พฤกษา เดินหน้าบุกต่างประเทศ กว้านซื้อที่ดินในบังคาลอร์ และอินโดฯ ผุดคอนโด-บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์
การรุกลงทุนต่างประเทศเป็นแนวทางสำคัญของการขยายฐานธุรกิจ-เพิ่มพอร์ตรายได้ โดยเฉพาะประเทศอาเซียนความต้องการบริโภคสินค้าทุกกลุ่มขยายตัวสูง รวมถึง "อสังหาริมทรัพย์" จูงใจผู้ประกอบการหลายรายมุ่งเปิดตลาดนอกบ้านสร้างโอกาสธุรกิจ
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในต่างประเทศว่า อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2 แปลงในเมืองบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย และอีก 2 แปลงในประเทศอินโดนีเซีย ลงทุนเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อแปลง คาดว่าจะสามารถสรุปการซื้อขายได้ภายในปีนี้ โดยอินโดนีเซีย จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ส่วนอินเดีย จะพัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม
ก่อนหน้านี้ พฤกษา เข้าไปลงทุนในอินเดีย ตั้งแต่ปี 2552 พัฒนาโครงการพฤกษา ซิลวานา (Pruksa Silvana) ในเมืองบังคาลอร์ จำนวน 401 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวในเมืองมุมไบ จำนวน 300 ยูนิต นอกจากนี้ได้เข้าลงทุนที่เกาะมัลดีฟส์ มูลค่า 250-300 ล้านบาท แต่ถอนการลงทุนออกมาเมื่อต้นปี 2556 เพราะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสูง
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศยังอยู่ในระดับ 1.5% เท่านั้นในระยะสั้นยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ตามแผนระยะ 4-6 ปีบริษัทวางเป้าหมายเป็น 1 ใน 10 ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ เอเชีย ด้วยรายได้ระดับ 1 แสนล้านบาท
ผุด3โรงงานพรีแคส
สำหรับตลาดในประเทศ จัดสรรงบประมาณกว่า 2,500 ล้านบาท ปรับปรุงโรงงานเก่า 3 แห่ง และลงทุนโรงงานพรีแคส หรือ ระบบก่อสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป อีก 3 แห่ง ย่านนวนคร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตบ้านสำเร็จรูป 450 หลังต่อเดือน จากปัจจุบันมีโรงงานพรีแคส 5 แห่ง มีกำลังการผลิตบ้านเดี่ยว 650 หลังต่อเดือน หรือรวมทาวน์เฮ้าส์ จะอยู่ที่ 740 หลังต่อเดือน โดยรวมกำลังการผลิตทั้ง 8 โรงงานในอนาคตอยู่ที่ 1,190 หลังต่อเดือน
โรงงานใหม่ดังกล่าว เริ่มก่อสร้างปลายไตรมาส 3 นี้ จะสามารถผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปได้ ในเดือนส.ค. ปีหน้า คาดรองรับการเติบโตของธุรกิจได้ 3 ปีข้างหน้า
"การลงทุนโรงงานพรีแคสใหม่ รองรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ เฉลี่ยปีละ 25% ซึ่งจะทำให้บริษัทสร้างบ้านได้ตามแผน ช่วยลดยอดขายที่รอรับรู้รายได้ลงด้วย เพราะสามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น รับรู้รายได้เข้ามาเร็วขึ้น"
นอกจากนี้ ยังเตรียมงบกว่า 100 ล้านบาท สร้างระบบพรีแคสเคลื่อนที่เพื่อใช้พัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต จากที่ผ่านมาต้องส่งคอนกรีตสำเร็จรูปจากโรงงานที่ลำลูกกาไปภูเก็ต ซึ่งมีต้นทุนค่าโลจิสติกส์สูง
ขยับราคาบ้านขึ้น 4%
นายทองมา กล่าวต่อว่า พฤกษา จะใช้กลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม เน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามาใช้บริหารลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเป็นฐานข้อมูลช่วยลดปัญหาลูกค้าถูกสถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อ ที่มีสัดส่วน 18% เมื่อรวมกับเหตุผลส่วนตัวทั้งการเปลี่ยนใจไม่ซื้อบ้านอีก 7% รวมเป็นยอดรีเจ็คต์ 25% แล้วหันมาทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อบ้านพฤกษามากขึ้น
พฤกษา ยังเตรียมปรับราคาขายบ้านขึ้น 4% ในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ถือว่าต่ำกว่าตลาดที่ปรับขึ้น 7% โดยปัจจุบัน ต้นทุนค่าแรง วัสดุก่อสร้าง ปรับตัวสูงขึ้นมาก อีกทั้งราคาที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขยับสูง 10-15% กระทบต้นทุนการก่อสร้างของบริษัทเพิ่มขึ้น
"ทุกปีเรามีการปรับขึ้นราคาบ้าน 3-4% เป็นปกติอยู่แล้ว จากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ปีนี้บริษัทเตรียมขยับราคาขายบ้านขึ้นอีก 4% และพยายามหาทางลดต้นทุน"
บริษัทยังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเวลานี้ต้องการแรงงานภาคก่อสร้างเพิ่มอีก 2,000 ราย จากที่ใช้อยู่ 2 หมื่นราย บริษัทได้ประสานสถานทูตเพื่อขอคำแนะนำและขออนุญาตนำเข้าแรงงานต่างด้าวมาในไทยเป็นการชั่วคราว รวมทั้งการขอใบอนุญาตให้กับแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ส่วนแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง คาดว่ายังขยายตัวต่อเนื่อง ที่ผ่านมาธุรกิจเผชิญอุปสรรคหลายด้าน ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการกำหนดสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) ลดความร้อนแรงของภาคอสังหาฯ ทำให้ไตรมาส 3 ตลาดชะงักไปบ้าง ภาวะเศรษฐกิจไทย คาดขยายตัวเพียง 4% รวมทั้งปัญหาการเมือง แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจระยะสั้น โดยภาพรวมอสังหาฯ ครึ่งปีแรก เติบโต 18% มีมูลค่าตลาดรวม 1.72 แสนล้านบาท คาดปีนี้เติบโต 7-10%
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลังนี้จะใช้งบกว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับการซื้อที่ดินเพิ่มและเปิดตัวโครงการใหม่ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 4 หมื่นล้านบาท
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
'พฤกษา'บุกหนัก'อินเดีย-อินโดฯ'
การรุกลงทุนต่างประเทศเป็นแนวทางสำคัญของการขยายฐานธุรกิจ-เพิ่มพอร์ตรายได้ โดยเฉพาะประเทศอาเซียนความต้องการบริโภคสินค้าทุกกลุ่มขยายตัวสูง รวมถึง "อสังหาริมทรัพย์" จูงใจผู้ประกอบการหลายรายมุ่งเปิดตลาดนอกบ้านสร้างโอกาสธุรกิจ
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในต่างประเทศว่า อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2 แปลงในเมืองบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย และอีก 2 แปลงในประเทศอินโดนีเซีย ลงทุนเฉลี่ย 300 ล้านบาทต่อแปลง คาดว่าจะสามารถสรุปการซื้อขายได้ภายในปีนี้ โดยอินโดนีเซีย จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ส่วนอินเดีย จะพัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม
ก่อนหน้านี้ พฤกษา เข้าไปลงทุนในอินเดีย ตั้งแต่ปี 2552 พัฒนาโครงการพฤกษา ซิลวานา (Pruksa Silvana) ในเมืองบังคาลอร์ จำนวน 401 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวในเมืองมุมไบ จำนวน 300 ยูนิต นอกจากนี้ได้เข้าลงทุนที่เกาะมัลดีฟส์ มูลค่า 250-300 ล้านบาท แต่ถอนการลงทุนออกมาเมื่อต้นปี 2556 เพราะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสูง
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศยังอยู่ในระดับ 1.5% เท่านั้นในระยะสั้นยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ตามแผนระยะ 4-6 ปีบริษัทวางเป้าหมายเป็น 1 ใน 10 ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ เอเชีย ด้วยรายได้ระดับ 1 แสนล้านบาท
ผุด3โรงงานพรีแคส
สำหรับตลาดในประเทศ จัดสรรงบประมาณกว่า 2,500 ล้านบาท ปรับปรุงโรงงานเก่า 3 แห่ง และลงทุนโรงงานพรีแคส หรือ ระบบก่อสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป อีก 3 แห่ง ย่านนวนคร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตบ้านสำเร็จรูป 450 หลังต่อเดือน จากปัจจุบันมีโรงงานพรีแคส 5 แห่ง มีกำลังการผลิตบ้านเดี่ยว 650 หลังต่อเดือน หรือรวมทาวน์เฮ้าส์ จะอยู่ที่ 740 หลังต่อเดือน โดยรวมกำลังการผลิตทั้ง 8 โรงงานในอนาคตอยู่ที่ 1,190 หลังต่อเดือน
โรงงานใหม่ดังกล่าว เริ่มก่อสร้างปลายไตรมาส 3 นี้ จะสามารถผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปได้ ในเดือนส.ค. ปีหน้า คาดรองรับการเติบโตของธุรกิจได้ 3 ปีข้างหน้า
"การลงทุนโรงงานพรีแคสใหม่ รองรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ เฉลี่ยปีละ 25% ซึ่งจะทำให้บริษัทสร้างบ้านได้ตามแผน ช่วยลดยอดขายที่รอรับรู้รายได้ลงด้วย เพราะสามารถส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น รับรู้รายได้เข้ามาเร็วขึ้น"
นอกจากนี้ ยังเตรียมงบกว่า 100 ล้านบาท สร้างระบบพรีแคสเคลื่อนที่เพื่อใช้พัฒนาที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ต จากที่ผ่านมาต้องส่งคอนกรีตสำเร็จรูปจากโรงงานที่ลำลูกกาไปภูเก็ต ซึ่งมีต้นทุนค่าโลจิสติกส์สูง
ขยับราคาบ้านขึ้น 4%
นายทองมา กล่าวต่อว่า พฤกษา จะใช้กลยุทธ์ซีอาร์เอ็ม เน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามาใช้บริหารลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเป็นฐานข้อมูลช่วยลดปัญหาลูกค้าถูกสถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อ ที่มีสัดส่วน 18% เมื่อรวมกับเหตุผลส่วนตัวทั้งการเปลี่ยนใจไม่ซื้อบ้านอีก 7% รวมเป็นยอดรีเจ็คต์ 25% แล้วหันมาทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อบ้านพฤกษามากขึ้น
พฤกษา ยังเตรียมปรับราคาขายบ้านขึ้น 4% ในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ถือว่าต่ำกว่าตลาดที่ปรับขึ้น 7% โดยปัจจุบัน ต้นทุนค่าแรง วัสดุก่อสร้าง ปรับตัวสูงขึ้นมาก อีกทั้งราคาที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขยับสูง 10-15% กระทบต้นทุนการก่อสร้างของบริษัทเพิ่มขึ้น
"ทุกปีเรามีการปรับขึ้นราคาบ้าน 3-4% เป็นปกติอยู่แล้ว จากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ปีนี้บริษัทเตรียมขยับราคาขายบ้านขึ้นอีก 4% และพยายามหาทางลดต้นทุน"
บริษัทยังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน ซึ่งเวลานี้ต้องการแรงงานภาคก่อสร้างเพิ่มอีก 2,000 ราย จากที่ใช้อยู่ 2 หมื่นราย บริษัทได้ประสานสถานทูตเพื่อขอคำแนะนำและขออนุญาตนำเข้าแรงงานต่างด้าวมาในไทยเป็นการชั่วคราว รวมทั้งการขอใบอนุญาตให้กับแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ส่วนแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง คาดว่ายังขยายตัวต่อเนื่อง ที่ผ่านมาธุรกิจเผชิญอุปสรรคหลายด้าน ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการกำหนดสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) ลดความร้อนแรงของภาคอสังหาฯ ทำให้ไตรมาส 3 ตลาดชะงักไปบ้าง ภาวะเศรษฐกิจไทย คาดขยายตัวเพียง 4% รวมทั้งปัญหาการเมือง แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจระยะสั้น โดยภาพรวมอสังหาฯ ครึ่งปีแรก เติบโต 18% มีมูลค่าตลาดรวม 1.72 แสนล้านบาท คาดปีนี้เติบโต 7-10%
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลังนี้จะใช้งบกว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับการซื้อที่ดินเพิ่มและเปิดตัวโครงการใหม่ คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 4 หมื่นล้านบาท
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์