ธุรกิจโจร-Sunset Industry/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

กระทู้สนทนา
Credit : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=56201
ขอบคุณ คุณ Thai VI Article    และ ดร.นิเวศน์ครับ
_____________________________________________

โลกในมุมมองของ Value Investor         3 สิงหาคม 2556
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ธุรกิจโจร-Sunset Industry
อมยิ้ม03

   ผมเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านที่ปลูกใหม่บนพื้นที่บ้านเดิมในซอยรางน้ำเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา   แต่ก็ถูกขโมยงัดแงะเข้าบ้านถึง 2 ครั้งเข้าไปแล้ว  ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมาโจรไม่เคยเข้าบ้านเลย   วิเคราะห์แล้วผมคิดว่าสาเหตุคือ   หนึ่ง  บ้านหลังเก่านั้นเป็นบ้านชั้นเดียวและใช้วัสดุพื้น ๆ ไม่มีการตกแต่งอะไรเลย  ดังนั้น  โจรจึงคิดว่าไม่มีของอะไรให้ขโมย  แต่บ้านหลังใหม่นี้สวยงาม  เจ้าของคงมีเงินและคงมีทรัพย์สินมีค่าที่จะลักได้  ข้อสอง  ก็คือ  กำแพงบ้านยังไม่ได้ติดเหล็กแหลมและหน้าต่างบ้านก็ไม่ได้ติดเหล็กดัด   ดังนั้น เป็นการง่ายที่จะปีนเข้าไปและงัดหน้าต่างกระจกเข้าบ้าน  โชคยังดี  ผมติดสัญญาณป้องกันขโมยไว้  ดังนั้น  โจรจึงไม่สามารถลักของมีค่าไปได้ทั้งสองครั้ง  แต่ผมเองก็คิดต่อไปว่า  เอาเข้าจริง ๆ  เราก็ไม่มีของมีค่าอะไรที่ควรแก่การขโมย  อย่างมากก็เครื่องเสียงราคาไม่เกิน 3-4 พันบาทซึ่งไปขายต่อก็อาจจะได้แค่ 1-2 พันบาทเป็นอย่างมาก  สิ่งที่กลัวไม่ใช่ของแต่เป็นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของคนในบ้าน   ความคิดต่อมาของผมก็คือ  นี่คือ  “สัจธรรม”  หรือเปล่าที่ว่าเมืองไทยนั้นเต็มไปด้วย  อาชญากรรมและมันไม่มีทางลดลงมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

   โดยความบังเอิญ  ผมได้อ่านพบว่า  อาชญากรรมในประเทศพัฒนาแล้ว  ที่แต่เดิมย้อนหลังไป 20-30 ปี  ก็มีความคิดแทบจะเป็น “สัจธรรม” ว่ามีแต่จะเพิ่มขึ้นนั้น  บัดนี้ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามันไม่เป็นความจริง  เพราะสถิติอาชญากรรมในประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกมีการลดลงต่อเนื่องมาประมาณ 20 ปีแล้วรวมถึงปีที่เศรษฐกิจตกต่ำคนตกงานเกือบ 20% อย่างในปัจจุบัน   คนไทยที่ยังคิดว่าเมืองนิวยอร์คโดยเฉพาะในบางย่านนั้นเป็นเขตอันตรายที่เดินแทบไม่ได้นั้นแสดงว่าเขาคงไม่ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้  เพราะนิวยอร์คเดี๋ยวนี้ปลอดภัยมาก  เช่น สถิติรถหายเคยสูงถึงปีละเกือบ 150,000 คันเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน  เดี๋ยวนี้เหลือแค่ปีละ 10,000 คัน   สถิติอาชญากรรมรุนแรงอื่น ๆ  ก็ลดลงน่าจะเหลือแค่ 20-30% จากอดีต  อาชญากรรมบางอย่างแทบจะสูญพันธุ์ไปเลย  ที่ดูเหมือนว่าน่าจะยังมีอยู่บ้างก็น่าจะเป็นเรื่องของการล้วงกระเป๋าโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในบางเมืองหรือการลักของในห้างร้าน  นอกจากนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องของการโกงหรือต้มตุ๋นที่ไม่ได้มีอาการของความรุนแรงต่อร่างกาย

   สาเหตุที่อาชญากรรมลดลงอย่างต่อเนื่องมานานนั้นมีการวิเคราะห์กันมาก  ที่โดดเด่นและน่าจะมีผลจริง ๆ  ในระดับหนึ่งก็เช่น  ข้อแรก  คนในประเทศพัฒนาแล้วแก่ตัวลง  คนที่ก่ออาชญากรรมนั้นมักจะมีอายุระหว่าง 16- 24 ปี  ดังนั้นอาชญากรรมจึงมีน้อยลง  อย่างไรก็ตามสถิติในเมืองใหญ่บางแห่งที่มีคนอายุระดับนั้นมากขึ้นก็ไม่แสดงว่าอาชญากรรมเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด  ดังนั้น  เรื่องอายุคนจึงเป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น  เหตุผลต่อมาก็คือ  เรื่องการที่กฎหมายอนุญาตให้มีการทำแท้งได้ในสหรัฐในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งทำให้เด็กที่เกิดโดยแม่ที่ยากจนและไม่เป็นที่ต้องการลดลง  นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อาชญากรรมที่อาจจะเกิดจากเด็กกลุ่มนี้ลดลง  แต่นี่ก็คงไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงเพราะบางประเทศเช่นในอังกฤษก็อนุญาตให้มีการทำแท้งได้ก่อนหน้านั้นนานแต่สถิติอาชญากรรมก็ยังลดลงต่อเนื่อง

   เหตุผลประการที่สามที่มีการพูดกันอีกก็คือ  การเลิกใช้สารตะกั่วในน้ำมันเบนซิน  เพราะมีความเชื่อกันว่าสารตะกั่วทำให้คนก้าวร้าวก่ออาชญากรรมง่าย  แต่นี่ก็คงเหมือนกับกรณีอื่น ๆ  ที่ว่าถ้ามันเลิกใช้มานานแล้ว  สถิติก็ไม่น่าจะลดลงต่อไปอีก  เหตุผลข้อที่สี่นั้นผมไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ไหมเพราะเขาบอกว่าเป็นเพราะเด็กรุ่นใหม่นั้นไม่ค่อยก้าวร้าว  มีนิสัยดีขึ้น  และจำนวนคนที่ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ทั้งที่อายุกว่า 30 ปีแล้วโดยเฉพาะในยุโรปสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม  สถิติของคนที่ถูกจับเพราะก่ออาชญากรรมเป็นครั้งแรกในอังกฤษนั้นลดลงถึง 44%

   ดูเหมือนว่าเหตุผลที่น่าจะมีน้ำหนักที่สุดที่ทำให้อาชญากรรมลดลงก็คือ  โอกาสหรือความคุ้มค่าของการก่ออาชญากรรม  นั่นก็คือ  ในอดีตนั้น  สินค้าที่เป็นทรัพย์สินต่าง ๆ  มักมีราคาแพงและเฉพาะคนที่มีรายได้สูงพอเท่านั้นที่มีปัญญาซื้อมาใช้  เช่น  รถยนต์  เครื่องเล่นวิดีโอหรือเครื่องเสียง  เครื่องประดับต่าง ๆ  ซึ่งทำให้คนอยากขโมย  แต่ต่อมาสิ่งเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะถูกลงมาเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับรายได้ของคน  ดังนั้น  มันจึงอาจจะดูไม่ค่อยคุ้มนักที่จะทำ   ประกอบกับเหตุผลที่สำคัญก็คือ  เทคโนโลยีในการป้องกันและตามจับโจรนั้นมีการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดและต้นทุนถูกมากเช่นกล้อง CCTV และระบบสัญญาณกันขโมยตามบ้านและห้างร้าน  เป็นต้น  สิ่งนี้ทำให้อาชญากรรมลดลงเนื่องจากผลตอบแทนที่จะได้รับถ้าทำสำเร็จลดลง  ในขณะเดียวกันโอกาสที่จะถูกจับได้  ทั้งในช่วงที่ก่ออาชญากรรมและหลังจากการกระทำแล้วสูงขึ้นมาก  พูดง่าย ๆ  Low Return แต่ High Risk หรือผลตอบแทนต่ำแต่ความเสี่ยงสูง  ดังนั้นเขาก็ไม่อยากทำ

   ในประเทศไทยเองนั้น  ผมไม่มีสถิติการเกิดอาชญากรรมว่าเป็นอย่างไร  ถ้าดูแนวโน้มจากประเทศพัฒนาแล้วก็น่าจะต้องค่อย ๆ  ลดลงไปเรื่อย ๆ  โดยเฉพาะการจี้ปล้นและการลักขโมย  อย่างไรก็ตาม  สถิติที่ดูแล้วไม่น่าที่จะลดลงในช่วงเร็ว ๆ  นี้ก็คือเรื่องของยาเสพติดที่ดูเหมือนว่าผลตอบแทนจะสูงมากซึ่งทำให้อาชญากรอยากหรือกล้าที่จะเสี่ยง  เช่นเดียวกัน  อาชญากรรมที่เกี่ยวกับการหลอกลวงทางด้านการเงินโดยเฉพาะผ่านทางอินเตอร์เน็ตน่าจะสูงขึ้นเนื่องจากผลตอบแทนสูงและระบบการป้องกันและตามจับยังไม่ได้มีการพัฒนามากนัก  เช่นเดียวกัน  การหลอกลวงโดยอ้างอิงความเชื่อและอิทธิปาฏิหาริย์เพื่อให้คนหลงเชื่อและจ่ายเงินให้แก่อาชญากรก็น่าจะยังคงดำเนินต่อไปไม่ลดลง  เหตุผลก็เพราะเราไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิผลพอในการป้องกันและตามจับ  พูดถึงเรื่องเหล่านี้แล้วก็ทำให้นึกถึงการลงทุนในตลาดหุ้นที่ผมคิดว่าอาจจะมีการประกอบอาชญากรรมอยู่ไม่น้อยโดยที่เราไม่รู้หรือทำอะไรไม่ได้ด้วย  เหตุผลก็เพราะผลตอบแทนนั้นสูงลิ่วแต่ความเสี่ยงกลับไม่มาก  บทลงโทษเองก็ไม่สูงนัก

   ผมไม่รู้ว่าสถิติการเกิดอาชญากรรมของไทยลดลงหรือยังใน พ.ศ. นี้  อาจจะยังเพิ่มอยู่  แต่ผมเชื่อว่าในที่สุดก็น่าจะลดลง  เพราะผมไม่เห็นว่าเราจะแตกต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วตรงไหนยกเว้นรายได้ที่ในที่สุดเราก็น่าจะตามไปทันระดับของเขาในวันนี้   แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยเชื่อก็คือ  การคอร์รัปชั่นในวงราชการไม่มีลดมีแต่จะเพิ่มขึ้น  ผมเองก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงไหม  แต่สิ่งที่ผมคิดก็คือ  มันก็มีความเป็นไปได้ว่าการคอร์รัปชั่นในที่สุดก็น่าจะต้องค่อย ๆ  ลดลง  ว่าที่จริงประเทศที่เจริญแล้วแม้แต่ในอเมริกาครั้งหนึ่งก็มีการคอร์รัปชั่นกันมาก  เช่นเดียวกัน  ประเทศในเอเชียเช่น  สิงคโปร์ มาเลเซีย  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮ่องกงนั้น  ในสมัยก่อนก็มีการคอร์รัปชั่นกันมากเหมือนกัน  แต่เมื่อประเทศเจริญขึ้นและมีการสร้างระบบที่ป้องกันและต่อต้าน   การคอร์รัปชั่นก็ลดลงไปมาก  เรียกว่าเป็น  “อุตสาหกรรมตะวันตกดิน” ไปเลย  พูดแบบนี้หลายคนอาจจะมีความเห็นแย้งอย่างแรง  เขาอาจคิดว่าในระบบการเมืองและนักการเมืองแบบไทย  การคอร์รัปชั่นนั้นมีแต่จะมากขึ้นจนประเทศอาจ  “ล้มละลาย”  หรือ  “สิ้นชาติ”  ผมเองก็ไม่รู้ว่าการคอร์รัปชั่นของไทยจะลดลงได้อย่างไร    ผมเพียงแต่รู้ว่าอะไรที่มัน  “Impossible” หรือที่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นเรื่องการลดลงของอาชญากรรมนั้น  มันก็เป็นไปแล้ว  การคอร์รัปชั่นนั้น  ว่าที่จริงมันก็เป็นอาชญากรรมอีกแบบหนึ่ง  เมื่อถึงเวลา  มันก็ควรต้องค่อย ๆ  ลดลง

   พูดถึงตรงนี้ผมเองก็นึกว่า  ตกลงมันเกี่ยวข้องกับการลงทุนไหม?  บอกตรง ๆ  ยังนึกไม่ใคร่ออก  เรื่องหนึ่งที่จะอ้างได้ก็คือ  บทความเรื่องนี้อาจจะสอนให้รู้ว่า  อุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่ทุกคนเชื่อกันขนาดเป็น  “สัจธรรม”  ว่ามันต้องไปเพียงทางเดียวเท่านั้น  มันก็อาจจะเปลี่ยนกลับทางได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ไม่มีอะไร  Impossible  ทั้งด้านที่ดีและร้าย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่