ขอลอกคำตอบที่ผมเคยตอบไว้ในกระทู้เก่าๆมานะครับ http://ppantip.com/topic/30611550

ส่วนใหญ่ PhD ที่ มหาลัย ทางฝั่งอเมริกา ก็นิยมแจก TA หรือ RA อยู่แล้วนะครับ
แนะนำว่า ลองเข้าไปดู ตามเวปไซด์ของมหาลัยที่สนใจดูครับ
บางที่ อาจต้องหา advisor ก่อน บางที่ก็สมัคร โดยตรงกับภาควิชาครับ
ถ้าทางภาควิชาถูกใจในตัวเรา เวลาตอบรับให้เข้าเรียน Offer ก็จะมาพร้อมกับ Assistantship อยู่แล้วครับ
ตอนผมสมัคร (ไม่ใช่สายวิทย์นะครับ) ผมก็ยื่นเรื่องไปตามปกติ
พอทางยูยื่นofferมา เค้าก็แจ้งเรื่อง financial aid มาด้วยครับ หลายที่พอสมควร
ทั้งตัวผมเอง ก็จบ ตรี ด้านนึง แล้วมาต่อโท อีกสายนึงเลยครับ จากนั้นก็สมัครเอก
ป.ตรี เกรดก็ต่ำกว่า สาม ผลงานตีพิมพ์ก็ไม่มี
มีแค่ GRE กับ TOEFL ที่เกินเกณฑ์ และ เกรด ป.โท ที่ใช้ได้
แต่สุดท้ายก็ได้ Funding มาไม่ยากนะครับ  เพราะผมเลือกยูที่กลางๆ ไม่ได้เเข่งขันสูง
พอมาเรียน ถึงได้ทราบว่า บางคนในคลาสผม มีทั้งเกรด โทเฟล GRE  และ มีผลงานตีพิมพ์แล้ว ยังไม่ได้Fundingเลยครับ
สุดท้าย คำตอบที่ผมได้ยินจากอาจารย์ คือ สิ่งที่ผมเขียน ใน Statement of Purpose หนะครับ ที่ทำให้ทางภาคเลือกให้Funding

ดังนั้น ถ้า คุณอยากเรียนต่อจริงๆ คงต้องขวนขวาย ด้วยตัวเองในการทำการบ้านหน่อยละครับ
โดยการเข้าไปตามเวปไซด์ของภาควิชา และ ศึกษา  ทุกยูจะ มี FAQ อยู่ที่มักระบุถึงprofile ของคนที่มักได้TA,RA
ตอนผมสมัคร ผมใช้เวลาอ่าน ข้อมูลการสมัครและศึกษาโอกาสการได้assistantship ตามยูต่างๆเกือบสองเดือนกว่า
ถึงจะได้ลิสยูที่ผมสนใจในหลักสูตรและมีโอกาสได้financial aidครับ

จากนั้น นอกเหนือจาก ทำGRE และ TOEFL ให้โดดเด่นแล้ว ควรตั้งใจเขียน Statement of Purpose ด้วยนะครับ
และพยายามฝึกทักษะ Speaking ไว้ให้ดีๆครับ บางยู พอถึง แคมปัส ต้องสอบSPEAK Test  เพื่อตัดสินการมอบหมายงาน assistantship
ในขณะที่บางยู จะระบุลงไปตั้งแต่รับ สมัคร เลยว่า  TOEFL พาร์ท Speaking ต้องเกิน เท่าไหร่ ถึงจะมีสิทธิ์ได้ RA/TA  (เช่น 26 ขึ้นไป)


ที่ผมแนะนำดังนี้ เพราะ assistantship  เนี่ยเราเรียนจบ เราก็เป็นอิสระนะครับ ไม่มีข้อผูกมัด
แค่เหนื่อยระหว่างเรียน แต่ก้อคุ้มค่า เพราะงานที่ได้ทำ มักจะเกี่ยวกับที่เราเรียนอยู่นี่แหละครับ
เป็นประสบการณ์ที่ดีกับตัวเราเองด้วยครับ

โชคดีครับ