สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
เราขอมาแชร์ประสบการณ์ในการทำ housekeeping ในรีสอร์ทหรู ถ้าปีนี้ใครเลือกงานแบบนี้ไปแล้วละก็ เตรียมใจมาฟังให้ดีๆเลยค่ะ
เราเป็นเด็กปีสอง ด้วยความที่เพื่อนๆพี่ๆได้ไป WAT กันเยอะมาก เราเลยขอตามกระแสขอไปด้วยทันที เลยมาสมัครกับ Higher พร้อมเพื่อนๆ เพราะรุ่นพี่แนะนำมา พอสมัครสอบแล้ว จ่ายเงินแล้ว ก็เลือกงานเลย ด้วยความที่เราฝันไว้สูง อยากทำงานในร้านอาหาร อยากเป็นเด็กเสิร์ฟ เลยเลือกงานร้านอาหารไป พอเข้าสัมภาษณ์กับทางนายจ้างฝรั่ง ผลออกมาเราตกค่ะ อยากจะร้องให้เลย เลยต้องเลือกงานใหม่ จนในที่สุดเราก็ได้ทำในรีสอร์ทครอบครัวขนาดใหญ่ในรัฐ Vermont เพราะตอนนั้นเพื่อนๆเราจะเลือกไป เราเลยต้องเลือกตาม สรุปงานนี้ผ่านการสัมภาษณ์กับฝรั่งค่ะ ตอนแรกเรารู้สึกไม่ดีเลยเพราะต้องไปทำงานเป็น housekeeping เพราะไม่เคยชอบการทำความสะอาดเลยสักนิด แต่ก็ต้องทำใจค่ะ เพราะไม่มีทางเลือก เพราะผ่านแล้วนี่
จากนั้น พอรู้ผลว่าผ่านงานแล้ว ชิวเลยค่ะ เราเป็นคนที่ขี้เกียจพอสมควร พี่ทีมงาน Higher ก็โทรจิกตามมาทวงเอกสารที่เหลือที่เรายังไม่ได้ส่งไป แฮะๆ พี่ๆเขาก็นัดมาติวก่อนสัมภาษณ์วีซ่า บอกขั้นตอนการเข้าสถานทูต จนวันชี้ชะตาก็มาถึง ตื่นเต้นมากๆ ไปเช็คชื่อกับพี่ๆทีมงานหน้าสถานทูต แล้วก็เตรียมใจเข้าไปรับกับสิ่งที่กลัวมากที่สุดคือการสัมภาษณ์วีซ่า!!! สรุปผ่านค่ะ ไม่ยากเลย ถามเราแค่สองสามประโยคเอง ออกมาบอกพี่ๆทีมงานไฮเออร์ว่าผ่านแล้ว เย้! ทีนี้ก็เตรียมตัวบินค่ะ
ช่วงบินก็บอกลาญาติพี่น้องที่สนามบิน แล้วเช็คชื่อกับพี่ๆทีมงานไฮเออร์ แล้วก็โบกมือลา บ๊ายบายไทยแลนด์ ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตเริ่มต้นแล้วค่ะ เราได้เดินทางกับเพื่อนๆที่ไปงานเดียวกับเราเยอะมาก เจอกับเด็กงานอื่นด้วย แต่กว่าจะถึงปลายทางที่อเมริกาต้องทรหดอดทนกับการต่อเครื่องเปลี่ยนเครื่อง ล้ากันเลยทีเดียว พอไปถึงปลายทาง รับกระเป๋าเสร็จ มีฝรั่งหนุ่มอ้วนคนหนึ่งเดินมา เพราะเห็นพวกเราใส่เสื้อของทีมงานไฮเออร์เป็นหมู่คณะ เขาทักทายว่า Hello, you guys are Thai students from Higher Education Thailand? พวกเราก็ตอบไปว่า YES!!! ด้วยความตื่นเต้นกัน หนุ่มอ้วนคนนี้น่ารักมาก เขาก็มาขนกระเป๋าพวกเราขึ้นรถไป และพาไปที่บ้านพักทันที พอไปถึงบ้านพักก็ทำการจ่ายเงินค่ามัดจำบ้านกับแลนด์ลอร์ดฝรั่ง เขามารับหน้าบ้านเลยน๊ะค๊า มารอรับเงิน แฮะๆ ล้อเล่น
หลังจากจ่ายค่ามัดจำบ้าน พวกเราเด็กไทยก็ทำการพักผ่อนที่บ้านพักเป็นเวลา 2 วัน ต่างคนต่างโทรไปหาพ่อแม่ บางคนก็งอแง แล้วไม่นานนายจ้างก็มาหาที่บ้าน มาแนะนำตัว และพาไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้ววันรุ่งขึนนายจ้างก็ส่งคนมารับไปที่รีสอร์ทเลย ใช้เวลาไม่นานมากจากบ้านพัก ประมาณ 10 นาที พอไปถึงพนักงานอีกคนก็พาไปเซ็นสัญญาจ้าง และพาไปสอนวิธีการตอกบัตร จากนั้นก็พาไปทัวร์รีสอร์ท เหมือนพวกเราเป็นนักท่องเที่ยวเลย รู้สึกดีมาก พอบ่ายวันนั้นการเทรนงานเริ่มขึ้นจ้า ฝรั่งผู้หญิงสุดสวยใจดีพาพวกเราแยกห้องละสามคน และสอนการปูเตียงตลอดจนพับผ้าห่ม การล้างอ่างอาบน้ำ การพับผ้าเช็ดตัว การดูดฝุ่นใต้เตียง การทำความสะอาดตู้เย็น ทุกอย่างที่เราไม่ชอบต้องมาเจออีกแล้ว
แต่การเทรนงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนเราก็ทำงานกันคล่องแคล่ว แรกๆสิ่งที่เราไม่ชอบกลับกลายเป็นชอบ เพราะเปิดห้องไป เรากับเพื่อนๆก็เปิดวิทยุฟังเพลง ซึ่งวิทยุที่โน่นเพลงจะเปิดซ้ำไปซ้ำมาจนร้องตามได้ทุกเพลง แฮะๆ จากที่เรากลัวจะทำไม่ได้ก็ทำได้ทุกอย่าง เข้าห้องแขกสิ่งที่เราจะเน้นคือการปูเตียงก่อน แล้วขัดตู้เย็น จากนั้นก็ล้างห้องน้ำ ใช้น้ำยาฉีดแล้วเอาผ้าถู เช็ดกระจกในห้องน้ำ ทำอย่างเพลิดเพลินค๊า แล้วสิ่งที่เราชอบที่สุดคือการดูดฝุ่น ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดพื้นนี่สนุกมากๆ วิ่งไปทั่วห้อง เพราะพื้นจะเป็นพรมหมดทั้งห้อง เรากับเพื่อนๆก็ทำกันครบ 3 เดือน ทำอย่างนี้จนแอบคิดว่าวงจรชีวิตสั้นกว่าแมลงหวี่อีกค่ะ แต่ระหว่างนี้นายจ้าง เพื่อนร่วมงาน ก็พาไปปาร์ตี้ พาไปเที่ยว ได้สนิทและผูกพันกับพนักงานทุกคนเลย
เวลาจากลาก็มาถึง เวลาสามเดือนผ่านไปไวอย่างโกหก พนักงานฝรั่งที่โน่นจากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนสนิท ทุกสิ่งที่แปลกตากลายเป็นความเคยชิน รู้สึกผูกพันกับที่นั่น เวลารู้ว่าจะจากมาและอาจไม่มีโอกาสได้กลับไปนี่น้ำตาจะไหลเลย เราได้ให้ของขวัญกับเพื่อนๆฝรั่งที่โน่น ทั้งป้าๆ housekeeping ด้วยกัน เราก็ไปกอดลา คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆที่เราได้ทำร่วมกัน จนเดินทางมาถึงไทย สิ่งต่างๆยังคงติดอยู่ในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลยค่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่จะไปทำ housekeeping ในปีหน้านะคะ อย่าไปกลัวค่ะว่างานนี้จะหนักจะเหนื่อย เพราะจากที่เราไปมา เรารู้สึกว่างานนี้ทำแล้วสบายใจที่สุด หลังจากฟังจากเสียงเล่าของเพื่อนๆที่ไปทำงานแบบอื่นมา เขาต้องเสี่ยงกับความกดดัน เจอแต่ลูกค้าเหวี่ยง งานยุ่งต้องทำให้เร็ว แต่งานแบบพวกเราชาว housekeeping ไม่ต้องไปยุ่งกับใครค่ะ ทำด้วยตัวเราเอง ทำให้เรียบร้อย ไม่โดนกดดัน แถมได้ทิปด้วย ได้คำชมจากเมเนเจอร์ตรวจห้องด้วย แต่มันก็อยู่ที่ดวงด้วยค่ะ ว่าเราจะไปเจอแบบไหน บางที่ที่เหนื่อยมากก็มีเยอะ
สำหรับการเลือกบริษัท เราไม่ได้เลือกเยอะเลยค่ะ เพื่อนไปไหนไปที่นั่น แต่เราเลือกไปกับ Higher Education เพราะรุ่นพี่แนะนำเพื่อนเรามา เราก็เลยไปด้วย ที่นี่เราบอกได้เลยว่าโอเคเลยค่ะ เราพอใจกับที่นี่ในระดับหนึ่ง พี่ทีมงานพูดจาเพราะ จัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย พอไปถึงอเมริกาพวกพี่เขาก็ส่งอีเมล์เป็นข่าวสารมาแจ้งเป็นระยะๆ แต่พวกเราไม่เคยตอบ แฮะๆ ตอบอีกทีเรื่องเปลี่ยนตั๋ว ตอนจะกลับไทยเท่านั้น เพื่อนๆลองศึกษาดูดีๆนะคะ ทุกที่เราว่าไม่ต่างกันมาก เราว่าดวงเรานี่มีผลสำคัญค่ะ แต่เราเชื่อว่าเราดวงดีมาก ที่ได้ไปเจอแต่สิ่งดีๆที่อเมริกา
ขอให้เพื่อนๆที่เลือกงาน housekeeping ไปในปีนี้โชคดีค่ะ รวมถึงงานอื่นๆด้วย แฮะๆ
[SR] แชร์ประสบการณ์ Housekeeper จากเด็กเก่า Higher Education
เราเป็นเด็กปีสอง ด้วยความที่เพื่อนๆพี่ๆได้ไป WAT กันเยอะมาก เราเลยขอตามกระแสขอไปด้วยทันที เลยมาสมัครกับ Higher พร้อมเพื่อนๆ เพราะรุ่นพี่แนะนำมา พอสมัครสอบแล้ว จ่ายเงินแล้ว ก็เลือกงานเลย ด้วยความที่เราฝันไว้สูง อยากทำงานในร้านอาหาร อยากเป็นเด็กเสิร์ฟ เลยเลือกงานร้านอาหารไป พอเข้าสัมภาษณ์กับทางนายจ้างฝรั่ง ผลออกมาเราตกค่ะ อยากจะร้องให้เลย เลยต้องเลือกงานใหม่ จนในที่สุดเราก็ได้ทำในรีสอร์ทครอบครัวขนาดใหญ่ในรัฐ Vermont เพราะตอนนั้นเพื่อนๆเราจะเลือกไป เราเลยต้องเลือกตาม สรุปงานนี้ผ่านการสัมภาษณ์กับฝรั่งค่ะ ตอนแรกเรารู้สึกไม่ดีเลยเพราะต้องไปทำงานเป็น housekeeping เพราะไม่เคยชอบการทำความสะอาดเลยสักนิด แต่ก็ต้องทำใจค่ะ เพราะไม่มีทางเลือก เพราะผ่านแล้วนี่
จากนั้น พอรู้ผลว่าผ่านงานแล้ว ชิวเลยค่ะ เราเป็นคนที่ขี้เกียจพอสมควร พี่ทีมงาน Higher ก็โทรจิกตามมาทวงเอกสารที่เหลือที่เรายังไม่ได้ส่งไป แฮะๆ พี่ๆเขาก็นัดมาติวก่อนสัมภาษณ์วีซ่า บอกขั้นตอนการเข้าสถานทูต จนวันชี้ชะตาก็มาถึง ตื่นเต้นมากๆ ไปเช็คชื่อกับพี่ๆทีมงานหน้าสถานทูต แล้วก็เตรียมใจเข้าไปรับกับสิ่งที่กลัวมากที่สุดคือการสัมภาษณ์วีซ่า!!! สรุปผ่านค่ะ ไม่ยากเลย ถามเราแค่สองสามประโยคเอง ออกมาบอกพี่ๆทีมงานไฮเออร์ว่าผ่านแล้ว เย้! ทีนี้ก็เตรียมตัวบินค่ะ
ช่วงบินก็บอกลาญาติพี่น้องที่สนามบิน แล้วเช็คชื่อกับพี่ๆทีมงานไฮเออร์ แล้วก็โบกมือลา บ๊ายบายไทยแลนด์ ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตเริ่มต้นแล้วค่ะ เราได้เดินทางกับเพื่อนๆที่ไปงานเดียวกับเราเยอะมาก เจอกับเด็กงานอื่นด้วย แต่กว่าจะถึงปลายทางที่อเมริกาต้องทรหดอดทนกับการต่อเครื่องเปลี่ยนเครื่อง ล้ากันเลยทีเดียว พอไปถึงปลายทาง รับกระเป๋าเสร็จ มีฝรั่งหนุ่มอ้วนคนหนึ่งเดินมา เพราะเห็นพวกเราใส่เสื้อของทีมงานไฮเออร์เป็นหมู่คณะ เขาทักทายว่า Hello, you guys are Thai students from Higher Education Thailand? พวกเราก็ตอบไปว่า YES!!! ด้วยความตื่นเต้นกัน หนุ่มอ้วนคนนี้น่ารักมาก เขาก็มาขนกระเป๋าพวกเราขึ้นรถไป และพาไปที่บ้านพักทันที พอไปถึงบ้านพักก็ทำการจ่ายเงินค่ามัดจำบ้านกับแลนด์ลอร์ดฝรั่ง เขามารับหน้าบ้านเลยน๊ะค๊า มารอรับเงิน แฮะๆ ล้อเล่น
หลังจากจ่ายค่ามัดจำบ้าน พวกเราเด็กไทยก็ทำการพักผ่อนที่บ้านพักเป็นเวลา 2 วัน ต่างคนต่างโทรไปหาพ่อแม่ บางคนก็งอแง แล้วไม่นานนายจ้างก็มาหาที่บ้าน มาแนะนำตัว และพาไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้ววันรุ่งขึนนายจ้างก็ส่งคนมารับไปที่รีสอร์ทเลย ใช้เวลาไม่นานมากจากบ้านพัก ประมาณ 10 นาที พอไปถึงพนักงานอีกคนก็พาไปเซ็นสัญญาจ้าง และพาไปสอนวิธีการตอกบัตร จากนั้นก็พาไปทัวร์รีสอร์ท เหมือนพวกเราเป็นนักท่องเที่ยวเลย รู้สึกดีมาก พอบ่ายวันนั้นการเทรนงานเริ่มขึ้นจ้า ฝรั่งผู้หญิงสุดสวยใจดีพาพวกเราแยกห้องละสามคน และสอนการปูเตียงตลอดจนพับผ้าห่ม การล้างอ่างอาบน้ำ การพับผ้าเช็ดตัว การดูดฝุ่นใต้เตียง การทำความสะอาดตู้เย็น ทุกอย่างที่เราไม่ชอบต้องมาเจออีกแล้ว
แต่การเทรนงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนเราก็ทำงานกันคล่องแคล่ว แรกๆสิ่งที่เราไม่ชอบกลับกลายเป็นชอบ เพราะเปิดห้องไป เรากับเพื่อนๆก็เปิดวิทยุฟังเพลง ซึ่งวิทยุที่โน่นเพลงจะเปิดซ้ำไปซ้ำมาจนร้องตามได้ทุกเพลง แฮะๆ จากที่เรากลัวจะทำไม่ได้ก็ทำได้ทุกอย่าง เข้าห้องแขกสิ่งที่เราจะเน้นคือการปูเตียงก่อน แล้วขัดตู้เย็น จากนั้นก็ล้างห้องน้ำ ใช้น้ำยาฉีดแล้วเอาผ้าถู เช็ดกระจกในห้องน้ำ ทำอย่างเพลิดเพลินค๊า แล้วสิ่งที่เราชอบที่สุดคือการดูดฝุ่น ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดพื้นนี่สนุกมากๆ วิ่งไปทั่วห้อง เพราะพื้นจะเป็นพรมหมดทั้งห้อง เรากับเพื่อนๆก็ทำกันครบ 3 เดือน ทำอย่างนี้จนแอบคิดว่าวงจรชีวิตสั้นกว่าแมลงหวี่อีกค่ะ แต่ระหว่างนี้นายจ้าง เพื่อนร่วมงาน ก็พาไปปาร์ตี้ พาไปเที่ยว ได้สนิทและผูกพันกับพนักงานทุกคนเลย
เวลาจากลาก็มาถึง เวลาสามเดือนผ่านไปไวอย่างโกหก พนักงานฝรั่งที่โน่นจากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนสนิท ทุกสิ่งที่แปลกตากลายเป็นความเคยชิน รู้สึกผูกพันกับที่นั่น เวลารู้ว่าจะจากมาและอาจไม่มีโอกาสได้กลับไปนี่น้ำตาจะไหลเลย เราได้ให้ของขวัญกับเพื่อนๆฝรั่งที่โน่น ทั้งป้าๆ housekeeping ด้วยกัน เราก็ไปกอดลา คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆที่เราได้ทำร่วมกัน จนเดินทางมาถึงไทย สิ่งต่างๆยังคงติดอยู่ในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลยค่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่จะไปทำ housekeeping ในปีหน้านะคะ อย่าไปกลัวค่ะว่างานนี้จะหนักจะเหนื่อย เพราะจากที่เราไปมา เรารู้สึกว่างานนี้ทำแล้วสบายใจที่สุด หลังจากฟังจากเสียงเล่าของเพื่อนๆที่ไปทำงานแบบอื่นมา เขาต้องเสี่ยงกับความกดดัน เจอแต่ลูกค้าเหวี่ยง งานยุ่งต้องทำให้เร็ว แต่งานแบบพวกเราชาว housekeeping ไม่ต้องไปยุ่งกับใครค่ะ ทำด้วยตัวเราเอง ทำให้เรียบร้อย ไม่โดนกดดัน แถมได้ทิปด้วย ได้คำชมจากเมเนเจอร์ตรวจห้องด้วย แต่มันก็อยู่ที่ดวงด้วยค่ะ ว่าเราจะไปเจอแบบไหน บางที่ที่เหนื่อยมากก็มีเยอะ
สำหรับการเลือกบริษัท เราไม่ได้เลือกเยอะเลยค่ะ เพื่อนไปไหนไปที่นั่น แต่เราเลือกไปกับ Higher Education เพราะรุ่นพี่แนะนำเพื่อนเรามา เราก็เลยไปด้วย ที่นี่เราบอกได้เลยว่าโอเคเลยค่ะ เราพอใจกับที่นี่ในระดับหนึ่ง พี่ทีมงานพูดจาเพราะ จัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย พอไปถึงอเมริกาพวกพี่เขาก็ส่งอีเมล์เป็นข่าวสารมาแจ้งเป็นระยะๆ แต่พวกเราไม่เคยตอบ แฮะๆ ตอบอีกทีเรื่องเปลี่ยนตั๋ว ตอนจะกลับไทยเท่านั้น เพื่อนๆลองศึกษาดูดีๆนะคะ ทุกที่เราว่าไม่ต่างกันมาก เราว่าดวงเรานี่มีผลสำคัญค่ะ แต่เราเชื่อว่าเราดวงดีมาก ที่ได้ไปเจอแต่สิ่งดีๆที่อเมริกา
ขอให้เพื่อนๆที่เลือกงาน housekeeping ไปในปีนี้โชคดีค่ะ รวมถึงงานอื่นๆด้วย แฮะๆ