เนื่องจากมีนักลงทุนจำนวนมากซื้อ LTF และ RMF เพื่อการลดภาษี โดยท่านจะได้กำไรทันทีตามฐานภาษีที่ได้รับส่วนลด ส่วนกำไรต่อที่ 2 คือการได้กำไรจากการลงทุน แต่เมื่อท่านตัดสินใจซื้อ LTF อาจจะเพราะความสะดวกสาขาแบงค์ แต่ไม่ได้ตรวจสอบลายละเอียดกองทุนให้ชัดโดยเฉพาะผลการดำเนินงานย้อนหลัง ที่ บลจ. ต่างๆ มักใช้ SET Index เป็นตัววัดผลการดำเนินงาน แต่ SET Index เป็นเพียงดัชนี้ของราคาหุ้นเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีการรวมเรื่องผลประโยชน์ของเงินปันผลลงไปด้วย แต่ผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้น LTF กับมีการรวมผลประโยชน์เรื่องเงินปันผลลงไปในกองทุนด้วย ทำให้การเทียบผลการดำเนินงานระหว่างกองทุน LTF และ SET Index จึงไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และทำให้ดูเหมือนผลการดำเนินงานกองทุนจะดีกว่าปกติ



โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา SET Index ให้ผลตอบแทนประมาณ 112 % ซึ่งเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานกับกองทุน LTF จะพบว่า LTF ชนะดัชนีถึง 32 กองทุนจาก 52 กองทุน หรือคิดเป็น 61.54% ของกองทุน LTF ทั้งหมด แต่ถ้าเรานำ SET TRI หรือ SET Total Return Index ซึ่งเป็นดัชนีที่มีการนำเงินปันผลมาคำนวนด้วย โดยใน 5 ปีที่ผ่านจะให้ผลตอบแทนรวมทั้งสิ้น 162.59 % ซึ่งสูงกว่า SET Index ถึง 51% เลยทีเดียว และเมื่อนำมาเทียบกับกองทุน LTF จะพบว่ามีเพียง 8 กองทุนเท่านั้นที่มีผลตอบแทนระยะ 5 ปีชนะ SET TRI หรือคิดเป็น 15.38 % ของกองทุน LTF ทั้งหมด

โดยในจำนวนนี้มีเพียง 7 กองทุนเท่านั้น ที่มีผลการดำเนินงานชนะ SET TRI ทั้ง 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี ได้แก่

1.     กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล
2.     กองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว
3.     กองทุนเปิด แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว
4.     กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีอิสลามิกหุ้นระยะยาว
5.     กองทุนเปิดเคเค หุ้นระยะยาวปันผล
6.     กองทุนเปิด อเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว
7.     กองทุนเปิด Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว



เห็นดังนี้แล้ว ก่อนซื้อกองทุน LTF ทุกครั้งโปรดตรวจสอบผลการดำเนินงานและรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการบริการจัดการให้ดี และรายละเอียดอื่นๆ ไม่งั้นท่านอาจถูกหลอกได้

ภาพด้านล่างนี้คือผลการดำเนินงานกองทุน LTF ทั้งหมด



สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่านี้

http://www.deerfreedom.blogspot.com/

ฝากสัมนาฟรี ดีๆ เพื่อคนเสียภาษีครับ

http://www.nomuradirect.com/th/news-promotion/seminar-form.aspx?id=194