ศาลลงดาบเชือดแล้วรายแรก พวกชอบปิดถนนทำชาวบ้านเดือดร้อน 3 แกนนำม็อบชาวนาปิดถนนเชียงราย-พาน ประท้วงราคาข้าวตกต่ำ ศาลสั่งจำคุกคนละ 1 ปี แต่ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือคนละ 6 เดือนไม่รอลงอาญา...
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (24 ก.ค.) พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีคำพิพากษาในคดีที่ตำรวจแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ประกอบไปด้วยนายอำพล เวียงสิมา อายุ 32 ปีบ้านเลขที่ 37 หมู่ 14 ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย ส.ต.อ.ภูชิชย์ โสลา อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 49 หมู่ 9 ต.สันกลาง อ.พาน และนายมานิตย์ คำปุก อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 179 หมู่ 4 ต.สันติสุข อ.พาน ซึ่งได้นำประชาชนไปปิดถนนพหลโยธินสายเชียงราย-พาน พื้นที่ อ.พาน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลมีการช่วยเหลือเรื่องราคาข้าวนาปรังที่ตกต่ำ แต่เนื่องจากเป็นการปิดถนนที่ทำให้การจราจรติดขัด ตำรวจจึงแจ้งข้อหาตามความผิด พรบ.ทางหลวง และ พรบ.จราจรทางบก รวมทั้ง พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง เหตุเกิดเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
โดยศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 3 คนมีความผิดตาม พรบ.ทางหลวง พ.ศ.2535 พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง ฐานปิดกั้นถนนและจอดรถกีดขวางทางจราจรบนทางหลวง ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 ซึ่งมีโทษหนักที่สุด ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับคนละ 200 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิพากษา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 100 บาท การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน แก่สาธารณประโยชน์โดยส่วนรวม และไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง จึงเห็นสมควรไม่ให้รอการลงโทษ
ด้านพล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะต้องอยู่ในกรอบกฏหมายกำหนด ไม่ก้าวล่วงสิทธิของผู้อื่น ทางตำรวจก็มีความรู้สึกเข้าใจ และเห็นใจประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง แต่เมื่อพบเห็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีทุกรายไม่มียกเว้น ดังนั้น หากจะมีการชุมนุมเรียกร้องสิทธิใดๆ ตามรัฐธรรมนูญอีก ก็ขอให้มีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้มีการอำนวยความสะดวกให้ถูกต้อง หากเดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัด ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก จะมีหลายฝ่ายช่วยประสานงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องไปปิดถนน โดยขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อนเพียงแต่แจ้งให้เจ้าหน้าที่บนศาลากลางให้ได้รับทราบ ก่อนในเบื้องต้นเท่านั้น
ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/39607
ปิดถนน ระวังนะครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (24 ก.ค.) พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีคำพิพากษาในคดีที่ตำรวจแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ประกอบไปด้วยนายอำพล เวียงสิมา อายุ 32 ปีบ้านเลขที่ 37 หมู่ 14 ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย ส.ต.อ.ภูชิชย์ โสลา อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 49 หมู่ 9 ต.สันกลาง อ.พาน และนายมานิตย์ คำปุก อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 179 หมู่ 4 ต.สันติสุข อ.พาน ซึ่งได้นำประชาชนไปปิดถนนพหลโยธินสายเชียงราย-พาน พื้นที่ อ.พาน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลมีการช่วยเหลือเรื่องราคาข้าวนาปรังที่ตกต่ำ แต่เนื่องจากเป็นการปิดถนนที่ทำให้การจราจรติดขัด ตำรวจจึงแจ้งข้อหาตามความผิด พรบ.ทางหลวง และ พรบ.จราจรทางบก รวมทั้ง พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง เหตุเกิดเมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
โดยศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 3 คนมีความผิดตาม พรบ.ทางหลวง พ.ศ.2535 พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง ฐานปิดกั้นถนนและจอดรถกีดขวางทางจราจรบนทางหลวง ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 ซึ่งมีโทษหนักที่สุด ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับคนละ 200 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิพากษา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 100 บาท การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน แก่สาธารณประโยชน์โดยส่วนรวม และไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง จึงเห็นสมควรไม่ให้รอการลงโทษ
ด้านพล.ต.ต.ทรงธรรม กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะต้องอยู่ในกรอบกฏหมายกำหนด ไม่ก้าวล่วงสิทธิของผู้อื่น ทางตำรวจก็มีความรู้สึกเข้าใจ และเห็นใจประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง แต่เมื่อพบเห็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีทุกรายไม่มียกเว้น ดังนั้น หากจะมีการชุมนุมเรียกร้องสิทธิใดๆ ตามรัฐธรรมนูญอีก ก็ขอให้มีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้มีการอำนวยความสะดวกให้ถูกต้อง หากเดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัด ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก จะมีหลายฝ่ายช่วยประสานงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องไปปิดถนน โดยขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อนเพียงแต่แจ้งให้เจ้าหน้าที่บนศาลากลางให้ได้รับทราบ ก่อนในเบื้องต้นเท่านั้น
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/39607