Re:
http://ppantip.com/topic/30826028
แค่ต้องการเสียดสี รัฐบาล เท่านั้น ถามหาจิตใต้สำนึกของคนใช้คำนี้ ...
มาติดตามอ่านกันอ่านกันถึงที่มา ???
วาทกรรม การเมือง จาก สุเทพ เทือกสุบรรณ วาทกรรม ผู้ดี ไพร่ ....... วิเคราะห์ ...ข่าวสดออนไลน์
การตอกย้ำและยืนยันในความเป็น ม็อบผู้ดี อันพรรคประชาธิปัตย์นำเคลื่อนจาก
แยกอุรุพงษ์มายังบริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อเช้าวันที่ 7 สิงหาคม
มีความสำคัญและทรงความหมายเป็นอย่างสูง
เหมือนกับจะแสดงความเป็น ผู้ดี ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรมอันเนรมิตขึ้นจาก
พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น หากแต่ยังยืนยันด้วยว่าการออกมาคัดค้านและ
ต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นบทบาทของ ผู้ดี
ยิ่งเมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวชัดถ้อยชัดคำด้วยว่า ม็อบผู้ดี มีความ
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ม็อบไพร่
ยิ่งส่งผลสะเทือนอย่างล้ำลึกในทางความคิด ในทางการเมือง
คล้ายกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรดา ไพร่ ทั้งหลายที่เข้า
ร่วมชุมนุมและถูกจับถูกขังจากเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
แต่ความจริงมีขอบเขตมากกว่านั้น
กรอบ ที่มากกว่านี่แหละ สำคัญ
เป็นความจริงที่ได้มีการเปรียบเทียบเสมอมาระหว่างม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตย ม็อบพรรคประชาธิปัตย์กับม็อบของคนเสื้อแดง
ประหนึ่งว่าคนเสื้อแดงอุดมไปด้วย ไพร่
เป็นคนบ้านนอก เป็นคนระดับรากหญ้า เป็นคนยากคนจน ไร้การศึกษา
ต่ำและอ่อนด้อยในทางวัฒนธรรม
ขณะที่ม็อบพันธมิตรเป็นคนในเมือง เป็นคนมีการศึกษา
ขณะที่ม็อบพรรคประชาธิปัตย์ และคนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนมีฐานะ
เป็นคนในเมือง เป็นคนมีการศึกษา มีความรู้สูงกว่าบรรดาไพร่และคนบ้านนอกในม็อบ
เสื้อแดงและที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
เป็นเช่นนั้นจริงละหรือ
ต้องยอมรับว่าปริมาณของ มวลชน ที่เข้าร่วมกับการชุมนุมของ เสื้อเหลือง หรือ
เสื้อสีฟ้า มีความแตกต่างจาก เสื้อแดง
แต่บรรดามวลชนมูลฐานจริงๆ แล้วก็แทบไม่แตกต่างกัน
คนที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลเมื่อเดือนสิงหาคม 2526 ส่วนหนึ่งอาจแตกต่างจากคน
ที่อยู่แยกราชประสงค์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ฐานะและฐานการศึกษาไม่แตกต่างกัน
แท้จริงแล้ว มวลชนส่วนใหญ่ล้วนมิได้มีข้อแตกต่างกันมากนัก กลับไปบ้าน
ก็เผชิญปัญหาอย่างเดียวกัน เมื่อถูกปราบปราม ถูกจับกุมก็แทบไม่แตกต่างกัน
คนเหล่านี้แหละคือ เป้าหมาย ทางการเมือง
การเสนอวาทกรรม ม็อบผู้ดี และ ม็อบไพร่ ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงทรงความหมาย
ทรงความหมายในด้านที่ยกตัวตนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นที่สูง และเหยียบอีก
ฝ่ายให้ตกต่ำ แต่วาทกรรมนี้ก็เหมือนดาบ 2 คม ที่พร้อมจะสร้างรอยแผลให้ 2 แนวทาง
โดยเฉพาะกับ มวลชน ระดับ ล่าง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05qQTJOVGM1TXc9PQ==§ionid=
การแบ่งแยกชนชั้นแบบนี้ น่าจะหมดไปได้แล้ว แต่ก็ให้รู้สึกว่ายังมีการนำมาใช้อยู่ตลอด
ถามคนที่นำใช้ .... คาดว่า จะทำให้คะแนนนิยม ฝ่ายไหนมากขึ้น ...
แพ้เลือกตั้งมาตลอด ทั้งแกนนำและสาวก ดูจะไม่เข็ดหลาบ ยังย้ำคิดย้ำทำอยู่ ...
ไพร่แดง ..........ไพร่แดง ?????? เสียงเพรียก จาก คุณ ศรัทธาดาวน์_7 ทำไมต้อง ใช้คำนี้
แค่ต้องการเสียดสี รัฐบาล เท่านั้น ถามหาจิตใต้สำนึกของคนใช้คำนี้ ...
มาติดตามอ่านกันอ่านกันถึงที่มา ???
วาทกรรม การเมือง จาก สุเทพ เทือกสุบรรณ วาทกรรม ผู้ดี ไพร่ ....... วิเคราะห์ ...ข่าวสดออนไลน์
การตอกย้ำและยืนยันในความเป็น ม็อบผู้ดี อันพรรคประชาธิปัตย์นำเคลื่อนจาก
แยกอุรุพงษ์มายังบริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อเช้าวันที่ 7 สิงหาคม
มีความสำคัญและทรงความหมายเป็นอย่างสูง
เหมือนกับจะแสดงความเป็น ผู้ดี ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรมอันเนรมิตขึ้นจาก
พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น หากแต่ยังยืนยันด้วยว่าการออกมาคัดค้านและ
ต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นบทบาทของ ผู้ดี
ยิ่งเมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวชัดถ้อยชัดคำด้วยว่า ม็อบผู้ดี มีความ
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ม็อบไพร่
ยิ่งส่งผลสะเทือนอย่างล้ำลึกในทางความคิด ในทางการเมือง
คล้ายกับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรดา ไพร่ ทั้งหลายที่เข้า
ร่วมชุมนุมและถูกจับถูกขังจากเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
แต่ความจริงมีขอบเขตมากกว่านั้น
กรอบ ที่มากกว่านี่แหละ สำคัญ
เป็นความจริงที่ได้มีการเปรียบเทียบเสมอมาระหว่างม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตย ม็อบพรรคประชาธิปัตย์กับม็อบของคนเสื้อแดง
ประหนึ่งว่าคนเสื้อแดงอุดมไปด้วย ไพร่
เป็นคนบ้านนอก เป็นคนระดับรากหญ้า เป็นคนยากคนจน ไร้การศึกษา
ต่ำและอ่อนด้อยในทางวัฒนธรรม
ขณะที่ม็อบพันธมิตรเป็นคนในเมือง เป็นคนมีการศึกษา
ขณะที่ม็อบพรรคประชาธิปัตย์ และคนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนมีฐานะ
เป็นคนในเมือง เป็นคนมีการศึกษา มีความรู้สูงกว่าบรรดาไพร่และคนบ้านนอกในม็อบ
เสื้อแดงและที่ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
เป็นเช่นนั้นจริงละหรือ
ต้องยอมรับว่าปริมาณของ มวลชน ที่เข้าร่วมกับการชุมนุมของ เสื้อเหลือง หรือ
เสื้อสีฟ้า มีความแตกต่างจาก เสื้อแดง
แต่บรรดามวลชนมูลฐานจริงๆ แล้วก็แทบไม่แตกต่างกัน
คนที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลเมื่อเดือนสิงหาคม 2526 ส่วนหนึ่งอาจแตกต่างจากคน
ที่อยู่แยกราชประสงค์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ฐานะและฐานการศึกษาไม่แตกต่างกัน
แท้จริงแล้ว มวลชนส่วนใหญ่ล้วนมิได้มีข้อแตกต่างกันมากนัก กลับไปบ้าน
ก็เผชิญปัญหาอย่างเดียวกัน เมื่อถูกปราบปราม ถูกจับกุมก็แทบไม่แตกต่างกัน
คนเหล่านี้แหละคือ เป้าหมาย ทางการเมือง
การเสนอวาทกรรม ม็อบผู้ดี และ ม็อบไพร่ ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงทรงความหมาย
ทรงความหมายในด้านที่ยกตัวตนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นที่สูง และเหยียบอีก
ฝ่ายให้ตกต่ำ แต่วาทกรรมนี้ก็เหมือนดาบ 2 คม ที่พร้อมจะสร้างรอยแผลให้ 2 แนวทาง
โดยเฉพาะกับ มวลชน ระดับ ล่าง
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05qQTJOVGM1TXc9PQ==§ionid=
การแบ่งแยกชนชั้นแบบนี้ น่าจะหมดไปได้แล้ว แต่ก็ให้รู้สึกว่ายังมีการนำมาใช้อยู่ตลอด
ถามคนที่นำใช้ .... คาดว่า จะทำให้คะแนนนิยม ฝ่ายไหนมากขึ้น ...
แพ้เลือกตั้งมาตลอด ทั้งแกนนำและสาวก ดูจะไม่เข็ดหลาบ ยังย้ำคิดย้ำทำอยู่ ...