ 200 - 300
ตอนทำงานใหม่ๆอยู่กทม ไม่มีเงินครับ ผมเล่นฝึกความกล้าเฉยๆ

[ตัดต่อ VDO]
รับงานตามมหาลัย ต้นทุนคือหลักๆคือ เรียนรู้ tool  ส่วนตลาดนั้นตามมหาลัย จะมีนศ หมอ พยาบาล ที่ทำ vdo present ให้อาจารย์ พวกแม่ลูกอ่อนที่อยากอัดลูกตัวเอง พวกงาน presentation ต่างๆตามพวก pre-wedding ใช้ connection + ใบปลิว ในการ promote ครับ งานค่อนข้างหนักและละเอียดอ่อน ได้เงินครับ แต่เหนื่อย... แต่สมัยหลังๆนี้ software มันใช้ง่ายขึ้น คนทำเป็นมากขึ้น งานไม่ค่อยจะมาถึงผมก็เลยต้องหาตลาดใหม่

[รับงานถ่ายภาพ]
ฝีมือผมไม่ได้โดดเด่นมาก พวกที่จ้างผมก็เป็นคนไกล้ๆตัว ผมก็มีผลงานถ่ายเล่นๆบ้างใน facebook ผมไม่ได้คิดแพง ก็ตามฝีมืออะครับ
พวกงานถ่ายรับปริญญา, งาน pre-wedding, wedding  ราคาผมถูกมากครับ แถมโดนกดราคาอีก บางทีเพื่อนก็ให้เลี้ยงข้าวตอบแทนผม
บางทีก็ได้นิดๆหน่อยๆ พอเป็นค่าอาหารในเดือนนั้น

[ทอง หุ้น กองทุน]
ผมเล่นมาหมดครับ เป็นเม่าดีๆนี่เอง สุขทุกข์ ได้เสีย ร่ำรวยชั่วข้ามคืน ติดดอยชั่วข้ามปี บางทีก็ยืมเงินคนอื่นมาลงทุน กะว่าได้แน่ๆไม่เกิน 2 เดือน
แต่บางครั้งก็ติดดอยนาน ก็เข้าเนื้อสิครับ กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ต้องบอกว่าตามดวงจริงๆครับ การลงทุนนี้สำหรับผมต้องใช้คำว่า "ใจนักเลง"

[ขายของ Online & Internet Marketing & ขาย Ad]
รายได้ดีมากครับ แนวๆว่าไม่ต้องทำงานก็ได้เงิน หลักพันหลักหมื่นทุกเดือน Business นี้ผมทำมาเกือบ 10 อย่างครับ จับฉ่ายมาก บางตัวก็เจ้ง บางตัวก็ยังอยู่ แต่ไม่ยั่งยืน ผมคงทำไม่เป็นแหละ ทุกวันนี้ก็ยังมีเงินเข้าบัญชีทุกเดือน (แต่ไม่เยอะเท่าแต่ก่อน) ถือว่าไม่เจ้งครับ แต่ก็ไม่ได้รวย

[ค้าขาย]
ผมไปรับซื้อของจากแหล่งผลิตมาขาย กำไรเกินเท่าตัวครับ ต้นทุน 100 บาท ขายได้ 220 ผมก็ว่าเยอะแล้ว จากนั้นก็ไปขายตามตลาดนัดและงานวัด ไปขายแบบไม่รู้เจอค่าที่ไปเยอะก็มี พ่อค้าแม่ค้าใหม่ ไปขายแรกๆมักจะเจอ "เจ้าถิ่น" ถ้าอยากเอาดีด้านนี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆครับ ต้องเข้าใจและแลกเปลี่ยนความรู้กลวิธีกับแม่ค้าบ่อยๆ   ธุรกิจนี้ผมเจ้งครับ

[รับจ้างทำ Web Site]
ต้นทุนคือสมอง สองมือ + notebook + internet ก็สามารถสร้างสรรค์งานได้ ตัวนี้ไม่น่าคิดว่าเป็นธุรกิจ แต่เป็นแนว Freelance มากกว่า ทำๆไปได้เงินบ้าง   บางทีก็โดนโกง ทำเสร็จแล้วเพื่อนไม่ยอมจ่ายเงินให้ ภัยคนไกล้ตัวแท้ๆ ผมไว้ใจคนมากเกินไป นับว่าเป็น exp ที่ดี

[ขายตรง]
โดนลากเข้า center ผมสมัครเลยครับ ไฟลุก ซื้อสินค้ามาลอง มาขาย แต่ผมทำธุรกิจแบบนี้ไม่เป็นจริงๆ ไม่อยากพูดอะไรมากครับ เจ้ง...
(จะหาว่าผมใจไม่สู้ก็ได้นะครับ)

[ธุรกิจขนส่ง]
รับจ้างส่งทุกอย่างครับ สากะเบือยันเรือรบ ลงทุนเริ่มต้นเงินสดก็ราวๆ 5 แสน + กู้เพิ่มอีก 5 แสน up จ้างคนขับมาขับให้
กำไรอยู่ที่ 4 หมื่นถึง 9 พัน ต่อเดือน  บางเดือนก็ได้เยอะกว่านั้น บางเดือนก็ได้น้อยกว่านั้นแล้วแต่งาน งานนี้เน้น connection
ใช่ว่าผมจะกำไรทุกเดือนนะครับ บางเดือนติดลบเข้าเนื้อ บางเดือนพนักงานลาออกกระทันหัน, ขับรถชน, ค่าซ่อม, ทำงานเสีย, เมา, ตำรวจโบก, ค่านายหน้า, น้ำมันเปลือง, พนักงานโกง และอื่นๆอีกมากมาย ผมได้ skill management จากงานประจำ ได้อะไรต่างๆจากการลองผิดลองถูก นี่เป็นการเดิมพันครั้งหนักสุดของผม ข้อดีคือผมไม่ต้องลาออกจากงานประจำ ผมแค่ management และจ่ายค่าอื่นๆกับคนที่ช่วย manage

ถึงธุรกิจล่มผมก็ยังทำงานประจำ ถ้าไปได้สวยผมก็มีทั้งรายได้จากงานประจำและธุรกิจ และก็รายได้เล็กๆจากธุรกิจข้างต้น + ลงทุน พอประทังชีพ
ถ้าตามแผนอย่างเร็วจะคืนทุนภายใน 2 ปี อย่างช้า 6 ปี ไม่มีอะไรแน่นอนครับ ผมยังไม่ประสบผมสำเร็จ ผมบอกไม่ได้หรอกว่าอย่างใดดีไม่ดี ผมแค่เล่าประสบการณ์

สุดท้ายคุณไม่รู้หรอกว่าธุรกิจไหนเหมาะสมกับคุณ จนกว่าคุณจะลองทำ คุณต้องกล้ารับความเสี่ยงกับผลที่จะเกิดตามมา คุณต้องลองเจ้งมากับมือแล้วคุณจะได้ประสบการณ์ คุณต้องมีแผนสำรองเสมอ คิดในแง่ร้ายสุดๆ ถ้าคุณเจ้งคุณจะทำยังไง? ผมไม่ได้ร่ำรวย ที่บ้านมีตัง พอที่จะ support ผม ตอนผมล้ม  เงินทุกบาทผมหามาเองด้วยความยากลำบาก ดังนั้นผมจะคิดให้รอบคอบและเสี่ยงในระดับที่ผมรับได้ (แม้กระนั้นก็ยังพลาดอยู่) คนที่ประสบผลสำเร็จตามหนังสือเค้าพูดแต่เรื่องความสำเร็จ ผมอยากได้หนังสือที่พูดแต่ความล้มเหลว อยากรู้ไว้เป็นบทเรียน ยิ่งตีซี้ความล้มเหลวมากเท่าไหร่ ยิ่งไกล้ความสำเร็จมากเท่านั้น

หมากรุก ทุกตาเดินคิดแล้วคิดอีก ยามเสียเบี้ยเพื่อเปิดทาง คุณใช้เรือ ใช้ม้า ใช้โดนบุกหนัก ถึงแม้นเสียไปทุกตัว คุณต้องมีเม็ดมีเบี้ยมาคอย support ขุน   ขุนจะตายไม่ได้ คุณสามารถซื้อหมากคุณกลับมาได้ และหมากรุกที่คุณเล่น คุณไม่ได้แข่งแค่คนเดียว
ความคิดเห็นที่ 37
ลองมองเรื่องลงทุนที่จีนดูมั้ยคะ เราได้มีโอกาสคุยกับ Associate professor ท่านหนึ่งท่านทำงานอยู่ที่ Yunnan , Khunming ประเทศจีนค่ะ ตอนนี้คนจีนที่โน่นเริ่มอพยพจากฝั่ง East มาทางฝั่ง west บ้างแล้ว เนื่องจากค่าครองชีพสูง เหตุจากเมืองเจริญเกินไป (อารมณ์คนอีสาน คนเหนือ คนใต้ อพยพกลับบ้านเกิดจากการทำมาหากินในกรุงเทพแล้วค่าใช้จ่ายมันชนเดือนค่ะ) ตอนนี้เค้าเริ่มดำเนินโปรเจคเพื่อหาแหล่งอาหารรองรับการกลับมาของคนจำนวนมากนี้อยู่ เค้าสนใจการทำการเกษตรของประเทศเรามากค่ะ อยากให้มีตนไทยไปทำการเกษตร ลงทุน เป็นเจ้าของไร่ เจ้าของฟาร์มที่โน่นค่ะ เพื่อเป็นแหล่งอาหารแหล่งใหม่ ผักจำพวกผักกาด ผักเมืองหนาว เพราะ Yunnan เป็นเมืองอากาศเย็นค่ะ อุณหภูมิจะไม่เกิน 25 องศา  เดือนมกราคมที่จะถึงนี้จะมีงาน Economic Forum ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ของเราเอวค่ะ โดยโปรเฟซเซอร์ท่านนี้พร้อมทีมงานได้ให้เกียรติมาบรรยายให้นักธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากจะลงทุนฟังค่ะ แล้วประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้นจะมี Road Show ไปที่ Yunnan ที่นั่น จะให้การต้อนรับพวกเราอย่างดีค่ะ ในฐานะ Potential Investor  (อารมณ์เหมือนกำนัล อบต อบจ อะไรอย่างนี้ค่ะ จะให้การดูแล แนะนำ)

สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้นะคะ ติดต่อผ่านทางหลังไมค์ก็ได้ค่ะ (ตอนนี้ยังไม่มีเว็บไซต์ให้ติดตามนะคะ แต่เราเป็นนักศึกษาที่ติดต่อกับโปรเฟซเซอร์โดยตรงค่ะ)

ยาวไปนิดนึงนะคะ แต่เรากำลังตื่นเต้นกับแหล่งทำมาหากินใหม่ๆ ดีมานด์มีแน่ๆ ต้นทุนต่ำ ผลิตขายเลยในปนะเทศจีน ไม่ต้องส่งออก เลยอยากบอกต่อค่ะ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่