หลังจากที่เราผ่าตัดผ่านมาหลายเดือน เราก็ตั้งใจที่จะมาแชร์เรื่องราวการผ่าของเราให้ชาวสวนลุมและโต๊ะแป้งได้อ่านเล่นๆกันค่ะ
เรามีอาการนี้ตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งตอนเด็กๆนั้น มีความชอบในการวิ่งเหลือเกิน เราก็เลยฝึกวิ่ง ซ้อมวิ่งอย่างจริงจัง...แล้วก็เกิดอาการเจ็บขึ้น มันเจ็บที่ตำแหน่งนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราทนอาการเจ็บมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงอายุที่คิดว่า จะผ่าตัดได้แล้ว...ดูแลตัวเองได้ เราก็ตัดสินใจพูดเปรยๆ กะแม่ว่า "หนูจะไปหาหมอ เพื่อผ่าเอาแมงนี้ออกแล้วนะ -3-" แม่เราก็น่ารักมาก อนุญาตให้เราไปปรึกษาหมอทันที เราเลยหาเวลาว่าง ไปปรึกษาอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลของคณะแพทย์แห่งหนึ่ง ซึ่งเรามั่นใจพอสมควรว่า ปลอดภัย หมอดี ไม่เสียโฉม แน่น้อนนน ! อาจารย์หมอท่านก็ตรวจ ยกเท้าเราขึ้นไปจับๆ บอกว่า มันผิดรูปนะ...ต้องผ่า จัดตรงนั้น เฉือนตรงนี้ !!! เราก็พยักหน้าเข้าใจอย่างสุดชีวิต แอบป๊อดเล็กๆ แล้วก็นัดวันผ่าเรียบร้อย สอบถามค่าใช้จ่ายแล้วโทรหาแม่ทันที
"แม่คะ...หนูไปหาหมอมาแล้วนะ ผ่าวันที่... พี่พยาบาลบอกว่า ค่าใช้จ่ายประมาณ 7 หมื่น นะ" แม่ฉันบอก...ลูกสาวฉันช่างเก่งกล้าสามารถมาก นี่ผ่าตัดนะลูก ไม่ได้เป็นไข้ เล่นนัดหมอเอง ทำอะไรเองหมด 55555 แหมมม ก็เราคิดว่า เราโตแล้วน่ะ บางทีก็ไม่อยากรบกวนแม่จนเกินไป อะไรทำเองได้ก็จะทำ นี่คือภาพเท้าเราก่อนจะผ่านะ เห็นไหมว่ามันมีอะไรไม่รู้ ปูดออกมา... -3-
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอถึงวันผ่า... หมอนัดเรามาโรงพยาบาลตอนเช้าค่ะ 8 โมง ห้ามกินอะไรมาเลยก่อนผ่านะจ๊ะ เราก็...ได้เลยค่ะ จารย์หมอออ
เรามาจัดการเอกสารการผ่าตัด เจาะสายน้ำเกลือ แล้วก็จองห้องพิเศษเรียบร้อย นอนกลิ้กเกลือก เมาท์กับแม่รอ ระหว่างรออาจารย์หมอ
พี่พยาบาลก็เข้ามาวัดความดัน มาถามอาการ แล้วก็มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ อาจารย์หมอที่สุดแสนจะใจดีของเรา ติดประชุมบอร์ดผู้บริหารคณะ จะมาได้ตอนเย็น -..- อาจารย์หมออีกคนก็เข้ามา ถามว่า...จะให้ผมผ่าแทนไหม อิฉันก็ตอบแบบนางฟ้าค่ะ "ไม่เป็นไรค่ะ หนูรอได้ เอาหมอคนเดินก็ได้ค่ะ"
อาจารย์หมอท่านนี้สงสัยว่า อยากจะผ่าเคสเราเหลือเกิน ท่านก็บอกว่า "งั้นคืนนี้ ผมจะมาช่วยผ่าก็แล้วกันนะครับ" (ได้เลยค่ะหมอ มาเลยค่ะ มา 5 6 คน หนูก็ไม่ยั่นนน)
จนถึงเวลา 6 โมง 40 กว่านาที...ก๊อกๆ คนเข็นเตียงมาหน้าห้องค่ะ มารับเราไปห้องผ่าตัด เราแอบลักไก่ใส่ชั้นในด้วย แล้วพี่พยาบาลก็บอกให้เอาออก ไม่ได้นะคะ ใส่เข้าไปในห้องผ่าตัดไม่ได้นะคะ ท่านผู้ชมมม ! ก็มันโล่งอ่ะ ใครจะไปอยากถอดกัน -3-
พอเราขึ้นเตียงปุ๊บ เมื่อเตียงเคลื่อนเข้ามาในห้องผ่าตัด เท่านั้นแหละค่ะ... บรรยากาศจากสบายๆ เป็นอึมครึมทันที จากชิวๆ ตอนนี้...เริ่มป๊อดแล้วเรา คุณพยาบาล เข้ามาติดสายวัดคลื่นหัวใจ วัดความดัน พันผ้า เยอะแยะมากมาย ปล. ห้องผ่าหนาวมากจริงๆ ถ้าไม่มีผ้าห่มอาจแข็งตายได้ ยิ่งตอนคุณหมอเข้ามา ถามอาการ มาถ่ายรูปเท้าก่อนผ่า... แถมได้ยินเสียงหมอ ตอนถามหาเครื่องมือ "เลื่อยล่ะ ?" เท่านั้นแหละ หนังเรื่อง SAW ลอยเข้ามาในหัว ตายๆ กระดูกหนู ตายแน่ๆ ......จบจากคุณหมอผู้ผ่า มาดูที่คุณหมอยาสลบ คุณหมอยาสลบเดินเข้ามาบอกว่า ฉีดยาเอาเนอะ จะได้ไม่เจ็บคอ เพราะหนูผ่านาน (เรารีเควสดมยาไป) เราก็ค่ะ... คุณหมอก็ มา...หันหลัง งอตัวเข้าหากันเยอะๆ เท่านั้นแหละ เฮ๊ย!!! ฉีด
เข้าไขสันหลัง ไม่น้าาา นอกจากจะเป็นนางเอกโดนรถชน ยังมาเป็นนางเอกลูคีเมียอีก T^T พอฉีดเสร็จ เอ้อ ! ไม่เจ็บแฮะ แล้วเราก็หลับไปเลย
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด ตื่นแล้วค่ะ
พี่พยาบาลพอเห็นว่า เรากระพริบตา พี่เขาก็เข้ามาวัดความดันทันที แล้วก็ตกใจค่ะ ความดัน 170 กว่า ไม่เคยสูงขนาดนี้มาก่อน ฮ่าๆ พี่พยาบาลแซว ไม่ต้องตื่นเต้นนะ (คิดในใจ : ไม่ตื่นเต้นนะคะ หนูง่วงงงง) นอนพักอีกซักประมาณ 30 นาที คนเข็นเตียงก็พาเราไปห้องเอ็กซ์เรย์ค่ะ เฝือกครึ่งแข้งนี่ เกะกะไม่ใช่เล่น...ทำไงได้เล่า -3- พอผ่านจากการเอ็กซ์เรย์แล้ว เค้าก็พาเราไปที่ห้องพัก___สนนเวลาที่เราผ่า+พักฟื้น = 5 ชั่วโมงค่ะ
ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ยังไม่เจ็บนะคะ...ถามหาของกินแม่ใหญ่เลย แล้วเราก็หลับไป ตอนเช้าสะลืมสะลือ เพราะ พี่พยาบาลเข้ามาฉีดยาค่ะ จำได้ว่า ตอนนั้นปวดมากกกกกกก เราปวดมากอยู่ประมาณ 2 วัน ถึงจะหาย พี่พยาบาลเป็นห่วงมาก คอยเข้ามาถามตลอด...เราโอเคมากค่ะ มีแม่ พ่อ ยาย น้อง แฟน เข้ามาให้กำลังใจกันสุดฤทธิ์ คุณหมอก็เข้ามาถามอาการอยู่เรื่อยๆ มาจับเฝือกดู มาคอยแนะนำวิธีต่างๆ นานา
นี่คือรูปเท้าตอนอยู่ รพ. ค่ะ...นิ้วโป้งบวมฉึ่งเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรานอน รพ. ประมาณ 4 คืน รวมค่ารักษา ค่าหมอ ค่าห้อง ค่ายา ค่ากายภาพบำบัด ทั้งหมด ประมาณ 5 หมื่นค่ะ
แล้วเราก็ต้องมาพักฟื้นที่บ้านเกิดที่รักพร้อมกับอวัยวะใหม่ก็คือ ไม้เท้า ที่สุดแสนจะน่ารักอีก 1 คู่... ช่วงแรกๆ ลำบากลำบนมากค่ะ บ้านเราเป็นบ้านที่มีบันไดอยู่ประมาณ 5-10 ขั้น เรายังตกเลย ดีนะไม่เอาเฝือกลงไป...ไม่งั้น ตายยยยย -..-
เราผ่า มีนาคม ตัดไหมก็มีนา...ถอดเฝือกพฤษภาค่ะ มาดูภาพตอนเราแอบถอดเฝือกก่อนกัน (มันเป็นเฝือกอ่อน แอบถอดได้ )
----> รูปตอนตัดไหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
----> รูปตอนแอบถอดเฝือก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงวันที่เรารอคอย "วันถอดเฝือก" วะฮู้....จะเป็นอิสระจากไม้เท้าน้อยแล้ว ลาก่อนเอ็ง !'
หมอก็ถอดเฝือก ดูแผล แล้วก็เอ็กซ์เรย์ดูกระดูกค่ะ ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ไม่ต้องใส่เฝือกต่อ แต่ทว่า... พอถอดเฝือกออกมา
ขาลีบค่ะ หายไปหมด เหลือแต่ไขมันที่น่อง ที่เท้านี่ ลอกออกเป็นแผ่น น่าแกะเล่นมาก
มาดูรูปกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากที่เราถอดเฝือกแล้ว เราก็หัดเดินให้เหมือนคนปกติให้มากที่สุด..ไม่อยากเดี้ยงแล้ว แงๆ
เราทายาที่แผล แอบมือบอนแกะนิดหน่อย ไม่นิดอ่ะ มากกกกเลย (ก็มันมันมือ ฮี่ๆ)
จนถึงบัดนี้ผ่านมาเกือบ 5 เดือนแล้ว มาดูเท้าปัจจุบันกันค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เห็นไหม...รอยปูดหายไปเยอะเลย แต่มีรอยตะขาบมาแทน ฮ่าๆ ผลจากการมือบอนของเราเอง T^T
จบแล้ววววว การรีวิวการผ่าตัดกระดูกตรงโคนนิ้วหัวแม่โป้งของเรา ข้างขวาผ่านไปแล้ว... หมอบอก ต้องผ่าข้างซ้ายอีกค่ะ
แต่เราบอกว่า "รอหนูเจ็บก่อนนะคะ...เดี๋ยวมาหาใหม่" 55555555
สุดท้ายอยากจะบอกว่า... สุขภาพ ไม่ว่าจะส่วนไหนก็สำคัญนะคะ อย่าไปหลงไปลืมมันล่ะ โชคดีค่ะ
...ครั้งแรกของชีวิต กับ การผ่าตัดกระดูกนิ้วหัวแม่เท้าที่เอียง (Hallux Valgus)
เรามีอาการนี้ตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งตอนเด็กๆนั้น มีความชอบในการวิ่งเหลือเกิน เราก็เลยฝึกวิ่ง ซ้อมวิ่งอย่างจริงจัง...แล้วก็เกิดอาการเจ็บขึ้น มันเจ็บที่ตำแหน่งนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราทนอาการเจ็บมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงอายุที่คิดว่า จะผ่าตัดได้แล้ว...ดูแลตัวเองได้ เราก็ตัดสินใจพูดเปรยๆ กะแม่ว่า "หนูจะไปหาหมอ เพื่อผ่าเอาแมงนี้ออกแล้วนะ -3-" แม่เราก็น่ารักมาก อนุญาตให้เราไปปรึกษาหมอทันที เราเลยหาเวลาว่าง ไปปรึกษาอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลของคณะแพทย์แห่งหนึ่ง ซึ่งเรามั่นใจพอสมควรว่า ปลอดภัย หมอดี ไม่เสียโฉม แน่น้อนนน ! อาจารย์หมอท่านก็ตรวจ ยกเท้าเราขึ้นไปจับๆ บอกว่า มันผิดรูปนะ...ต้องผ่า จัดตรงนั้น เฉือนตรงนี้ !!! เราก็พยักหน้าเข้าใจอย่างสุดชีวิต แอบป๊อดเล็กๆ แล้วก็นัดวันผ่าเรียบร้อย สอบถามค่าใช้จ่ายแล้วโทรหาแม่ทันที
"แม่คะ...หนูไปหาหมอมาแล้วนะ ผ่าวันที่... พี่พยาบาลบอกว่า ค่าใช้จ่ายประมาณ 7 หมื่น นะ" แม่ฉันบอก...ลูกสาวฉันช่างเก่งกล้าสามารถมาก นี่ผ่าตัดนะลูก ไม่ได้เป็นไข้ เล่นนัดหมอเอง ทำอะไรเองหมด 55555 แหมมม ก็เราคิดว่า เราโตแล้วน่ะ บางทีก็ไม่อยากรบกวนแม่จนเกินไป อะไรทำเองได้ก็จะทำ นี่คือภาพเท้าเราก่อนจะผ่านะ เห็นไหมว่ามันมีอะไรไม่รู้ ปูดออกมา... -3-
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอถึงวันผ่า... หมอนัดเรามาโรงพยาบาลตอนเช้าค่ะ 8 โมง ห้ามกินอะไรมาเลยก่อนผ่านะจ๊ะ เราก็...ได้เลยค่ะ จารย์หมอออ
เรามาจัดการเอกสารการผ่าตัด เจาะสายน้ำเกลือ แล้วก็จองห้องพิเศษเรียบร้อย นอนกลิ้กเกลือก เมาท์กับแม่รอ ระหว่างรออาจารย์หมอ
พี่พยาบาลก็เข้ามาวัดความดัน มาถามอาการ แล้วก็มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ อาจารย์หมอที่สุดแสนจะใจดีของเรา ติดประชุมบอร์ดผู้บริหารคณะ จะมาได้ตอนเย็น -..- อาจารย์หมออีกคนก็เข้ามา ถามว่า...จะให้ผมผ่าแทนไหม อิฉันก็ตอบแบบนางฟ้าค่ะ "ไม่เป็นไรค่ะ หนูรอได้ เอาหมอคนเดินก็ได้ค่ะ" อาจารย์หมอท่านนี้สงสัยว่า อยากจะผ่าเคสเราเหลือเกิน ท่านก็บอกว่า "งั้นคืนนี้ ผมจะมาช่วยผ่าก็แล้วกันนะครับ" (ได้เลยค่ะหมอ มาเลยค่ะ มา 5 6 คน หนูก็ไม่ยั่นนน)
จนถึงเวลา 6 โมง 40 กว่านาที...ก๊อกๆ คนเข็นเตียงมาหน้าห้องค่ะ มารับเราไปห้องผ่าตัด เราแอบลักไก่ใส่ชั้นในด้วย แล้วพี่พยาบาลก็บอกให้เอาออก ไม่ได้นะคะ ใส่เข้าไปในห้องผ่าตัดไม่ได้นะคะ ท่านผู้ชมมม ! ก็มันโล่งอ่ะ ใครจะไปอยากถอดกัน -3-
พอเราขึ้นเตียงปุ๊บ เมื่อเตียงเคลื่อนเข้ามาในห้องผ่าตัด เท่านั้นแหละค่ะ... บรรยากาศจากสบายๆ เป็นอึมครึมทันที จากชิวๆ ตอนนี้...เริ่มป๊อดแล้วเรา คุณพยาบาล เข้ามาติดสายวัดคลื่นหัวใจ วัดความดัน พันผ้า เยอะแยะมากมาย ปล. ห้องผ่าหนาวมากจริงๆ ถ้าไม่มีผ้าห่มอาจแข็งตายได้ ยิ่งตอนคุณหมอเข้ามา ถามอาการ มาถ่ายรูปเท้าก่อนผ่า... แถมได้ยินเสียงหมอ ตอนถามหาเครื่องมือ "เลื่อยล่ะ ?" เท่านั้นแหละ หนังเรื่อง SAW ลอยเข้ามาในหัว ตายๆ กระดูกหนู ตายแน่ๆ ......จบจากคุณหมอผู้ผ่า มาดูที่คุณหมอยาสลบ คุณหมอยาสลบเดินเข้ามาบอกว่า ฉีดยาเอาเนอะ จะได้ไม่เจ็บคอ เพราะหนูผ่านาน (เรารีเควสดมยาไป) เราก็ค่ะ... คุณหมอก็ มา...หันหลัง งอตัวเข้าหากันเยอะๆ เท่านั้นแหละ เฮ๊ย!!! ฉีด
เข้าไขสันหลัง ไม่น้าาา นอกจากจะเป็นนางเอกโดนรถชน ยังมาเป็นนางเอกลูคีเมียอีก T^T พอฉีดเสร็จ เอ้อ ! ไม่เจ็บแฮะ แล้วเราก็หลับไปเลย
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด ตื่นแล้วค่ะ พี่พยาบาลพอเห็นว่า เรากระพริบตา พี่เขาก็เข้ามาวัดความดันทันที แล้วก็ตกใจค่ะ ความดัน 170 กว่า ไม่เคยสูงขนาดนี้มาก่อน ฮ่าๆ พี่พยาบาลแซว ไม่ต้องตื่นเต้นนะ (คิดในใจ : ไม่ตื่นเต้นนะคะ หนูง่วงงงง) นอนพักอีกซักประมาณ 30 นาที คนเข็นเตียงก็พาเราไปห้องเอ็กซ์เรย์ค่ะ เฝือกครึ่งแข้งนี่ เกะกะไม่ใช่เล่น...ทำไงได้เล่า -3- พอผ่านจากการเอ็กซ์เรย์แล้ว เค้าก็พาเราไปที่ห้องพัก___สนนเวลาที่เราผ่า+พักฟื้น = 5 ชั่วโมงค่ะ
ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ยังไม่เจ็บนะคะ...ถามหาของกินแม่ใหญ่เลย แล้วเราก็หลับไป ตอนเช้าสะลืมสะลือ เพราะ พี่พยาบาลเข้ามาฉีดยาค่ะ จำได้ว่า ตอนนั้นปวดมากกกกกกก เราปวดมากอยู่ประมาณ 2 วัน ถึงจะหาย พี่พยาบาลเป็นห่วงมาก คอยเข้ามาถามตลอด...เราโอเคมากค่ะ มีแม่ พ่อ ยาย น้อง แฟน เข้ามาให้กำลังใจกันสุดฤทธิ์ คุณหมอก็เข้ามาถามอาการอยู่เรื่อยๆ มาจับเฝือกดู มาคอยแนะนำวิธีต่างๆ นานา
นี่คือรูปเท้าตอนอยู่ รพ. ค่ะ...นิ้วโป้งบวมฉึ่งเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรานอน รพ. ประมาณ 4 คืน รวมค่ารักษา ค่าหมอ ค่าห้อง ค่ายา ค่ากายภาพบำบัด ทั้งหมด ประมาณ 5 หมื่นค่ะ
แล้วเราก็ต้องมาพักฟื้นที่บ้านเกิดที่รักพร้อมกับอวัยวะใหม่ก็คือ ไม้เท้า ที่สุดแสนจะน่ารักอีก 1 คู่... ช่วงแรกๆ ลำบากลำบนมากค่ะ บ้านเราเป็นบ้านที่มีบันไดอยู่ประมาณ 5-10 ขั้น เรายังตกเลย ดีนะไม่เอาเฝือกลงไป...ไม่งั้น ตายยยยย -..-
เราผ่า มีนาคม ตัดไหมก็มีนา...ถอดเฝือกพฤษภาค่ะ มาดูภาพตอนเราแอบถอดเฝือกก่อนกัน (มันเป็นเฝือกอ่อน แอบถอดได้ )
----> รูปตอนตัดไหม [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
----> รูปตอนแอบถอดเฝือก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงวันที่เรารอคอย "วันถอดเฝือก" วะฮู้....จะเป็นอิสระจากไม้เท้าน้อยแล้ว ลาก่อนเอ็ง !'
หมอก็ถอดเฝือก ดูแผล แล้วก็เอ็กซ์เรย์ดูกระดูกค่ะ ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ ไม่ต้องใส่เฝือกต่อ แต่ทว่า... พอถอดเฝือกออกมา
ขาลีบค่ะ หายไปหมด เหลือแต่ไขมันที่น่อง ที่เท้านี่ ลอกออกเป็นแผ่น น่าแกะเล่นมาก
มาดูรูปกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากที่เราถอดเฝือกแล้ว เราก็หัดเดินให้เหมือนคนปกติให้มากที่สุด..ไม่อยากเดี้ยงแล้ว แงๆ
เราทายาที่แผล แอบมือบอนแกะนิดหน่อย ไม่นิดอ่ะ มากกกกเลย (ก็มันมันมือ ฮี่ๆ)
จนถึงบัดนี้ผ่านมาเกือบ 5 เดือนแล้ว มาดูเท้าปัจจุบันกันค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เห็นไหม...รอยปูดหายไปเยอะเลย แต่มีรอยตะขาบมาแทน ฮ่าๆ ผลจากการมือบอนของเราเอง T^T
จบแล้ววววว การรีวิวการผ่าตัดกระดูกตรงโคนนิ้วหัวแม่โป้งของเรา ข้างขวาผ่านไปแล้ว... หมอบอก ต้องผ่าข้างซ้ายอีกค่ะ
แต่เราบอกว่า "รอหนูเจ็บก่อนนะคะ...เดี๋ยวมาหาใหม่" 55555555
สุดท้ายอยากจะบอกว่า... สุขภาพ ไม่ว่าจะส่วนไหนก็สำคัญนะคะ อย่าไปหลงไปลืมมันล่ะ โชคดีค่ะ