เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของชีวิตเราค่ะ อยากเล่าให้ฟังเผื่อใครจะได้รับรู้อีกมุมของชีวิตคนอีกคน
ส่วนตัวแล้วมีประสบการณ์เรื่องความรักมาบ้างค่ะ แล้วทำยังไงให้ผ่านมาได้อย่างมีความสุข และไม่โกรธเกลียดใคร...
วันนี้ขอพูดถึงรักครั้งแรกที่รู้จัก..รักนี้เป็นความรักของครอบครัวค่ะ รักที่ได้รับและได้เรียนรู้จากคนในครอบครัว
รักนี้ถือว่าเป็นความรักที่สำคัญมากๆเลยค่ะ เพราะมันจะส่งผลไปถึงความรักในรูปแบบอื่นๆในอนาคต
ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวข้าราชการ คุณพ่อเป็นทหาร คุณแม่เป็นครูอยู่ที่จ.อุบล
คุณพ่อกับคุณแม่ของเราอยู่กินกันก่อนแต่งงานทำให้ท้องก่อนแต่งเมื่อ26ปีที่แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ
คุณยายเองก็เกลียดคุณพ่อของเรามากๆเพราะท่านให้เหตุผลว่า"มันเป็นผู้ชายดิบ"
คุณยายบอกว่าผู้ชายดิบคือผู้ชายที่ไม่ยอมบวช ไม่เคารพผู้ใหญ่ พูดจาเป็นใหญ่ ไม่มีมูลจริง" (คุณพ่อเราเป็นแบบนี้จริงๆ)
พอเราเกิดได้10วันคุณยายก็ส่งคุณป้ามารับตัวเราไปเลี้ยงดูที่จ.กาฬสินธุ์ค่ะ
โดยท่านให้เหตุผลว่าคุณแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงเพราะคุณแม่ต้องเดินทางไปทำงานระยะทางไปกลับราวๆ140กิโลได้ ส่วนคุณพ่อเลี้ยงลูกไม่เป็นแน่ๆ
และเราเป็นข้าราชการเงินเดือนน้อยนิดคงไม่มีเงินไปจ้างใครมาเลี้ยงเราแน่ๆ ที่สำคัญไม่ไว้ใจให้ใครมาเลี้ยงแทนด้วย
คุณยายและคุณป้ารับเรามาเลี้ยงไปพร้อมๆกับลูกพี่ลูกน้องด้วยกันเพราะญาติๆเราก็เป็นข้าราชการเหมือนกันหมด
ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกกันเลยแต่มีคุณป้าคนโตเป็นแม่นมคอยเลี้ยงดูหลานๆ(ตอนนี้รวมทั้งน้อง หลาน เหลน ราวๆ20กว่าคนได้ค่ะ)
เสาร์-อาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่ของพวกเราก็จะมาเยี่ยมที อารมณ์เหมือนโรงเรียนประจำ
พอพวกเราโตขึ้นพอจะเข้าโรงเรียนก็จะได้กลับไปอยู่กับพ่อ แม่ของตัวเองได้ค่ะ
เราก็เช่นกันพอเข้าอนุบาลได้เราก็ได้กลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ที่จ.อุบล เราเรียนที่โรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน
ตอนนั้นเราอยู่กันที่ค่ายทหาร เป็นบ้านพักทหารค่ะ คุณพ่อคุณแม่เลยเลือกโรงเรียนใกล้ๆให้ไปรับไปส่งสะดวก
เราไปโรงเรียนพร้อมแม่ทุกเช้า ตอนเย็นถ้าคุณพ่อกลับมาเร็วท่านก็จะไปรับ
แต่ถ้าไม่มีคนมารับเราก็จะเดินกลับเองค่ะ โดยคุณแม่จะสอนวิธีเปิดประตู
ละก็ที่ซ่อนกุญแจไว้ให้ พร้อมกับบอกที่ซ่อนเงินค่าขยมตอนเย็น ให้หาอะไรทานก่อนเผื่อวันไหนที่คุณพ่อคุณแม่กลับช้า
คุณพ่อจะเป็นคนเข้มงวด ดุ และตีเราบ่อยๆ ไม่ว่าจะเดิน กิน อาบน้ำ นอน ทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบวินัย
ตอนนั้นเราอายุ4ขวบ คุณพ่อเป็นคนชอบดื่มเหล้าและชอบทำร้ายร่างกายคุณแม่เป็นประจำ
ภาพที่เห็นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันเป็นภาพที่ชินตา
เสียงด่าโต้ตอบเป็นเรื่องปกติที่เราได้ยิน
เราไม่เคยร้องไห้เลยเวลาที่ท่านทะเลาะกัน เราได้แต่มองและคอยกอดคุณแม่ไว้
มีครั้งนึ่ง เป็นช่วงปิดเทอมแต่คุณแม่ยังต้องไปทำงานอยู่
คุณพ่อก็ต้องไปทำงานเหมือนกันคุณพ่อเลยให้เราอยู่บ้านแต่ท่านไม่อนุญาตให้เราออกไปไหนเลยขังไว้ในบ้านตอนนั้นจำได้ว่าอยู่อนุบาล3แล้ว
ด้วยความที่เป็นเด็กเราเลยแอบปีกำแพงหลังบ้านโดยมีเพื่อนบ้านข้างๆมาชวนให้ไปเล่นด้วยกัน
เราใช้เศษก้อนอิฐก่อๆขึ้นเพื่อที่จะปีน แต่แล้วโชคไม่เข้าข้างเอาซะเลย
อิจล้มทับเท้าเราเลือดออกเล็บเท้าฉีก เราตกใจและพยายามหาผ้ามาพันเลือดก็ไหลไม่หยุด
ไม่ถึง5นาทีก็ไม่ยินเสียงรถคุณพ่อมา
เราเป็นเด็กน้อยได้ยินเสียงรถพ่อก็ดีใจว่าพ่อมาช่วยแล้ว
เราร้องไห้วิ่งไปหาคุณพ่อท่านทำหน้าตกใจแล้วจับตัวเรานั่งลง หายามาทำแผลให้พร้อมกับบ่นๆ ดุๆ ด่าๆ
แล้วท่านก็โมโหถามเราว่าทำไมเป็นแบบนี้เราก็สารภาพผิดว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับน้ำตา
แต่ท่านไม่ได้โอ๋ หรือว่าปลอบใจแต่อย่างใดแต่ ตบหน้าเราพร้อมกับด่าเสียงดังมาก
เราก็เลยต้องเงียบแล้วก็ก้มหน้าก้มตา ในใจเด็กน้อยผิดหวังและเศร้าใจมาก
เหตุการณ์ดำเนินไปเหมือนเช่นเคยๆ จนเราจบอนุบาล...เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ เผื่อใครอยากรู้^^
ชีวิตความรัก..ตอนที่1 ครอบครัวที่รัก
ส่วนตัวแล้วมีประสบการณ์เรื่องความรักมาบ้างค่ะ แล้วทำยังไงให้ผ่านมาได้อย่างมีความสุข และไม่โกรธเกลียดใคร...
วันนี้ขอพูดถึงรักครั้งแรกที่รู้จัก..รักนี้เป็นความรักของครอบครัวค่ะ รักที่ได้รับและได้เรียนรู้จากคนในครอบครัว
รักนี้ถือว่าเป็นความรักที่สำคัญมากๆเลยค่ะ เพราะมันจะส่งผลไปถึงความรักในรูปแบบอื่นๆในอนาคต
ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวข้าราชการ คุณพ่อเป็นทหาร คุณแม่เป็นครูอยู่ที่จ.อุบล
คุณพ่อกับคุณแม่ของเราอยู่กินกันก่อนแต่งงานทำให้ท้องก่อนแต่งเมื่อ26ปีที่แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ
คุณยายเองก็เกลียดคุณพ่อของเรามากๆเพราะท่านให้เหตุผลว่า"มันเป็นผู้ชายดิบ"
คุณยายบอกว่าผู้ชายดิบคือผู้ชายที่ไม่ยอมบวช ไม่เคารพผู้ใหญ่ พูดจาเป็นใหญ่ ไม่มีมูลจริง" (คุณพ่อเราเป็นแบบนี้จริงๆ)
พอเราเกิดได้10วันคุณยายก็ส่งคุณป้ามารับตัวเราไปเลี้ยงดูที่จ.กาฬสินธุ์ค่ะ
โดยท่านให้เหตุผลว่าคุณแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงเพราะคุณแม่ต้องเดินทางไปทำงานระยะทางไปกลับราวๆ140กิโลได้ ส่วนคุณพ่อเลี้ยงลูกไม่เป็นแน่ๆ
และเราเป็นข้าราชการเงินเดือนน้อยนิดคงไม่มีเงินไปจ้างใครมาเลี้ยงเราแน่ๆ ที่สำคัญไม่ไว้ใจให้ใครมาเลี้ยงแทนด้วย
คุณยายและคุณป้ารับเรามาเลี้ยงไปพร้อมๆกับลูกพี่ลูกน้องด้วยกันเพราะญาติๆเราก็เป็นข้าราชการเหมือนกันหมด
ไม่มีเวลาเลี้ยงลูกกันเลยแต่มีคุณป้าคนโตเป็นแม่นมคอยเลี้ยงดูหลานๆ(ตอนนี้รวมทั้งน้อง หลาน เหลน ราวๆ20กว่าคนได้ค่ะ)
เสาร์-อาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่ของพวกเราก็จะมาเยี่ยมที อารมณ์เหมือนโรงเรียนประจำ
พอพวกเราโตขึ้นพอจะเข้าโรงเรียนก็จะได้กลับไปอยู่กับพ่อ แม่ของตัวเองได้ค่ะ
เราก็เช่นกันพอเข้าอนุบาลได้เราก็ได้กลับไปอยู่กับพ่อกับแม่ที่จ.อุบล เราเรียนที่โรงเรียนอนุบาลใกล้บ้าน
ตอนนั้นเราอยู่กันที่ค่ายทหาร เป็นบ้านพักทหารค่ะ คุณพ่อคุณแม่เลยเลือกโรงเรียนใกล้ๆให้ไปรับไปส่งสะดวก
เราไปโรงเรียนพร้อมแม่ทุกเช้า ตอนเย็นถ้าคุณพ่อกลับมาเร็วท่านก็จะไปรับ
แต่ถ้าไม่มีคนมารับเราก็จะเดินกลับเองค่ะ โดยคุณแม่จะสอนวิธีเปิดประตู
ละก็ที่ซ่อนกุญแจไว้ให้ พร้อมกับบอกที่ซ่อนเงินค่าขยมตอนเย็น ให้หาอะไรทานก่อนเผื่อวันไหนที่คุณพ่อคุณแม่กลับช้า
คุณพ่อจะเป็นคนเข้มงวด ดุ และตีเราบ่อยๆ ไม่ว่าจะเดิน กิน อาบน้ำ นอน ทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบวินัย
ตอนนั้นเราอายุ4ขวบ คุณพ่อเป็นคนชอบดื่มเหล้าและชอบทำร้ายร่างกายคุณแม่เป็นประจำ
ภาพที่เห็นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันเป็นภาพที่ชินตา
เสียงด่าโต้ตอบเป็นเรื่องปกติที่เราได้ยิน
เราไม่เคยร้องไห้เลยเวลาที่ท่านทะเลาะกัน เราได้แต่มองและคอยกอดคุณแม่ไว้
มีครั้งนึ่ง เป็นช่วงปิดเทอมแต่คุณแม่ยังต้องไปทำงานอยู่
คุณพ่อก็ต้องไปทำงานเหมือนกันคุณพ่อเลยให้เราอยู่บ้านแต่ท่านไม่อนุญาตให้เราออกไปไหนเลยขังไว้ในบ้านตอนนั้นจำได้ว่าอยู่อนุบาล3แล้ว
ด้วยความที่เป็นเด็กเราเลยแอบปีกำแพงหลังบ้านโดยมีเพื่อนบ้านข้างๆมาชวนให้ไปเล่นด้วยกัน
เราใช้เศษก้อนอิฐก่อๆขึ้นเพื่อที่จะปีน แต่แล้วโชคไม่เข้าข้างเอาซะเลย
อิจล้มทับเท้าเราเลือดออกเล็บเท้าฉีก เราตกใจและพยายามหาผ้ามาพันเลือดก็ไหลไม่หยุด
ไม่ถึง5นาทีก็ไม่ยินเสียงรถคุณพ่อมา
เราเป็นเด็กน้อยได้ยินเสียงรถพ่อก็ดีใจว่าพ่อมาช่วยแล้ว
เราร้องไห้วิ่งไปหาคุณพ่อท่านทำหน้าตกใจแล้วจับตัวเรานั่งลง หายามาทำแผลให้พร้อมกับบ่นๆ ดุๆ ด่าๆ
แล้วท่านก็โมโหถามเราว่าทำไมเป็นแบบนี้เราก็สารภาพผิดว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับน้ำตา
แต่ท่านไม่ได้โอ๋ หรือว่าปลอบใจแต่อย่างใดแต่ ตบหน้าเราพร้อมกับด่าเสียงดังมาก
เราก็เลยต้องเงียบแล้วก็ก้มหน้าก้มตา ในใจเด็กน้อยผิดหวังและเศร้าใจมาก
เหตุการณ์ดำเนินไปเหมือนเช่นเคยๆ จนเราจบอนุบาล...เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อ เผื่อใครอยากรู้^^