คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เราหนักกว่าอีกค่ะ เมื่อก่อนเป็นคนกระมิดกระเมี้ยนเรื่องการผายลมมาก ต้องไปในห้องน้ำ คบกันมา 5 ปี แฟนไม่เคยได้ยินเราตดสักครั้ง พอท้องเท่านั้นแหละ มันไม่ไหวจริงๆ ตลอดๆๆๆ ไรงี้ บางทีคุยๆ กันอยู่เราตดเฉย แฟนเราถึงกะสตั๊นไป แล้วหันหลังให้
จนแฟนแบบเราแบบ เอ่อออ ตัวเองเปลี่ยนไปนะ เราเลยโบ้ยไปให้ลูกละ ><~
จนแฟนแบบเราแบบ เอ่อออ ตัวเองเปลี่ยนไปนะ เราเลยโบ้ยไปให้ลูกละ ><~
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
บอกสามีเลยค่ะ ว่า ช่วงนี้ก็ทนเค้าหน่อยนะตัวเอง เค้าก็อายอ่ะ แต่มันมีที่มาที่ไปนะที่รัก
คุณแม่ที่ท้องได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มกรนทั้งที่ไม่เคยกรนมาก่อน หรือเคยกรนเล็กน้อยพอท้องกลับกรนเสียงดัง...
ทำไมท้องแล้วนอนกรน? เป็นคำถาม ซึ่งมีคำเฉลยดังนี้ค่ะ
1. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อที่บริเวณช่องคอส่วนบนจะขยายออกมาจนปิดทับที่ช่องทางเดินหายใจ
ส่งผลให้ลมหายใจผ่านเข้าสู่ปอดได้น้อย
2. ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณช่องปากส่วนบนและหลอดลมบวมได้เช่นกัน
ทำให้เกิดการอุดกั้นที่ระบบทางเดินหายใจมากขึ้น
3. ภูมิแพ้ สำหรับแม่ท้องที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ถ้าอาการกำเริบก็มีส่วนทำให้กรนได้ค่ะ เพราะภูมิแพ้ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องปากส่วนบน
และหลอดลมบวมได้เช่นกัน ทำให้เกิดการอุดกั้นที่ระบบทางเดินหายใจมากขึ้น
4. ต่อมทอลซิลหรือต่อมอะดินอยด์อักเสบเรื้อรัง ทำให้ต่อมทั้ง 2 โต และเพดานเกิดอ่อนตัวลงมาอุดกั้นที่ช่องทางเดินหายใจ
เป็นสาเหตุของการกรนได้เช่นกัน
การรักษา
จำเป็นต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก เป็นผู้ประเมินในการรักษา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงด้วยค่ะ เช่น
1. ถ้าแม่ท้องนอนกรนมาก การใส่หน้ากากออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจก็ช่วยได้ค่ะ
2. หากเป็นการกรนที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ ต่อมอะดินอยด์หรือต่อมทอลซิลอักเสบ จะต้องรักษาโรคเหล่านี้ให้หายก่อน
3. ถ้านอนกรนมากและมีการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยต้องได้รับการผ่าตัดบริเวณเพดานอ่อน ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดให้
หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ถ้าไม่รุนแรงมากอาจรอหลังคลอด เพราะการผ่าตัดระหว่างอาจทำให้ตกเลือดได้
แต่ถ้าอาการมีความรุนแรงจนรอไม่ได้ก็ต้องผ่าตัดเลย
4. หลังคลอดอาการกรนจะดีขึ้นเพราะฮอร์โมนและน้ำหนักตัวลดลง แต่บางคนอาจยังกรนอยู่ถ้าน้ำหนักมาก ส่วนอื่นๆ
ที่เป็นสาเหตุของการกรนถ้ายังไม่หายก็ทำให้กรนต่อไปได้ค่ะ
กลยุทธ์...แก้กรน
สำหรับแม่ท้องท่านใดที่รู้ตัวว่านอนกรน กลยุทธ์ที่นำมาฝากเหล่านี้จะช่วยให้อาการลดลงค่ะ
1. ที่นอนต้องแข็งพอประมาณ
2. หนุนหมอนให้สูงขึ้นประมาณ 4 นิ้วขึ้น
3. การนอนตะแคงซ้ายจะช่วยให้กรนน้อยลง เพราะเวลานอนเส้นเลือดไม่ถูกกดทับทำให้เส้นเลือดไหลเวียนได้ดี
4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
5. พยายามให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ ไม่ขึ้นมากเกินไป
6. หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ เพราะจะทำให้หลับลึกมากเมื่อนอนหลับลึกกล้ามเนื้อก็จะคลายตัวและไปอุดกั้นระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการกรน
7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุรา
8. ควรทานอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และควรจะหลีกเลี่ยงอาหารหนักๆ
ขอบคุณที่มา http://www.clinicrak.com/article/disarticle.php?no=93
**เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ
คุณแม่ที่ท้องได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มกรนทั้งที่ไม่เคยกรนมาก่อน หรือเคยกรนเล็กน้อยพอท้องกลับกรนเสียงดัง...
ทำไมท้องแล้วนอนกรน? เป็นคำถาม ซึ่งมีคำเฉลยดังนี้ค่ะ
1. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อที่บริเวณช่องคอส่วนบนจะขยายออกมาจนปิดทับที่ช่องทางเดินหายใจ
ส่งผลให้ลมหายใจผ่านเข้าสู่ปอดได้น้อย
2. ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณช่องปากส่วนบนและหลอดลมบวมได้เช่นกัน
ทำให้เกิดการอุดกั้นที่ระบบทางเดินหายใจมากขึ้น
3. ภูมิแพ้ สำหรับแม่ท้องที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ถ้าอาการกำเริบก็มีส่วนทำให้กรนได้ค่ะ เพราะภูมิแพ้ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องปากส่วนบน
และหลอดลมบวมได้เช่นกัน ทำให้เกิดการอุดกั้นที่ระบบทางเดินหายใจมากขึ้น
4. ต่อมทอลซิลหรือต่อมอะดินอยด์อักเสบเรื้อรัง ทำให้ต่อมทั้ง 2 โต และเพดานเกิดอ่อนตัวลงมาอุดกั้นที่ช่องทางเดินหายใจ
เป็นสาเหตุของการกรนได้เช่นกัน
การรักษา
จำเป็นต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก เป็นผู้ประเมินในการรักษา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงด้วยค่ะ เช่น
1. ถ้าแม่ท้องนอนกรนมาก การใส่หน้ากากออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจก็ช่วยได้ค่ะ
2. หากเป็นการกรนที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ ต่อมอะดินอยด์หรือต่อมทอลซิลอักเสบ จะต้องรักษาโรคเหล่านี้ให้หายก่อน
3. ถ้านอนกรนมากและมีการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยต้องได้รับการผ่าตัดบริเวณเพดานอ่อน ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดให้
หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ถ้าไม่รุนแรงมากอาจรอหลังคลอด เพราะการผ่าตัดระหว่างอาจทำให้ตกเลือดได้
แต่ถ้าอาการมีความรุนแรงจนรอไม่ได้ก็ต้องผ่าตัดเลย
4. หลังคลอดอาการกรนจะดีขึ้นเพราะฮอร์โมนและน้ำหนักตัวลดลง แต่บางคนอาจยังกรนอยู่ถ้าน้ำหนักมาก ส่วนอื่นๆ
ที่เป็นสาเหตุของการกรนถ้ายังไม่หายก็ทำให้กรนต่อไปได้ค่ะ
กลยุทธ์...แก้กรน
สำหรับแม่ท้องท่านใดที่รู้ตัวว่านอนกรน กลยุทธ์ที่นำมาฝากเหล่านี้จะช่วยให้อาการลดลงค่ะ
1. ที่นอนต้องแข็งพอประมาณ
2. หนุนหมอนให้สูงขึ้นประมาณ 4 นิ้วขึ้น
3. การนอนตะแคงซ้ายจะช่วยให้กรนน้อยลง เพราะเวลานอนเส้นเลือดไม่ถูกกดทับทำให้เส้นเลือดไหลเวียนได้ดี
4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
5. พยายามให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ ไม่ขึ้นมากเกินไป
6. หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ เพราะจะทำให้หลับลึกมากเมื่อนอนหลับลึกกล้ามเนื้อก็จะคลายตัวและไปอุดกั้นระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการกรน
7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มสุรา
8. ควรทานอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และควรจะหลีกเลี่ยงอาหารหนักๆ
ขอบคุณที่มา http://www.clinicrak.com/article/disarticle.php?no=93
**เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สามีบ่นสะอายเลย
ดิฉัน: ห่ะเรานอนกรนด้วยหรอ
สามี: ช่วงนี้อะกรนทุกวันเลย
ดิฉัน: ก็ไม่รู้จะห้ามยังไงอะ หลับไปแล้ว
สามี: อืมๆๆนอนเถอะ
อายมาก ถึงเค้าจะไม่ได้ดุอะไรมากก็อายค่ะ
เมื่อก่อนไม่เป็น ตอนนี้ท้องใกล้คลอด ไม่รู้เกี่ยวป่าวน่ะ 55 มีวิธีทำให้หายกรนไหม๊ค่ะ
คิดว่ามันต้องดังและน่าเกลียดมากแน่ๆ ไม่งั้นเค้าไม่บ่นหรอก อับอายที่สุด ^^''