ระยอง - คราบน้ำมันแผ่นบางๆ กำลังลอยเข้าปากคลองแกลง ด้าน ททท.เร่งย้ายนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าว หวั่นสุดสัปดาห์เก็บไม่หมดกระทบหนัก คาดว่าความเสียหายที่ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองในขณะนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท
วันนี้ (30 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการรั่วไหลท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ทำให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลประมาณ 50,000-70,000 ลิตร คราบน้ำมันดิบถูกระแสคลื่นลมแรงซัดเข้าอ่าวพร้าว หมู่ 4 เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมืองระยอง ระยะทางกว่า 600 เมตรเต็มหาด
ล่าสุด ได้รับแจ้งจากนายไพบูลย์ เล็กรัตน์ ที่ปรึกษากลุ่มประมงพื้นบ้าน ต.แกลง อ.เมืองระยอง ที่นำเรือออกจากฝั่งบ้านปากคลองแกลง เมื่อเช้าที่ผ่านมา เพื่อทำการวางอวนล้อมเคย ท่ามกลางกระแสคลื่นลมแรง ระหว่างวางอวนล้อมฝูงเคยได้พบเห็นคราบน้ำมันผิวน้ำเป็นแผ่นบางๆ เป็นบริเวณกว้าง ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณจึงต้องรีบนำเรือกลับเข้าฝั่ง
นายไพบูลย์ ที่ปรึกษากลุ่มประมงพื้นบ้านกล่าวว่า ในช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่ฝูงเคยกำลังเข้าชายฝั่งเป็นประจำทุกปี ตามปกติเรือประมงจะได้เคยลำละกว่า 100 กิโลกรัม แต่วันนี้ได้น้อยมาก คาดว่าฝูงเคยได้กลิ่นน้ำมันเลยต้องหนีไปที่อื่นไม่เข้าฝั่ง มันเป็นธรรมชาติสัตว์ทะเลมันจะรู้ดีกว่ามนุษย์ หากคราบน้ำมันเข้าฝั่งบ้านปากคลองแกลง ชาวประมงชายฝั่งได้รับความเดือดร้อนแน่นอน สัตว์น้ำชายฝั่งตายหมด และต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นฟู แล้วประมงพื้นบ้านอย่างพวกเราจะหากินได้อย่างไรหากคราบน้ำมันเข้าชายฝั่งจนเกิดผลกระทบ พวกเราจะรวมตัวแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อเรียกร้องความเสียหายที่พวกเราได้รับ
ด้านนายจตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง กล่าวว่า บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เป็นแนวอนุรักษ์ปะการังที่สวยงามได้รับผลกระทบอย่างมาก ถ้าคราบน้ำมันไม่เข้าชายฝั่งก็เป็นผลดีต่อชายฝัง แต่เป็นผลร้ายต่อชาวประมง สิ่งที่น่าเป็นห่วงหากควบคุมคราบน้ำมันไม่อยู่ กระแสลมที่พัดไปทางเกาะกุฎี เกาะมันนอก เกาะมันใน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เต่าทะเล จะได้รับผลทบที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เรื่องนี้ผมจะลงไปดูสภาพ และเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานพร้อมให้เครือข่ายประมงพื้นบ้านที่นำเรือออกไปในทะเลบันทึกภาพคราบน้ำมันในทะเลไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่กลุ่มประมงพื้นบ้านภายหลัง
ททท.เร่งย้ายนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าว หวั่นสุดสัปดาห์เก็บไม่หมดกระทบหนัก
นายชูชาติ อ่อนเจริญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง (ระยอง-จันทบุรี) เผยว่า หลังจากที่จังหวัดระยอง ได้ประกาศให้พื้นที่อ่าวพร้าวหมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฯ ททท.ระยอง ก็ได้ประสานไปยังนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในรีสอร์ต 3 แห่งบนอ่าวพร้าว เพื่อให้ย้ายไปเข้าพักยังหาดอื่นๆ ที่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบ ไม่ว่าจะเป็นหาดวงเดือน หาดทรายแก้ว หาดปะการัง ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ และถือเป็นชายหาดยอดนิยม
ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าให้ข้อมูลแก่กรุ๊ปทัวร์ต่างๆ เกี่ยวกับจุดที่มีการทะลักของคราบน้ำมัน ว่ายังคงเป็นการทะลักเข้าไปเฉพาะชายหาดด้านฝั่งตะวันตกของเกาะ ซึ่งก็คือ อ่าวพร้าว ที่มีรีสอร์ตเพียง 3 แห่ง และมีห้องพักรวม 109 ห้องเท่านั้น โดยยืนยันว่า จุดที่เป็นชายหาดยอดนิยม ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด “เท่าที่ได้รับรายงานก็คือ เริ่มมีกรุ๊ปทัวร์ทั้งชาวไทย และยุโรป ยกเลิกการเดินทางมายังเกาะเสม็ดแล้ว ซึ่ง ททท.ก็กำลังรวบรวมรายชื่อทัวร์ที่ยกเลิกอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางพีทีทีฯ เองก็เร่งเก็บคราบน้ำมันเพื่อให้หมดก่อนช่วงสุดสัปดาห์ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกระทบต่อการท่องเที่ยวมากกว่าที่เป็นอยู่”
นายชูชาติ ยืนยันว่า ขณะนี้ผลกระทบในรูปของเม็ดเงินทางการท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่างสุดสัปดาห์ที่แล้ว จนถึงวันธรรมดาของสัปดาห์นี้ ที่การเข้าพักของนักท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม หากพีทีทีฯ ไม่สามารถขจัดคราบน้ำมันให้หมดก่อนสุดสัปดาห์ที่จะถึง ก็คาดว่าการท่องเที่ยวของระยองจะเสียหายเป็นอย่างมาก
“ในส่วนของพีทีทีฯ เอง เขาก็พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งหน้าที่ของ ททท.ในขณะนี้ก็คือ การประสานไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อนำนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าวก่อน โดย พีทีทีฯ ยืนยันที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการย้ายนักท่องเที่ยว และค่าที่พักแห่งใหม่ทั้งหมด” นายชูชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง ทราบว่า จากประมาณการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คาดว่าความเสียหายที่ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองในขณะนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
รายงานข้อมูลจากสมุทรศาสตร์อุตุนิยมวิทยา ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำขึ้นน้ำลงในอ่าวไทย โดยน้ำทะเลจะลงต่ำสุดในเวลา 04.22 น. และจะค่อยเพิ่ม และขึ้นสูงสุดในเวลา 20.44 น. ของวันนี้ ส่วนความเร็วลมในอ่าวไทยตะวันออกในพื้นที่จังหวัดระยอง-ชลบุรี มีความเร็วสูงสุด 9-17 นอต ความสูงคลื่น 2 เมตร
ขณะนี้ทิศทางลมโดยลมจะพัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะพัดไปทางด้านเหนือของเกาะเสม็ด คือ ไปทางปากน้ำประแสร์ บ้านเพ โดยจะไม่พัดลงมาทางทิศใต้ เช่น เกาะมันนอก มันใน อ.สัตหีบ พัทยา หรือบางแสนอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093528
คราบน้ำมันแผ่นบางๆ กำลังเข้าอ่าวปากคลองแกลง ท่องเที่ยวเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท
วันนี้ (30 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการรั่วไหลท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ทำให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลประมาณ 50,000-70,000 ลิตร คราบน้ำมันดิบถูกระแสคลื่นลมแรงซัดเข้าอ่าวพร้าว หมู่ 4 เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมืองระยอง ระยะทางกว่า 600 เมตรเต็มหาด
ล่าสุด ได้รับแจ้งจากนายไพบูลย์ เล็กรัตน์ ที่ปรึกษากลุ่มประมงพื้นบ้าน ต.แกลง อ.เมืองระยอง ที่นำเรือออกจากฝั่งบ้านปากคลองแกลง เมื่อเช้าที่ผ่านมา เพื่อทำการวางอวนล้อมเคย ท่ามกลางกระแสคลื่นลมแรง ระหว่างวางอวนล้อมฝูงเคยได้พบเห็นคราบน้ำมันผิวน้ำเป็นแผ่นบางๆ เป็นบริเวณกว้าง ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณจึงต้องรีบนำเรือกลับเข้าฝั่ง
นายไพบูลย์ ที่ปรึกษากลุ่มประมงพื้นบ้านกล่าวว่า ในช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่ฝูงเคยกำลังเข้าชายฝั่งเป็นประจำทุกปี ตามปกติเรือประมงจะได้เคยลำละกว่า 100 กิโลกรัม แต่วันนี้ได้น้อยมาก คาดว่าฝูงเคยได้กลิ่นน้ำมันเลยต้องหนีไปที่อื่นไม่เข้าฝั่ง มันเป็นธรรมชาติสัตว์ทะเลมันจะรู้ดีกว่ามนุษย์ หากคราบน้ำมันเข้าฝั่งบ้านปากคลองแกลง ชาวประมงชายฝั่งได้รับความเดือดร้อนแน่นอน สัตว์น้ำชายฝั่งตายหมด และต้องใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นฟู แล้วประมงพื้นบ้านอย่างพวกเราจะหากินได้อย่างไรหากคราบน้ำมันเข้าชายฝั่งจนเกิดผลกระทบ พวกเราจะรวมตัวแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อเรียกร้องความเสียหายที่พวกเราได้รับ
ด้านนายจตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์ นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็ก จ.ระยอง กล่าวว่า บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เป็นแนวอนุรักษ์ปะการังที่สวยงามได้รับผลกระทบอย่างมาก ถ้าคราบน้ำมันไม่เข้าชายฝั่งก็เป็นผลดีต่อชายฝัง แต่เป็นผลร้ายต่อชาวประมง สิ่งที่น่าเป็นห่วงหากควบคุมคราบน้ำมันไม่อยู่ กระแสลมที่พัดไปทางเกาะกุฎี เกาะมันนอก เกาะมันใน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เต่าทะเล จะได้รับผลทบที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เรื่องนี้ผมจะลงไปดูสภาพ และเก็บภาพไว้เป็นหลักฐานพร้อมให้เครือข่ายประมงพื้นบ้านที่นำเรือออกไปในทะเลบันทึกภาพคราบน้ำมันในทะเลไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายให้แก่กลุ่มประมงพื้นบ้านภายหลัง
ททท.เร่งย้ายนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าว หวั่นสุดสัปดาห์เก็บไม่หมดกระทบหนัก
นายชูชาติ อ่อนเจริญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง (ระยอง-จันทบุรี) เผยว่า หลังจากที่จังหวัดระยอง ได้ประกาศให้พื้นที่อ่าวพร้าวหมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฯ ททท.ระยอง ก็ได้ประสานไปยังนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในรีสอร์ต 3 แห่งบนอ่าวพร้าว เพื่อให้ย้ายไปเข้าพักยังหาดอื่นๆ ที่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันดิบ ไม่ว่าจะเป็นหาดวงเดือน หาดทรายแก้ว หาดปะการัง ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ และถือเป็นชายหาดยอดนิยม
ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าให้ข้อมูลแก่กรุ๊ปทัวร์ต่างๆ เกี่ยวกับจุดที่มีการทะลักของคราบน้ำมัน ว่ายังคงเป็นการทะลักเข้าไปเฉพาะชายหาดด้านฝั่งตะวันตกของเกาะ ซึ่งก็คือ อ่าวพร้าว ที่มีรีสอร์ตเพียง 3 แห่ง และมีห้องพักรวม 109 ห้องเท่านั้น โดยยืนยันว่า จุดที่เป็นชายหาดยอดนิยม ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด “เท่าที่ได้รับรายงานก็คือ เริ่มมีกรุ๊ปทัวร์ทั้งชาวไทย และยุโรป ยกเลิกการเดินทางมายังเกาะเสม็ดแล้ว ซึ่ง ททท.ก็กำลังรวบรวมรายชื่อทัวร์ที่ยกเลิกอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางพีทีทีฯ เองก็เร่งเก็บคราบน้ำมันเพื่อให้หมดก่อนช่วงสุดสัปดาห์ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกระทบต่อการท่องเที่ยวมากกว่าที่เป็นอยู่”
นายชูชาติ ยืนยันว่า ขณะนี้ผลกระทบในรูปของเม็ดเงินทางการท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่างสุดสัปดาห์ที่แล้ว จนถึงวันธรรมดาของสัปดาห์นี้ ที่การเข้าพักของนักท่องเที่ยวยังมีไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม หากพีทีทีฯ ไม่สามารถขจัดคราบน้ำมันให้หมดก่อนสุดสัปดาห์ที่จะถึง ก็คาดว่าการท่องเที่ยวของระยองจะเสียหายเป็นอย่างมาก
“ในส่วนของพีทีทีฯ เอง เขาก็พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งหน้าที่ของ ททท.ในขณะนี้ก็คือ การประสานไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อนำนักท่องเที่ยวออกจากอ่าวพร้าวก่อน โดย พีทีทีฯ ยืนยันที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการย้ายนักท่องเที่ยว และค่าที่พักแห่งใหม่ทั้งหมด” นายชูชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง ทราบว่า จากประมาณการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คาดว่าความเสียหายที่ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองในขณะนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
รายงานข้อมูลจากสมุทรศาสตร์อุตุนิยมวิทยา ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำขึ้นน้ำลงในอ่าวไทย โดยน้ำทะเลจะลงต่ำสุดในเวลา 04.22 น. และจะค่อยเพิ่ม และขึ้นสูงสุดในเวลา 20.44 น. ของวันนี้ ส่วนความเร็วลมในอ่าวไทยตะวันออกในพื้นที่จังหวัดระยอง-ชลบุรี มีความเร็วสูงสุด 9-17 นอต ความสูงคลื่น 2 เมตร
ขณะนี้ทิศทางลมโดยลมจะพัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะพัดไปทางด้านเหนือของเกาะเสม็ด คือ ไปทางปากน้ำประแสร์ บ้านเพ โดยจะไม่พัดลงมาทางทิศใต้ เช่น เกาะมันนอก มันใน อ.สัตหีบ พัทยา หรือบางแสนอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093528