"โอปราห์ วินฟรีย์"เผยเป็นเหยื่อ"เหยียดเชื้อชาติ"ในร้านแบรนด์เนมสวิตเซอร์แลนด์

"โอปราห์ วินฟรีย์" เจ้าแม่ทอล์คโชว์ชาวอเมริกัน เปิดเผยว่า เธอตกเป็นเหยื่อของการเหยียดเชื้อชาติ ในระหว่างการเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์เมื่อไม่นานมานี้

วินฟรีย์ วัย 59 ปี หนึ่งในสตรีที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งมีทรัพย์สินราว 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปิดเผยในรายการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ทูไนท์ ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯว่า รองผู้จัดการร้านแบรนด์เนมแห่งหนึ่งในเมืองซูริค ปฏิเสธที่จะขายกระเป๋าให้แก่เธอ โดยแจ้งเธอว่ากระเป๋าที่โชว์อยู่นั้น อาจ"แพงเกินไป"สำหรับเธอ

ข่าวดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางเหตุวุ่นวายทางการเมือง หลังจากบางเมืองของสวิตเวอร์แลนด์ เตรียมประกาศแผนการห้ามผู้ลี้ภัยใช้พื้นที่สาธารณะต่างๆ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนเปรียบเทียบว่า แผนการห้ามผู้อพยพใช้สระว่ายน้ำ สนามกีฬา และห้องสมุดนั้น เข้าข่ายนโยบายการแบ่งแยกสีผิว

วินฟรีย์ ซึ่งร่วมแสดงให้ภาพยนตร์เรื่อง The Butler ของผู้กำกับผิวดำ ลี แดเนียลส์ เดินทางไปยังเมืองซูริคเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อร่วมงานแต่งงานของทีนา เทอร์เนอร์  วันหนึ่งเธอได้เดินเข้าร้านแบรนด์เนมที่เธอไม่ขอเอ่ยชื่อ โดยที่ไม่ได้แต่งหน้า แต่ก็แต่งกายตามปกติที่ปรากฏในจอโทรทัศน์ ด้วยเสื้อผ้ายี่ห้อดอนนา คาเรน และสวมรองเท้าแตะ แต่เธอก็ยอมรับว่าความจริงก็คือรายการทอล์คโชว์ เดอะ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ ไม่มีการแพร่ภาพในสวิตเซอร์แลนด์แต่อย่างใด

เธอกล่าวต่อพนักงานคนหนึ่งว่า เธอขอดูกระเป๋าที่วางบนชั้นเหนือศีรษะของพนักงาน แต่ได้รับการปฏิเสธ พร้อมตอบว่า "มันแพงเกินไป" และแนะนำให้เธอดูกระเป๋าที่ราคาถูกกว่า

เธอกล่าวว่า เธอเดินออกจากร้านอย่างเงียบๆโดยไม่ได้โต้แย้งใดๆ และประสบการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า การเหยียดสีผิวและเชื้อชาติยังคงเป็นปัญหาสำคัญ วินฟรีย์กล่าวว่า มีสองวิธีที่จะจัดการปัญหาเช่นนี้ แม้เธอจะประกาศตัวว่าเป็นใครและกล่าวตำหนิ แต่ปัญหาเช่นนี้ก็จะยังเกิดขึ้นต่อไป

อย่างไรก็ดี สื่อของสวิตเซอร์แลนด์รายงานว่า ร้านดังกล่าวคือร้าน Trois Pommes และกระเป๋าที่วินฟรีย์ขอดูนั้นมีราคา 35,000 ฟรังก์สวิส (ราว 1.19 ล้านบาท) และการท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ได้แถลงขอโทษต่อวินฟรีย์แล้ว เนื่องจากการกระทำของพนักงานส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ ขณะที่เจ้าของร้านได้ขอโทษแทนพนักงานขายที่จำวินฟรีย์ไม่ได้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่