จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลปนเปื้อนบนเกาะเสม็ด ทำให้เกิดความ อยาก ช่วยเหลือของคนไทยไปทั่วทุกภูมิภาค
ปัญหาที่ตามมาก็คือ แนวทางที่เราจะใช้นั้น ถูกต้องแล้วหรือ มันจะช่วย หรือซ้ำเติมเหตุการณ์กันแน่
ผมกำลังพูดถึงแนวคิดการใช้ เส้นผมยัดใส้ ไปปล่อยตามชายหาดต่างๆ
ผมไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญที่จะมาฟันธงให้ว่ามันดีหรือไม่ได้ แต่อยากให้อ่านบทความนี้กัน บทความเผยแพร่บน NBSNEWs.com
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Stop sending hair booms, officials plead
By Miguel Llanos, msnbc.com
To all those who have donated hair clippings, and those who have shipped them, the Unifed Area Command dealing with the Gulf oil disaster has this message: Please stop.
Using hair booms "was not deemed feasible after a technical evaluation," the command said in a statement. "In a February 2010 side-by-side field test conducted during an oil spill in Texas, commercial sorbent boom absorbed more oil and much less water than hair boom, making it the better operational choice."
Charlie Henry, NOAA's scientific support coordinator at the scene, added: "Our priority when cleaning up an oil spill is to find the most efficient and expedient way to remove the oil from the affected area while causing no additional damage. One problem with the hair boom is that it became water-logged and sank within a short period of time."
"Commercial sorbent boom is readily available and scientifically designed and tested for oil containment and absorption on the water," the command added. "Additionally, response teams are familiar with and properly trained to safely deploy, maintain, recover, and dispose commercial sorbent boom."
อ้างอิงจาก
http://usnews.nbcnews.com/_news/2010/05/23/4377247-stop-sending-hair-booms-officials-plead
แปลไม่ออกก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่มีเวลาแปลให้ รอคนใจดีมาแปลให้ข้างล่าง เอาเป็นว่าฝรั่งที่มีพาวเวอร์เค้าขอร้องว่าอย่าใช้วิธีผมยัดใส้
ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็เอาไปพิจารณากันเอาเอง
ผมเองเอาข้อมูลไปบอกเพื่อน ก็โดนเพื่อนด่ามาว่า ไม่ช่วยแล้วยังจะค้าน (ก็ถ้าทำแล้วมันไม่แย่ไปกว่าเดิมก็จะไม่พูดมากหรอก)
เอาเป็นว่า ผมขอเสนอทางออกของปัญหานี้
เมื่อปี 2012 ที่เวที True Innovation ผมได้ยินเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่งมา
เรื่องมีอยู่ว่า มันมีวัสดุธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่มูลค่าต่ำมากในบ้านเรา ที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ ซับน้ำมันแต่ไม่ซับน้ำ
วัสดุที่ว่าก็คือ นุ่น
ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศชุมชน ม.อุบลราชธานีกล่าวไว้ว่า
นุ่นเป็นพืชเส้นใยชนิดหนึ่ง เส้นใยที่ได้จากผลหรือฝักมีน้ำหนักเบา อ่อนนุ่ม ใช้ในอุตสาหกรรมทำเบาะ ที่นอน วัสดุกันกระเทือน เป็นฉนวนกันความร้อน ปุยนุ่นไม่ดูดซับน้ำแต่ดูดซับน้ำมัน จึงใช้เป็นส่วนประกอบของชนวนระเบิดใช้บุผนังเรือบรรทุกน้ำมัน ถังน้ำมันเครื่องบิน เสื้อชูชีพ น้ำมันในเมล็ดใช้ผสมน้ำมันพืชเพื่อใช้บริโภค ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่น ใช้ทำสบู่ กากที่เหลือจากการสกัดน้ำมันใช้เป็นอาหารสัตว์ ไส้นุ่น แกนนุ่น และลำต้นใช้เพาะเห็ดได้ดี นุ่นมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอาฟริกา
ลิ้งไปอ่านต่อ
http://202.28.48.140/isaninfo/?p=164
นุ่น ภาษาประกิดคือคำว่า kapok เรามีวีดีโอที่ยืนยันได้ว่า เส้นใยจากนุ่นสามารถซับน้ำมันได้โดยไม่จม
วีดีโอ อาจฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ดูภาพเอาก็พอ
ถ้าใจร้อนก็กดไปที่ 1.00 นาที
เอาละ ผมเองไม่ได้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจนุ่น แต่ถ้าอยากช่วยจริง เอานุ่นมาใช้ดีกว่า เผลอๆราคาถูกกว่าเส้นผมอีก(คิดว่านะ)
แถมช่วยเกษตรกรไปในตัว
ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ ไปถามผู้เชี่ยวชาญคนนี้ดู ผมไม่ได้รู้จักแกหรอก แค่เคยได้ฟังตอนแกพรีเซนต์
http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/493222
ขอโทษที่ข้อมูลน้อยไปหน่อย
ผมต้องเตรียมข้อมูลไปพรีเซนต์งานของศูนย์ความเป็นเลิศวันพรุ่งนี้ ที่ศูนย์ประชุมจุฬาพร สถาบันวิจัยจุฬาพร
ใครอยู่ไกล้ๆก็ไปเยี่ยมชมกันได้ บูธอยู่หน้าประตูทางเข้านะ ^^ โพสด้วยใจ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะ
อีกหนึ่งทางเลือกของวัสดุทำทุ่นซับน้ำมัน นุ่น ซับน้ำมัน ไม่ซับน้ำ ไม่จมน้ำ
ปัญหาที่ตามมาก็คือ แนวทางที่เราจะใช้นั้น ถูกต้องแล้วหรือ มันจะช่วย หรือซ้ำเติมเหตุการณ์กันแน่
ผมกำลังพูดถึงแนวคิดการใช้ เส้นผมยัดใส้ ไปปล่อยตามชายหาดต่างๆ
ผมไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญที่จะมาฟันธงให้ว่ามันดีหรือไม่ได้ แต่อยากให้อ่านบทความนี้กัน บทความเผยแพร่บน NBSNEWs.com
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อ้างอิงจาก http://usnews.nbcnews.com/_news/2010/05/23/4377247-stop-sending-hair-booms-officials-plead
แปลไม่ออกก็ไม่เป็นไร ผมก็ไม่มีเวลาแปลให้ รอคนใจดีมาแปลให้ข้างล่าง เอาเป็นว่าฝรั่งที่มีพาวเวอร์เค้าขอร้องว่าอย่าใช้วิธีผมยัดใส้
ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็เอาไปพิจารณากันเอาเอง
ผมเองเอาข้อมูลไปบอกเพื่อน ก็โดนเพื่อนด่ามาว่า ไม่ช่วยแล้วยังจะค้าน (ก็ถ้าทำแล้วมันไม่แย่ไปกว่าเดิมก็จะไม่พูดมากหรอก)
เอาเป็นว่า ผมขอเสนอทางออกของปัญหานี้
เมื่อปี 2012 ที่เวที True Innovation ผมได้ยินเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่งมา
เรื่องมีอยู่ว่า มันมีวัสดุธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่มูลค่าต่ำมากในบ้านเรา ที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ ซับน้ำมันแต่ไม่ซับน้ำ
วัสดุที่ว่าก็คือ นุ่น
ข้อมูลจากศูนย์สารสนเทศชุมชน ม.อุบลราชธานีกล่าวไว้ว่า
นุ่นเป็นพืชเส้นใยชนิดหนึ่ง เส้นใยที่ได้จากผลหรือฝักมีน้ำหนักเบา อ่อนนุ่ม ใช้ในอุตสาหกรรมทำเบาะ ที่นอน วัสดุกันกระเทือน เป็นฉนวนกันความร้อน ปุยนุ่นไม่ดูดซับน้ำแต่ดูดซับน้ำมัน จึงใช้เป็นส่วนประกอบของชนวนระเบิดใช้บุผนังเรือบรรทุกน้ำมัน ถังน้ำมันเครื่องบิน เสื้อชูชีพ น้ำมันในเมล็ดใช้ผสมน้ำมันพืชเพื่อใช้บริโภค ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่น ใช้ทำสบู่ กากที่เหลือจากการสกัดน้ำมันใช้เป็นอาหารสัตว์ ไส้นุ่น แกนนุ่น และลำต้นใช้เพาะเห็ดได้ดี นุ่นมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอาฟริกา
ลิ้งไปอ่านต่อ http://202.28.48.140/isaninfo/?p=164
นุ่น ภาษาประกิดคือคำว่า kapok เรามีวีดีโอที่ยืนยันได้ว่า เส้นใยจากนุ่นสามารถซับน้ำมันได้โดยไม่จม
วีดีโอ อาจฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ดูภาพเอาก็พอ
ถ้าใจร้อนก็กดไปที่ 1.00 นาที
เอาละ ผมเองไม่ได้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจนุ่น แต่ถ้าอยากช่วยจริง เอานุ่นมาใช้ดีกว่า เผลอๆราคาถูกกว่าเส้นผมอีก(คิดว่านะ)
แถมช่วยเกษตรกรไปในตัว
ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ ไปถามผู้เชี่ยวชาญคนนี้ดู ผมไม่ได้รู้จักแกหรอก แค่เคยได้ฟังตอนแกพรีเซนต์
http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/493222
ขอโทษที่ข้อมูลน้อยไปหน่อย
ผมต้องเตรียมข้อมูลไปพรีเซนต์งานของศูนย์ความเป็นเลิศวันพรุ่งนี้ ที่ศูนย์ประชุมจุฬาพร สถาบันวิจัยจุฬาพร
ใครอยู่ไกล้ๆก็ไปเยี่ยมชมกันได้ บูธอยู่หน้าประตูทางเข้านะ ^^ โพสด้วยใจ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะ