14 สิงหาคม 2556 samart ไตรมาส 2 ที่รายได้รวมกว่า 5 พันล้านบาท ฟันกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท // i-mobile ตั้งเป้า MVNO ไว้ที่ 600,000 ราย จากลูกค้า 200,000 ราย
ประเด็นหลัก
นายวัฒน์ชัยกล่าวต่อว่า การเติบโตดังกล่าวส่วนหนึ่งจากยอดขาย Smart Phone ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายมือถือรวมแล้วกว่า 2 ล้านเครื่อง เป็น Smart Phone กว่า 765,000 เครื่อง ทำให้สายธุรกิจ Mobile Multi-media โดย บมจ.สามารถไอ-โมบายมีรายได้ 2,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยในครึ่งปีหลังจะทำการรุกตลาด Smart Phone อย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวมือถือใหม่ในตระกูล IQ เพิ่มขึ้น และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง
เช่นเดียวกับธุรกิจ MVNO ก็มีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันมีฐานลูกค้าแล้วกว่า 200,000 ราย ตั้งเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ 600,000 ราย นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาด Smart Phone และ Smart Content ผ่านกิจกรรมการตลาดในรูปแบบใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงการจับมือทำการตลาดมือถือรุ่นพิเศษร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้รายได้และกำไรของกลุ่มไอ-โมบายเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
______________________________________
'สามารถ'ปิดงบQ2หรู ไอโมบายขายทะลุเป้า
กลุ่มสามารถ ปิดงบไตรมาส 2 ที่รายได้รวมกว่า 5 พันล้านบาท ฟันกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท ผลจากการขายไอ-โมบายเป็นหลัก คาดครึ่งปีหลังยอดขายทะลุถึง 4 ล้านเครื่อง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2556 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% สรุปภาพรวมครึ่งปีแรก กลุ่มสามารถมีรายได้รวม 10,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้นรวม 35% คิดเป็นกำไรสุทธิ 711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลประ
กอบการเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของแต่ละสายธุรกิจในกลุ่มสามารถ มีดังนี้ กลุ่มโมบาย มัลติมีเดีย โดย สามารถไอ-โมบาย มีรายได้ 2,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% มีกำไรสุทธิ 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,214% โดยมีรายได้จากยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยอดขายครึ่งปีแรกมีจำนวนกว่า 2 ล้านเครื่อง เป็นสมาร์ทโฟน 765,000 เครื่อง ส่งผลให้ราคาขายโดยเฉลี่ยต่อตัวเครื่องขยับตัวสูงขึ้น และทำให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจในกลุ่ม ไอซีที โซลูชั่น โดย บมจ.สามารถเทเลคอม มีรายได้ 2,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% มีกำไรสุทธิ 176 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า มั่นใจว่าครึ่งปีหลัง ผลประกอบการของกลุ่มสามารถมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกสายธุรกิจ อาทิ กลุ่มธุรกิจโมบาย มัลติมีเดีย ที่จะมีการทยอยเปิดตัวสมาร์ทโฟนในตระกูลไอคิวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายสมาร์ทโฟนทะลุเป้า 4 ล้านเครื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจด้านไอซีที โซลูชั่นนั้น ได้มีการทำสัญญาไปแล้วจำนวน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท และมีโครงการที่รอประมูลกับหน่วยงานของรัฐ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถทำตามเป้าที่กำหนดได้ภายในสิ้นไตรมาส 4 ปี 2556 แน่นอน.
http://www.thaipost.net/news/150813/77813
_____________________________________________
“สามารถ” มั่นใจโตทั้งปี 50% หวังทีโอทีเฟส 2
กลุ่มสามารถเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 35% หรือ 10,842 ล้านบาท กำไรสุทธิ 711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% โดยในไตรมาส 2 มีรายได้เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% มั่นใจทั้งปีโตทั้งกำไรและรายได้เกิน 50% ได้ไม่ยาก ชี้สมาร์ทโฟนตัวช่วยสร้างรายได้ให้เติบโต พร้อมลุยต่อเปิดตัวตระกูล IQ เพิ่มขึ้น ตั้งเป้าขายทั้งปี 4 ล้านเครื่อง เผยงานประมูลภาครัฐจ่อคิวรออยู่อีก 3 หมื่นล้านบาท หวังทีโอทีเฟส 2 ส่วน Set top box จับมือไต้หวันพร้อมลุยแน่นอน
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การดำเนินงานของกลุ่มสามารถครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จึงมั่นใจว่าผลประกอบการตลอดทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือเติบโต 50% ทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากในครึ่งปีหลังนั้นมีปัจจัยเสริมอย่างธุรกิจมือถือ Smart Phone ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจประมูลงานภาครัฐที่คาดกันว่าจะมีการใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจด้วยมูลค่างานประมูลอีกกว่า 30,000 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 2556 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% โดยเมื่อรวมรายได้ครึ่งปีกลุ่มสามารถมีรายได้ 10,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% คิดเป็นกำไรสุทธิ 711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%
นายวัฒน์ชัยกล่าวต่อว่า การเติบโตดังกล่าวส่วนหนึ่งจากยอดขาย Smart Phone ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายมือถือรวมแล้วกว่า 2 ล้านเครื่อง เป็น Smart Phone กว่า 765,000 เครื่อง ทำให้สายธุรกิจ Mobile Multi-media โดย บมจ.สามารถไอ-โมบายมีรายได้ 2,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยในครึ่งปีหลังจะทำการรุกตลาด Smart Phone อย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวมือถือใหม่ในตระกูล IQ เพิ่มขึ้น และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง
เช่นเดียวกับธุรกิจ MVNO ก็มีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันมีฐานลูกค้าแล้วกว่า 200,000 ราย ตั้งเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ 600,000 ราย นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาด Smart Phone และ Smart Content ผ่านกิจกรรมการตลาดในรูปแบบใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงการจับมือทำการตลาดมือถือรุ่นพิเศษร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้รายได้และกำไรของกลุ่มไอ-โมบายเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
ด้านสายธุรกิจ ICT Solutions โดย บมจ.สามารถเทลคอมมีรายได้ 2,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% มีกำไรสุทธิ 176 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย แต่ในครึ่งปีหลังได้มีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ในไตรมาส 3 แล้วจำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 700 ล้านบาท โดยยังเหลือโครงการของกรมที่ดิน, กระทรวงมหาดไทย, กฟภ. และอื่นๆ ที่จะเข้าประมูลอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่างานในมือได้อีกไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทในไตรมาส 3
สำหรับไตรมาส 4 ยังมีงานให้เข้าร่วมประมูลอีกหลายโครงการ มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 30,000 ล้านบาท เช่น โครงการติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ของบริษัทท่าอากาศยานไทย (AOT) โครงการสมาร์ทกริดของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งโครงการ 3G เฟส 2 ของทีโอที ด้วยมูลค่ารวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันกลุ่มเทลคอมมีงานในมือรอการรับรู้รายได้แล้วกว่า 8,000 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัยกล่าวอีกว่า สำหรับสายธุรกิจอื่นๆ ก็มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างบริษัท วันทูวันคอนแทคส์ จำกัด ผู้ให้บริการคอลเซ็นเตอร์ อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก ก.ล.ต.เพื่อเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนทั่วไป พร้อมเตรียมการขยายธุรกิจ Contact Center ทั้งในและต่างประเทศรับตลาด AEC
บริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือแล้วกว่า 200 ล้านบาท และมีแผนเข้าประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ทั้งยังได้เข้าร่วมประมูลงานของวิทยุการบินแห่งประเทศไทยรวมมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลอย่างเป็นทางการในราวต้นเดือนกันยายนนี้
บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด มีการต่อยอดธุรกิจจากโครงการดิจิตอลทีวี ประเดิมด้วยการบุกตลาดเสารับสัญญาณดิจิตอลตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมเปิดตัว Set top box ที่ได้บริษัทผู้ผลิตในไต้หวังเป็นพาร์ตเนอร์ออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้
ด้านสายธุรกิจ Utilities & Transportations ประกอบด้วยบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท Kampot Power Plant จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจที่ประเทศกัมพูชา มีรายได้รวมกันในครึ่งปีแรกประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้ยังเป็น Site reference ที่ทำให้กลุ่มสามารถขยายธุรกิจด้านศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศและพลังงานไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ กลุ่ม U-trans ยังมีรายได้ประจำเพิ่มขึ้นจากบริษัทเทด้า ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้า โดยในครึ่งปีแรกเทด้ามีรายได้ 330 ล้านบาท และมีงานในมือ (Backlog) รวมแล้วกว่า 1,200 ล้านบาทในปัจจุบัน
http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000101122
samart ไตรมาส 2 ฟันรายได้รวมกว่า 5 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 357 ล้านบาท // i-mobile ตั้งเป้า MVNO ไว้ที่ 600,000 ราย
ประเด็นหลัก
นายวัฒน์ชัยกล่าวต่อว่า การเติบโตดังกล่าวส่วนหนึ่งจากยอดขาย Smart Phone ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายมือถือรวมแล้วกว่า 2 ล้านเครื่อง เป็น Smart Phone กว่า 765,000 เครื่อง ทำให้สายธุรกิจ Mobile Multi-media โดย บมจ.สามารถไอ-โมบายมีรายได้ 2,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยในครึ่งปีหลังจะทำการรุกตลาด Smart Phone อย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวมือถือใหม่ในตระกูล IQ เพิ่มขึ้น และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง
เช่นเดียวกับธุรกิจ MVNO ก็มีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันมีฐานลูกค้าแล้วกว่า 200,000 ราย ตั้งเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ 600,000 ราย นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาด Smart Phone และ Smart Content ผ่านกิจกรรมการตลาดในรูปแบบใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงการจับมือทำการตลาดมือถือรุ่นพิเศษร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้รายได้และกำไรของกลุ่มไอ-โมบายเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
______________________________________
'สามารถ'ปิดงบQ2หรู ไอโมบายขายทะลุเป้า
กลุ่มสามารถ ปิดงบไตรมาส 2 ที่รายได้รวมกว่า 5 พันล้านบาท ฟันกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท ผลจากการขายไอ-โมบายเป็นหลัก คาดครึ่งปีหลังยอดขายทะลุถึง 4 ล้านเครื่อง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2556 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% สรุปภาพรวมครึ่งปีแรก กลุ่มสามารถมีรายได้รวม 10,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้นรวม 35% คิดเป็นกำไรสุทธิ 711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ผลประ
กอบการเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของแต่ละสายธุรกิจในกลุ่มสามารถ มีดังนี้ กลุ่มโมบาย มัลติมีเดีย โดย สามารถไอ-โมบาย มีรายได้ 2,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% มีกำไรสุทธิ 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,214% โดยมีรายได้จากยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยอดขายครึ่งปีแรกมีจำนวนกว่า 2 ล้านเครื่อง เป็นสมาร์ทโฟน 765,000 เครื่อง ส่งผลให้ราคาขายโดยเฉลี่ยต่อตัวเครื่องขยับตัวสูงขึ้น และทำให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจในกลุ่ม ไอซีที โซลูชั่น โดย บมจ.สามารถเทเลคอม มีรายได้ 2,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% มีกำไรสุทธิ 176 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า มั่นใจว่าครึ่งปีหลัง ผลประกอบการของกลุ่มสามารถมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกสายธุรกิจ อาทิ กลุ่มธุรกิจโมบาย มัลติมีเดีย ที่จะมีการทยอยเปิดตัวสมาร์ทโฟนในตระกูลไอคิวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายสมาร์ทโฟนทะลุเป้า 4 ล้านเครื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจด้านไอซีที โซลูชั่นนั้น ได้มีการทำสัญญาไปแล้วจำนวน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท และมีโครงการที่รอประมูลกับหน่วยงานของรัฐ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถทำตามเป้าที่กำหนดได้ภายในสิ้นไตรมาส 4 ปี 2556 แน่นอน.
http://www.thaipost.net/news/150813/77813
_____________________________________________
“สามารถ” มั่นใจโตทั้งปี 50% หวังทีโอทีเฟส 2
กลุ่มสามารถเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 35% หรือ 10,842 ล้านบาท กำไรสุทธิ 711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% โดยในไตรมาส 2 มีรายได้เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% มั่นใจทั้งปีโตทั้งกำไรและรายได้เกิน 50% ได้ไม่ยาก ชี้สมาร์ทโฟนตัวช่วยสร้างรายได้ให้เติบโต พร้อมลุยต่อเปิดตัวตระกูล IQ เพิ่มขึ้น ตั้งเป้าขายทั้งปี 4 ล้านเครื่อง เผยงานประมูลภาครัฐจ่อคิวรออยู่อีก 3 หมื่นล้านบาท หวังทีโอทีเฟส 2 ส่วน Set top box จับมือไต้หวันพร้อมลุยแน่นอน
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การดำเนินงานของกลุ่มสามารถครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จึงมั่นใจว่าผลประกอบการตลอดทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือเติบโต 50% ทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากในครึ่งปีหลังนั้นมีปัจจัยเสริมอย่างธุรกิจมือถือ Smart Phone ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งธุรกิจประมูลงานภาครัฐที่คาดกันว่าจะมีการใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจด้วยมูลค่างานประมูลอีกกว่า 30,000 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปี 2556 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% โดยเมื่อรวมรายได้ครึ่งปีกลุ่มสามารถมีรายได้ 10,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% คิดเป็นกำไรสุทธิ 711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%
นายวัฒน์ชัยกล่าวต่อว่า การเติบโตดังกล่าวส่วนหนึ่งจากยอดขาย Smart Phone ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายมือถือรวมแล้วกว่า 2 ล้านเครื่อง เป็น Smart Phone กว่า 765,000 เครื่อง ทำให้สายธุรกิจ Mobile Multi-media โดย บมจ.สามารถไอ-โมบายมีรายได้ 2,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% โดยในครึ่งปีหลังจะทำการรุกตลาด Smart Phone อย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวมือถือใหม่ในตระกูล IQ เพิ่มขึ้น และตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง
เช่นเดียวกับธุรกิจ MVNO ก็มีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันมีฐานลูกค้าแล้วกว่า 200,000 ราย ตั้งเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ 600,000 ราย นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาด Smart Phone และ Smart Content ผ่านกิจกรรมการตลาดในรูปแบบใหม่ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงการจับมือทำการตลาดมือถือรุ่นพิเศษร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้รายได้และกำไรของกลุ่มไอ-โมบายเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
ด้านสายธุรกิจ ICT Solutions โดย บมจ.สามารถเทลคอมมีรายได้ 2,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% มีกำไรสุทธิ 176 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย แต่ในครึ่งปีหลังได้มีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ในไตรมาส 3 แล้วจำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 700 ล้านบาท โดยยังเหลือโครงการของกรมที่ดิน, กระทรวงมหาดไทย, กฟภ. และอื่นๆ ที่จะเข้าประมูลอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่างานในมือได้อีกไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทในไตรมาส 3
สำหรับไตรมาส 4 ยังมีงานให้เข้าร่วมประมูลอีกหลายโครงการ มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 30,000 ล้านบาท เช่น โครงการติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ของบริษัทท่าอากาศยานไทย (AOT) โครงการสมาร์ทกริดของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งโครงการ 3G เฟส 2 ของทีโอที ด้วยมูลค่ารวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันกลุ่มเทลคอมมีงานในมือรอการรับรู้รายได้แล้วกว่า 8,000 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัยกล่าวอีกว่า สำหรับสายธุรกิจอื่นๆ ก็มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างบริษัท วันทูวันคอนแทคส์ จำกัด ผู้ให้บริการคอลเซ็นเตอร์ อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก ก.ล.ต.เพื่อเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนทั่วไป พร้อมเตรียมการขยายธุรกิจ Contact Center ทั้งในและต่างประเทศรับตลาด AEC
บริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือแล้วกว่า 200 ล้านบาท และมีแผนเข้าประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ทั้งยังได้เข้าร่วมประมูลงานของวิทยุการบินแห่งประเทศไทยรวมมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะทราบผลอย่างเป็นทางการในราวต้นเดือนกันยายนนี้
บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด มีการต่อยอดธุรกิจจากโครงการดิจิตอลทีวี ประเดิมด้วยการบุกตลาดเสารับสัญญาณดิจิตอลตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และเตรียมเปิดตัว Set top box ที่ได้บริษัทผู้ผลิตในไต้หวังเป็นพาร์ตเนอร์ออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้
ด้านสายธุรกิจ Utilities & Transportations ประกอบด้วยบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท Kampot Power Plant จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจที่ประเทศกัมพูชา มีรายได้รวมกันในครึ่งปีแรกประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้ยังเป็น Site reference ที่ทำให้กลุ่มสามารถขยายธุรกิจด้านศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศและพลังงานไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ กลุ่ม U-trans ยังมีรายได้ประจำเพิ่มขึ้นจากบริษัทเทด้า ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านระบบสายส่งไฟฟ้า โดยในครึ่งปีแรกเทด้ามีรายได้ 330 ล้านบาท และมีงานในมือ (Backlog) รวมแล้วกว่า 1,200 ล้านบาทในปัจจุบัน
http://www.manager.co.th/CBiZReview/ViewNews.aspx?NewsID=9560000101122