ก่อนอื่น จะขอสรุปข้อคิดสำคัญ สำหรับการซื้อรถมือสองป้ายแดงครั้งนี้ของเราให้ก่อนเลยนะคะ
- เช็คประวัติรถจากศูนย์บริการ หรือจาก Call Center ของค่ายรถให้ละเอียดๆๆๆ ที่คิดว่าละเอียดแล้ว ก็ต้องเพิ่มไปอีก
- หากทำการซื้อขายแล้ว การจดทะเบียน สามารถระบุให้ผู้ซื้อเป็นผู้ครอบครองได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นของเต็นท์ก่อน
ส่วนเนื้อหา บอกไว้ก่อนเลยว่ากระทู้ยาว โดยจะเขียนเป็นข้อๆ ให้นะคะ น่าจะอ่านง่ายกว่า ^^"
1. เราไปดูรถที่เต็นท์ จากประกาศที่ลงขายไว้ในเว็ปขายรถ
ดูภายนอก โอเคมาก เป็นรถมือสอง แต่ป้ายแดง วิ่งมา 2,xxx กม.
รถออกเมื่อเดือน สิงหาคม 2555 (2012)
ราคารถที่ลงประกาศไว้ 899,999 (รุ่นนี้ราคาออกห้างอยู่ที่ 1,0xx,xxx)
2. เราต้องการเทิร์นคันเก่า โดยเต็นท์ตกลงซื้อคันเก่าที่ราคา 390,000 (ราคากลางอยู่ที่ 3แสนกลาง-ปลาย)
แต่รถมียอดค้างไฟแนนซ์ที่ 28x,xxx เท่ากับเราจะได้เงินมาดาวน์คันใหม่ประมาณ 1แสน
และตกลงกันไว้ ณ วันจอง ว่าเราจะซื้อคันใหม่ที่ 890,000 ยอดจัดไฟแนนซ์ก็จะเท่ากับ 790,000
3. ในวันที่เราทำจอง เราไม่ได้ลองขับรถ เพราะมัวแต่ทำเอกสารการจอง
แต่คุณ B บอกกับเราว่า วันนั้นเติมน้ำมันผิดมา ไฟเครื่องโชว์ จะเอารถไปเข้าศูนย์ให้
และหากว่าวันนัดรับรถ หากลองขับแล้ว รถมีปัญหา เราไม่พอใจ ก็จะคืนเงินจองให้
พร้อมบอกด้วยว่าป้ายแดงคันนี้ หากเอารถไปจดทะเบียน เราจะถือเป็นผู้ครอบครอง ลำดับที่ 1
4. หลังวันจอง เราโทรไปเช็คศูนย์ที่รถออกมา โดยได้ข้อมูลสำคัญว่า รถคันนี้มีการเคลมเกียร์ลูกใหม่มาแล้ว(*)
ตรงนี้เป็นข้อสะดุดแรก แต่พอถามศูนย์ว่า สรุปแล้วรถยังปกติไหม ศูนย์ก็บอกว่า "ปกติ"
และรถยังอยู่ในระยะประกันของยี่ห้อที่ 3 ปี/แสนโล
ตลอดจนเรื่องไฟเครื่องโชว์ ศูนย์ก็แก้ไข และเช็คแล้ว
เมื่อเราเข้าใจว่ารถอยู่ในสภาพปกติ ตามที่ศูนย์แจ้งไว้
เราก็ไม่มีปัญหากับข้อสะดุดนั้น...
และพอถามคุณ B เค้าก็บอกว่า เค้าไม่รู้เลยว่ารถคันนี้เคลมเกียร์มา … อืมมม...???
5. เมื่อไฟแนนซ์มาทำเรื่องกู้ของเราผ่าน ศูนย์ยืนยันว่ารถปกติ
ในวันรับรถ เราจึงได้ลองขับนิดหน่อย แต่โดยรวม รถก็ถือว่าปกติ
แต่ที่ไม่ปกติ ก็คือทางเต็นท์มาบอกกับเราว่า จากเดิมที่เราจะเทิร์นรถคันเก่ากันอยู่ที่ 390,000/890,000
จะขอเปลี่ยนเป็น 340,000/840,000 โดยทุกอย่าง อัตราส่วนก็เหมือนเดิม เปลี่ยนที่ยอดขายคันเก่าเท่านั้น(**)
จุดนี้ เรากับแฟนมองหน้ากันว่ามันแปลกๆ
ไม่ค่อยปลื้มกับการถูกมัดมือชกแบบนี้
ก็เลยไม่ยอมตกลง ยังทำตามสัญญาซื้อขายแบบเดิม
ซึ่งเต็นท์ก็ต้องทำตามในข้อตกลงที่ว่าไว้แต่แรก...
6. เราเอารถมาใช้ ขับได้ตามปกติ รอเพียงป้ายทะเบียน-พรบ ที่เต็นท์จะจัดการให้
แต่ด้วยรถเกือบจะเลยเวลาเช็คระยะแล้ว (ต้องเช็คเดือนที่ 9-11)
เราก็เลยเอาเข้าศูนย์แถวบ้าน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และให้เช็คอีกครั้ง เลยรู้ว่าเคลมเกียร์มาเมื่อ มีนาคม 2556
จากนั้น เรานึกขึ้นได้ เลยลองเอาชื่อเจ้าของเดิมที่อยู่ใน Book Service ไปกูเกิ้ล และสิ่งที่เราเจอ...!!!
ผลคือเจ้าของเดิมเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง (ขอเรียกว่า คุณ C)
และได้เคยโพสลง Facebook ทั้งส่วนตัว และเพจของค่ายรถไว้
เนื้อความก็ว่ารถคันนี้มีปัญหา เกียร์ดังตั้งแต่เดือนแรกที่ออกรถ!!! (***)
รวมทั้งความไม่รับผิดชอบของศูนย์ และลูกค้าสัมพันธ์ของค่ายรถ ฯลฯ
นอกจากโพสลง FB แล้ว ก็ยังได้ลงเป็นข่าวย่อยในหนังสือพิมพ์ด้วยค่าาา...
และเราก็เห็นว่า คุณ C เคยโพสขายรถ ระบุว่าเจ้าของขายเอง แต่หน้าจริงของเวปนั้นหายไปแล้ว
ณ จุดนี้ เราก็เงิบไปพักใหญ่ แต่เราก็ยังคิดว่าไม่เป็นไร
แม้มันจะเคยเป็นข่าวฉาว แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ มันไม่มีปัญหา เราแฮปปี้กับมัน ก็โอเคล่าาา... ^^"
7. ล่าสุด ในวันที่เราเอาป้ายแดงไปคืนเต็นท์ และรับป้ายทะเบียนจริงมา
พอดูในสำเนา กลายเป็นว่า ผู้ครอบครองรถลำดับแรก กลายเป็นชื่อบ.เต็นท์รถ (****)
อิตาคุณ B ไม่อยู่ และพนักงานที่เต็นท์บอกว่ามันต้องเป็นแบบนี้แหละ? ก็เหมือนเดิม เราไม่ได้สนใจไร มาแบบไหนก็ตามนั้น
แต่พอโทรบอกแฟน แฟนเราไม่ยอม เพราะตกลงกันไว้ว่าเราจะต้องเป็นลำดับแรก!
เราเลยให้แฟนโทรไปคุยว่า อิตาคุณ B จะแก้ไขไรได้มั่ง
เพราะเราโทรถามกรมการขนส่งแล้ว เอกสารราชการจะแก้ไขไรไม่ได้แว้วววว...
ก็เป็นว่าอิตาคุณ B ก็ขอโทษ พร้อมบ่นลูกน้องให้ฟัง
และไปๆมาๆ แฟนเลยได้ข้อมูลเพิ่มว่า
อิตาคุณ B เค้าไปซื้อรถต่อมาจากศูนย์ ไม่ใช่ซื้อจากคุณ C !!!
O_o! หะ! ณ จุดนี้เราเคืองมากกว่า ที่ได้เป็นลำดับที่ 2 เสียอีก!
เพราะในวันแรกที่ดูรถ อิตาคุณ B พูดประหนึ่ง รับซื้อมาจากคุณ C เหมือนรู้จักกันเป็นการส่วนตัว
และพอเราค้นหาเบอร์ติดต่อกับคุณ C ได้
คุณ C ก็ได้บอกมาว่า เค้าไม่รู้จักอิตาคุณ B เลย
เค้าซื้อรถคันนี้จากศูนย์ ใช้ได้ไม่ถึงเดือนก็เป็นปัญหา
เค้าก็เลยเรียกร้องความรับผิดชอบ ไปๆมาๆ ศูนย์ก็เลยซื้อคืน จ่ายเงินให้ครบทุกบาท ทุกสตางค์
แล้วรถก็คงจะอยู่ที่ศูนย์มาตลอด จนอิตาคุณ B ไปซื้อมาขายต่อ จนเราไปเจอมานี้แหละค่ะ
8. จากหลายๆเรื่อง จนมาที่เต็นท์ผิดสัญญาที่ว่าจะให้เราเป็นผู้ครอบครองลำดับแรก
เราว่าอีกอย่างที่สำคัญ คือความจริงที่ว่า "เต็นท์ได้รถมาจากศูนย์ ที่ซื้อคืนมาจากเจ้าของเก่า" ไม่ใช่ "เต็นท์ซื้อมาจากเจ้าของเดิม"
อันนี้เราว่า เข้าข่ายหลอกลวงกันเลยนะ !!! รึป่าวหว่า...?
9. ตอนนี้ อิตาคุณ B บอกจะรับผิดชอบ เรื่องที่ผิดสัญญาลำดับเจ้าของรถ
ด้วยการให้เงินเรา 5,000 บาท แต่เรากับแฟน ไม่ได้อยากได้ตังค์ บวกกับพวกเราอยากได้ทะเบียนสวยกว่าที่ได้มา
เลยเจรจาต่อรอง ให้เค้าไปหาป้ายทะเบียนสวยให้เรา คืออาจจะไม่สวยมาก
แต่เราก็หวังว่า ไอ้ค่าทะเบียนสวย หรือค่าเสียเวลาในการหาทะเบียนที่ว่า
รวมกับค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนทะเบียน ทั้งหมดคงจะเกิน 5พัน
บวกกับการที่เราไม่ต้องไปค้นหาเอง ทำเรื่องเปลี่ยนเอง เราก็ค่อนข้างพอใจแล้ว
จบเรื่องที่เต็นท์ไว้แค่นี้ก่อนนะคะ ตอนนี้เราเหลือแค่รอให้ อิตาคุณ B หาทะเบียนให้เราใหม่
จากนั้น ก็หวังว่าจะหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้วล่ะค่ะ …
10. แต่เอ๊ะ! แล้วกลับทางศูนย์ล่ะ?
ตอนนี้เราคิดถึงศูนย์ที่รถออกมาล่ะค่ะ
เพราะในช่วงที่เราโทร.เช็ค ว่ารถคันนี้เป็นยังไง ปกติดีหรือไม่
ช่างที่ศูนย์ไม่พูดซ้ากคำ ว่านี่คือรถของศูนย์เอง จอดอยู่เป็นเดือนๆแล้ว
…แต่ก็นะ แน่ล่ะ ใครเค้าจะบอกล่ะเนาะ ว่านี่คือรถที่เคยมีปัญหา ซื้อคืนมา... งืมๆ
พวกเราเลยคิดกันว่า อาจจะต้องหาเวลาเข้าไปคุยที่ศูนย์ซะหน่อย
ว่านอกจากประวัติการเคลมเกียร์แล้ว ยังมีอะไรอีกไหม
แล้วถ้า... รถอยู่ที่ศูนย์มาตลอด
อิตาคุณ B น่าจะเพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงเดือน เราก็มาซื้อต่อ
เพราะเราคอยดูประกาศรถมาหลายเดือนแล้ว แต่คันนี้เพิ่งประกาศขายไม่นาน
ซึ่งเราเอารถมาใช้ ตอนเดือนที่ 11 และกลัวรถจะหมดระยะประกัน เลยรีบเอาไปให้ศูนย์แถวบ้านเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง+เช็คตามระยะ
สิ่งที่คาใจ คือก่อนหน้านี้ ตอนที่เลยเดือนที่ 9 มาแล้ว ศูนย์ไม่คิดจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้มันเลยเรอะ??? (*****)
นี่ถ้าเราหรือคนอื่น ซื้อช้ากว่านี้ พ้นเดือนที่ 11 รถคันนี้ก็จะต้องพ้นระยะประกันของยี่ห้อไปเลยสินะ แหม่ๆๆ…
ก็นะ ทั้งหมดถือว่าแชร์ประสบการณ์ค่ะ
สำหรับเรา เราเคยซื้อรถมือสองมาแล้ว ของแฟนก็มือสอง
และเรายังมีความคิดอยากได้รถรุ่นเก่าๆ อีก แต่ไว้ก่อน ยังไม่พร้อมซ่อม ฮ่าา...
การได้รู้ว่าประวัติรถที่แท้จริงๆ เป็นยังไง ไม่ใช่ว่าจะรังเกียจ (ไม่งั้นคนก็ไปซื้อรถมือ1กันหมดสิ)
แต่เพื่อจะได้เรียนรู้ว่าควรจัดการกับมันยังไงต่างหาก
และในทุกธุรกิจ ทุกๆ อย่างในชีวิต เราก็เชื่อว่า ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญ
กับอิตาคุณ B แม้จะไม่ปลื้มที่มีจุดให้สะดุดหลายอย่าง
แต่อย่างน้อยเธอก็พยายามแก้ไขให้เราพอใจ
พยามทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ อันนี้ก็ชื่นชม
หากท่านใดมีข้อแนะนำเพิ่มเติม ก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ^^
ขอฝากทิ้งท้ายไว้กับวาทะเด็ดจากคุณพ่อน้องปป.นะคะ
"เราสามารถโกหกทุกคนได้ แต่เราโกหกตัวเองไม่ได้"
==แชร์ประสบการณ์ซื้อรถมือสองป้ายแดง กรณีเจอเต็นท์รถไม่จริงใจเต็มร้อย==
ก่อนอื่น จะขอสรุปข้อคิดสำคัญ สำหรับการซื้อรถมือสองป้ายแดงครั้งนี้ของเราให้ก่อนเลยนะคะ
- เช็คประวัติรถจากศูนย์บริการ หรือจาก Call Center ของค่ายรถให้ละเอียดๆๆๆ ที่คิดว่าละเอียดแล้ว ก็ต้องเพิ่มไปอีก
- หากทำการซื้อขายแล้ว การจดทะเบียน สามารถระบุให้ผู้ซื้อเป็นผู้ครอบครองได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นของเต็นท์ก่อน
ส่วนเนื้อหา บอกไว้ก่อนเลยว่ากระทู้ยาว โดยจะเขียนเป็นข้อๆ ให้นะคะ น่าจะอ่านง่ายกว่า ^^"
1. เราไปดูรถที่เต็นท์ จากประกาศที่ลงขายไว้ในเว็ปขายรถ
ดูภายนอก โอเคมาก เป็นรถมือสอง แต่ป้ายแดง วิ่งมา 2,xxx กม.
รถออกเมื่อเดือน สิงหาคม 2555 (2012)
ราคารถที่ลงประกาศไว้ 899,999 (รุ่นนี้ราคาออกห้างอยู่ที่ 1,0xx,xxx)
2. เราต้องการเทิร์นคันเก่า โดยเต็นท์ตกลงซื้อคันเก่าที่ราคา 390,000 (ราคากลางอยู่ที่ 3แสนกลาง-ปลาย)
แต่รถมียอดค้างไฟแนนซ์ที่ 28x,xxx เท่ากับเราจะได้เงินมาดาวน์คันใหม่ประมาณ 1แสน
และตกลงกันไว้ ณ วันจอง ว่าเราจะซื้อคันใหม่ที่ 890,000 ยอดจัดไฟแนนซ์ก็จะเท่ากับ 790,000
3. ในวันที่เราทำจอง เราไม่ได้ลองขับรถ เพราะมัวแต่ทำเอกสารการจอง
แต่คุณ B บอกกับเราว่า วันนั้นเติมน้ำมันผิดมา ไฟเครื่องโชว์ จะเอารถไปเข้าศูนย์ให้
และหากว่าวันนัดรับรถ หากลองขับแล้ว รถมีปัญหา เราไม่พอใจ ก็จะคืนเงินจองให้
พร้อมบอกด้วยว่าป้ายแดงคันนี้ หากเอารถไปจดทะเบียน เราจะถือเป็นผู้ครอบครอง ลำดับที่ 1
4. หลังวันจอง เราโทรไปเช็คศูนย์ที่รถออกมา โดยได้ข้อมูลสำคัญว่า รถคันนี้มีการเคลมเกียร์ลูกใหม่มาแล้ว(*)
ตรงนี้เป็นข้อสะดุดแรก แต่พอถามศูนย์ว่า สรุปแล้วรถยังปกติไหม ศูนย์ก็บอกว่า "ปกติ"
และรถยังอยู่ในระยะประกันของยี่ห้อที่ 3 ปี/แสนโล
ตลอดจนเรื่องไฟเครื่องโชว์ ศูนย์ก็แก้ไข และเช็คแล้ว
เมื่อเราเข้าใจว่ารถอยู่ในสภาพปกติ ตามที่ศูนย์แจ้งไว้
เราก็ไม่มีปัญหากับข้อสะดุดนั้น...
และพอถามคุณ B เค้าก็บอกว่า เค้าไม่รู้เลยว่ารถคันนี้เคลมเกียร์มา … อืมมม...???
5. เมื่อไฟแนนซ์มาทำเรื่องกู้ของเราผ่าน ศูนย์ยืนยันว่ารถปกติ
ในวันรับรถ เราจึงได้ลองขับนิดหน่อย แต่โดยรวม รถก็ถือว่าปกติ
แต่ที่ไม่ปกติ ก็คือทางเต็นท์มาบอกกับเราว่า จากเดิมที่เราจะเทิร์นรถคันเก่ากันอยู่ที่ 390,000/890,000
จะขอเปลี่ยนเป็น 340,000/840,000 โดยทุกอย่าง อัตราส่วนก็เหมือนเดิม เปลี่ยนที่ยอดขายคันเก่าเท่านั้น(**)
จุดนี้ เรากับแฟนมองหน้ากันว่ามันแปลกๆ
ไม่ค่อยปลื้มกับการถูกมัดมือชกแบบนี้
ก็เลยไม่ยอมตกลง ยังทำตามสัญญาซื้อขายแบบเดิม
ซึ่งเต็นท์ก็ต้องทำตามในข้อตกลงที่ว่าไว้แต่แรก...
6. เราเอารถมาใช้ ขับได้ตามปกติ รอเพียงป้ายทะเบียน-พรบ ที่เต็นท์จะจัดการให้
แต่ด้วยรถเกือบจะเลยเวลาเช็คระยะแล้ว (ต้องเช็คเดือนที่ 9-11)
เราก็เลยเอาเข้าศูนย์แถวบ้าน เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และให้เช็คอีกครั้ง เลยรู้ว่าเคลมเกียร์มาเมื่อ มีนาคม 2556
จากนั้น เรานึกขึ้นได้ เลยลองเอาชื่อเจ้าของเดิมที่อยู่ใน Book Service ไปกูเกิ้ล และสิ่งที่เราเจอ...!!!
ผลคือเจ้าของเดิมเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง (ขอเรียกว่า คุณ C)
และได้เคยโพสลง Facebook ทั้งส่วนตัว และเพจของค่ายรถไว้
เนื้อความก็ว่ารถคันนี้มีปัญหา เกียร์ดังตั้งแต่เดือนแรกที่ออกรถ!!! (***)
รวมทั้งความไม่รับผิดชอบของศูนย์ และลูกค้าสัมพันธ์ของค่ายรถ ฯลฯ
นอกจากโพสลง FB แล้ว ก็ยังได้ลงเป็นข่าวย่อยในหนังสือพิมพ์ด้วยค่าาา...
และเราก็เห็นว่า คุณ C เคยโพสขายรถ ระบุว่าเจ้าของขายเอง แต่หน้าจริงของเวปนั้นหายไปแล้ว
ณ จุดนี้ เราก็เงิบไปพักใหญ่ แต่เราก็ยังคิดว่าไม่เป็นไร
แม้มันจะเคยเป็นข่าวฉาว แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ มันไม่มีปัญหา เราแฮปปี้กับมัน ก็โอเคล่าาา... ^^"
7. ล่าสุด ในวันที่เราเอาป้ายแดงไปคืนเต็นท์ และรับป้ายทะเบียนจริงมา
พอดูในสำเนา กลายเป็นว่า ผู้ครอบครองรถลำดับแรก กลายเป็นชื่อบ.เต็นท์รถ (****)
อิตาคุณ B ไม่อยู่ และพนักงานที่เต็นท์บอกว่ามันต้องเป็นแบบนี้แหละ? ก็เหมือนเดิม เราไม่ได้สนใจไร มาแบบไหนก็ตามนั้น
แต่พอโทรบอกแฟน แฟนเราไม่ยอม เพราะตกลงกันไว้ว่าเราจะต้องเป็นลำดับแรก!
เราเลยให้แฟนโทรไปคุยว่า อิตาคุณ B จะแก้ไขไรได้มั่ง
เพราะเราโทรถามกรมการขนส่งแล้ว เอกสารราชการจะแก้ไขไรไม่ได้แว้วววว...
ก็เป็นว่าอิตาคุณ B ก็ขอโทษ พร้อมบ่นลูกน้องให้ฟัง
และไปๆมาๆ แฟนเลยได้ข้อมูลเพิ่มว่า
อิตาคุณ B เค้าไปซื้อรถต่อมาจากศูนย์ ไม่ใช่ซื้อจากคุณ C !!!
O_o! หะ! ณ จุดนี้เราเคืองมากกว่า ที่ได้เป็นลำดับที่ 2 เสียอีก!
เพราะในวันแรกที่ดูรถ อิตาคุณ B พูดประหนึ่ง รับซื้อมาจากคุณ C เหมือนรู้จักกันเป็นการส่วนตัว
และพอเราค้นหาเบอร์ติดต่อกับคุณ C ได้
คุณ C ก็ได้บอกมาว่า เค้าไม่รู้จักอิตาคุณ B เลย
เค้าซื้อรถคันนี้จากศูนย์ ใช้ได้ไม่ถึงเดือนก็เป็นปัญหา
เค้าก็เลยเรียกร้องความรับผิดชอบ ไปๆมาๆ ศูนย์ก็เลยซื้อคืน จ่ายเงินให้ครบทุกบาท ทุกสตางค์
แล้วรถก็คงจะอยู่ที่ศูนย์มาตลอด จนอิตาคุณ B ไปซื้อมาขายต่อ จนเราไปเจอมานี้แหละค่ะ
8. จากหลายๆเรื่อง จนมาที่เต็นท์ผิดสัญญาที่ว่าจะให้เราเป็นผู้ครอบครองลำดับแรก
เราว่าอีกอย่างที่สำคัญ คือความจริงที่ว่า "เต็นท์ได้รถมาจากศูนย์ ที่ซื้อคืนมาจากเจ้าของเก่า" ไม่ใช่ "เต็นท์ซื้อมาจากเจ้าของเดิม"
อันนี้เราว่า เข้าข่ายหลอกลวงกันเลยนะ !!! รึป่าวหว่า...?
9. ตอนนี้ อิตาคุณ B บอกจะรับผิดชอบ เรื่องที่ผิดสัญญาลำดับเจ้าของรถ
ด้วยการให้เงินเรา 5,000 บาท แต่เรากับแฟน ไม่ได้อยากได้ตังค์ บวกกับพวกเราอยากได้ทะเบียนสวยกว่าที่ได้มา
เลยเจรจาต่อรอง ให้เค้าไปหาป้ายทะเบียนสวยให้เรา คืออาจจะไม่สวยมาก
แต่เราก็หวังว่า ไอ้ค่าทะเบียนสวย หรือค่าเสียเวลาในการหาทะเบียนที่ว่า
รวมกับค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนทะเบียน ทั้งหมดคงจะเกิน 5พัน
บวกกับการที่เราไม่ต้องไปค้นหาเอง ทำเรื่องเปลี่ยนเอง เราก็ค่อนข้างพอใจแล้ว
จบเรื่องที่เต็นท์ไว้แค่นี้ก่อนนะคะ ตอนนี้เราเหลือแค่รอให้ อิตาคุณ B หาทะเบียนให้เราใหม่
จากนั้น ก็หวังว่าจะหมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้วล่ะค่ะ …
10. แต่เอ๊ะ! แล้วกลับทางศูนย์ล่ะ?
ตอนนี้เราคิดถึงศูนย์ที่รถออกมาล่ะค่ะ
เพราะในช่วงที่เราโทร.เช็ค ว่ารถคันนี้เป็นยังไง ปกติดีหรือไม่
ช่างที่ศูนย์ไม่พูดซ้ากคำ ว่านี่คือรถของศูนย์เอง จอดอยู่เป็นเดือนๆแล้ว
…แต่ก็นะ แน่ล่ะ ใครเค้าจะบอกล่ะเนาะ ว่านี่คือรถที่เคยมีปัญหา ซื้อคืนมา... งืมๆ
พวกเราเลยคิดกันว่า อาจจะต้องหาเวลาเข้าไปคุยที่ศูนย์ซะหน่อย
ว่านอกจากประวัติการเคลมเกียร์แล้ว ยังมีอะไรอีกไหม
แล้วถ้า... รถอยู่ที่ศูนย์มาตลอด
อิตาคุณ B น่าจะเพิ่งซื้อมาได้ไม่ถึงเดือน เราก็มาซื้อต่อ
เพราะเราคอยดูประกาศรถมาหลายเดือนแล้ว แต่คันนี้เพิ่งประกาศขายไม่นาน
ซึ่งเราเอารถมาใช้ ตอนเดือนที่ 11 และกลัวรถจะหมดระยะประกัน เลยรีบเอาไปให้ศูนย์แถวบ้านเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง+เช็คตามระยะ
สิ่งที่คาใจ คือก่อนหน้านี้ ตอนที่เลยเดือนที่ 9 มาแล้ว ศูนย์ไม่คิดจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้มันเลยเรอะ??? (*****)
นี่ถ้าเราหรือคนอื่น ซื้อช้ากว่านี้ พ้นเดือนที่ 11 รถคันนี้ก็จะต้องพ้นระยะประกันของยี่ห้อไปเลยสินะ แหม่ๆๆ…
ก็นะ ทั้งหมดถือว่าแชร์ประสบการณ์ค่ะ
สำหรับเรา เราเคยซื้อรถมือสองมาแล้ว ของแฟนก็มือสอง
และเรายังมีความคิดอยากได้รถรุ่นเก่าๆ อีก แต่ไว้ก่อน ยังไม่พร้อมซ่อม ฮ่าา...
การได้รู้ว่าประวัติรถที่แท้จริงๆ เป็นยังไง ไม่ใช่ว่าจะรังเกียจ (ไม่งั้นคนก็ไปซื้อรถมือ1กันหมดสิ)
แต่เพื่อจะได้เรียนรู้ว่าควรจัดการกับมันยังไงต่างหาก
และในทุกธุรกิจ ทุกๆ อย่างในชีวิต เราก็เชื่อว่า ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญ
กับอิตาคุณ B แม้จะไม่ปลื้มที่มีจุดให้สะดุดหลายอย่าง
แต่อย่างน้อยเธอก็พยายามแก้ไขให้เราพอใจ
พยามทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ อันนี้ก็ชื่นชม
หากท่านใดมีข้อแนะนำเพิ่มเติม ก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ^^
ขอฝากทิ้งท้ายไว้กับวาทะเด็ดจากคุณพ่อน้องปป.นะคะ
"เราสามารถโกหกทุกคนได้ แต่เราโกหกตัวเองไม่ได้"