ไม่ใช่เรื่องของเรานะคะ เพราะเราไม่รวย
เรื่องก็คือ หมู่บ้านเราจะมีเด็กอายุใกล้เคียงลิงที่บ้านอยู่สองสามคนค่ะ
ในแต่ละวันตอนเย็น พี่เลี้ยงก็จะพาเด็กๆไปเล่นด้วยกัน
ซึ่งพักหลังนี่เราเฟดตัวเองออกมา เพราะฟังแก็งค์สาวพม่าไม่ออกจริงๆ ไม่สามารถ
แล้วเรื่องที่เพิ่งรับรู้เมื่อไม่นานมานี่คือ สมมติชื่อแล้วกัน น้องเอ ซึ่งอายุมากกว่าลูกลิงปีนึง
ฐานะทางบ้านจัดว่าดีเลย แต่ติดที่พ่อทำงานหนัก กลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืนประจำ
หลังจากที่น้องเอเข้าอนุบาล พี่เลี้ยงที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ก็กลับบ้านไป แม่น้องเอก็กลับไปทำงาน
แม่น้องเอ ปกติทำงานเลิกเย็นๆ หลังเลิกเรียนก็ไปรับน้องเอแล้วเอาไปอยู่ด้วยที่ร้าน
แต่ตอนนี้แม่น้องเอเปิดร้านเพิ่ม ซึ่งทำให้น้องเอ ต้องกลับมาอยู่บ้านกับพี่เลี้ยงเพียงสองคนยันเข้านอน
และเท่าที่สังเกต น้องเอจะอารมณ์ฉุนเฉียวมากเวลาที่อยู่กับพี่เลี้ยง ต่างกับช่วงที่อยู่กับแม่โดยสิ้นเชิง
มากันที่อีกครอบครัวนึง คือน้องบี น้องบีเป็นเด็กผู้ชาย อายุแก่กว่าลิงที่บ้านสองสามเดือนเท่านั้น
แม่น้องบีทำงานเลิกเย็นๆ เช่นกัน ส่วนพ่อทำงานที่บ้าน(บ้านเป็นร้านค้า) แต่ถึงกระนั้น
สิ่งที่เห็นคุ้นตาก็คือ น้องบีจะมีพี่เลี้ยงคอยตามเดินป้อนข้าว หรือขี่จักรยานทุกเย็น ตลอดมา
เท่าที่สังเกตคือเวลาที่พ่อน้องบีทำงาน น้องบีจะถูกห้ามเข้าไปรบกวนเด็ดขาด
ดังนั้น หลังจากที่น้องบีกลับมาจากอนุบาล น้องบีจะอยู่กับพี่เลี้ยงตลอด
จนแม่น้องบีกลับมาทำกับข้าว น้องบีถึงจะเข้าบ้านได้ ซึ่งการกินข้าวเย็นในเวลาทุ่มสองทุ่ม
สำหรับเรา เราก็ว่ามาเย็นเกินไปไหม เคยถามน้องบีว่าไม่หิวเหรอ ไม่ให้พี่เลี้ยงทำอะไรให้กินก่อนล่ะ
น้องบีตอบว่า อยากกินข้าวกับพ่อแม่
ที่เขียนมาทั้งหมด เรารับรู้มาแค่นี้ เลยไม่อยากฟันธงอะไร
เพราะเข้าใจว่าแต่ละบ้าน การเลี้ยงดูก็ไม่เหมือนกัน ความจำเป็นก็ไม่เหมือนกัน
แต่สังคมในปัจจุบันก็สะท้อนอะไรมากมาย ว่าเราได้อยู่ในยุคของสังคมวัตถุนิยมแล้วอย่างเต็มตัว
วันเวลาได้ถูกใช้ไปในการหาเงินทองมามากมาย เพื่อคุณภาพชีวิตที่มั่นคง เพื่อปัจจัยต่างๆที่มีราคาเพิ่มขึ้น
เหมือนกับชีวิตคนทุกคน ได้มีเป้าหมายของชีวิตโดยการตั้งโปรแกรมไว้แล้ว
นั่นคือการหาเงิน หาปัจจัย เพื่อทำให้ชีวิต(ที่ใครหลายคนอาจมองว่าดีแล้ว)ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
มันไม่ผิด ไม่ใช่ว่าไม่ควร ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ชีวิตจริงๆน่ะหรือ สิ่งนี้น่ะหรือ คือคำตอบ
เพราะวันเวลามันผ่านมา แล้วก็ผ่านเลยไป ไม่เคยหยุดนิ่งรอใครหรืออะไร
ทุกวันนี้ ใช้ชีวิตที่มีความสุขกันแน่แล้วหรือยัง ใช้ชีวิตไม่มีคำว่าเสียดายกันเเล้วใช่ไหม
ชีวิตเด็กส่วนใหญ่เกินครึ่งวันที่ต้องอยู่กับพี่เลี้ยง
เรื่องก็คือ หมู่บ้านเราจะมีเด็กอายุใกล้เคียงลิงที่บ้านอยู่สองสามคนค่ะ
ในแต่ละวันตอนเย็น พี่เลี้ยงก็จะพาเด็กๆไปเล่นด้วยกัน
ซึ่งพักหลังนี่เราเฟดตัวเองออกมา เพราะฟังแก็งค์สาวพม่าไม่ออกจริงๆ ไม่สามารถ
แล้วเรื่องที่เพิ่งรับรู้เมื่อไม่นานมานี่คือ สมมติชื่อแล้วกัน น้องเอ ซึ่งอายุมากกว่าลูกลิงปีนึง
ฐานะทางบ้านจัดว่าดีเลย แต่ติดที่พ่อทำงานหนัก กลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืนประจำ
หลังจากที่น้องเอเข้าอนุบาล พี่เลี้ยงที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ก็กลับบ้านไป แม่น้องเอก็กลับไปทำงาน
แม่น้องเอ ปกติทำงานเลิกเย็นๆ หลังเลิกเรียนก็ไปรับน้องเอแล้วเอาไปอยู่ด้วยที่ร้าน
แต่ตอนนี้แม่น้องเอเปิดร้านเพิ่ม ซึ่งทำให้น้องเอ ต้องกลับมาอยู่บ้านกับพี่เลี้ยงเพียงสองคนยันเข้านอน
และเท่าที่สังเกต น้องเอจะอารมณ์ฉุนเฉียวมากเวลาที่อยู่กับพี่เลี้ยง ต่างกับช่วงที่อยู่กับแม่โดยสิ้นเชิง
มากันที่อีกครอบครัวนึง คือน้องบี น้องบีเป็นเด็กผู้ชาย อายุแก่กว่าลิงที่บ้านสองสามเดือนเท่านั้น
แม่น้องบีทำงานเลิกเย็นๆ เช่นกัน ส่วนพ่อทำงานที่บ้าน(บ้านเป็นร้านค้า) แต่ถึงกระนั้น
สิ่งที่เห็นคุ้นตาก็คือ น้องบีจะมีพี่เลี้ยงคอยตามเดินป้อนข้าว หรือขี่จักรยานทุกเย็น ตลอดมา
เท่าที่สังเกตคือเวลาที่พ่อน้องบีทำงาน น้องบีจะถูกห้ามเข้าไปรบกวนเด็ดขาด
ดังนั้น หลังจากที่น้องบีกลับมาจากอนุบาล น้องบีจะอยู่กับพี่เลี้ยงตลอด
จนแม่น้องบีกลับมาทำกับข้าว น้องบีถึงจะเข้าบ้านได้ ซึ่งการกินข้าวเย็นในเวลาทุ่มสองทุ่ม
สำหรับเรา เราก็ว่ามาเย็นเกินไปไหม เคยถามน้องบีว่าไม่หิวเหรอ ไม่ให้พี่เลี้ยงทำอะไรให้กินก่อนล่ะ
น้องบีตอบว่า อยากกินข้าวกับพ่อแม่
ที่เขียนมาทั้งหมด เรารับรู้มาแค่นี้ เลยไม่อยากฟันธงอะไร
เพราะเข้าใจว่าแต่ละบ้าน การเลี้ยงดูก็ไม่เหมือนกัน ความจำเป็นก็ไม่เหมือนกัน
แต่สังคมในปัจจุบันก็สะท้อนอะไรมากมาย ว่าเราได้อยู่ในยุคของสังคมวัตถุนิยมแล้วอย่างเต็มตัว
วันเวลาได้ถูกใช้ไปในการหาเงินทองมามากมาย เพื่อคุณภาพชีวิตที่มั่นคง เพื่อปัจจัยต่างๆที่มีราคาเพิ่มขึ้น
เหมือนกับชีวิตคนทุกคน ได้มีเป้าหมายของชีวิตโดยการตั้งโปรแกรมไว้แล้ว
นั่นคือการหาเงิน หาปัจจัย เพื่อทำให้ชีวิต(ที่ใครหลายคนอาจมองว่าดีแล้ว)ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
มันไม่ผิด ไม่ใช่ว่าไม่ควร ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ชีวิตจริงๆน่ะหรือ สิ่งนี้น่ะหรือ คือคำตอบ
เพราะวันเวลามันผ่านมา แล้วก็ผ่านเลยไป ไม่เคยหยุดนิ่งรอใครหรืออะไร
ทุกวันนี้ ใช้ชีวิตที่มีความสุขกันแน่แล้วหรือยัง ใช้ชีวิตไม่มีคำว่าเสียดายกันเเล้วใช่ไหม