content ข่าวหลายส่วน ทุกท่านคงได้ทราบมาบ้างแล้ว
แต่ผมอ่านแล้วเห็นว่า ได้ภาพรวมและความคืบหน้าของงานที่ถืออยู่ จึึงนำเสนอ เผื่อใครติดดอยอยู่ (ผมด้วย อิอิ) จะได้อุ่นใจขึ้นบ้าง
เครดิต กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ / S2M ลิ้งค์
http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=47587
เปิดบริษัทมา 40 ปี “ดีที่สุดยกนิ้วให้ปีนี้” “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ขุนพลใหญ่ “ช.การช่าง”อวดแถมบอกด้วยว่า “ต่างชาติต่อคิวขอฟังแผนธุรกิจเพียบ
ก่อตั้งบริษัทมา 40 ปี ฐานะการเงินในปี 2556 ดีที่สุด!!
“ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ “ช.การช่าง” (CK) พร้อม สองผู้บริหารคนสนิท “ประเสริฐ มริตตนะพร” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร และ “พงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ ส่งสัญญาณเชิงบวกตรงๆ ชนิดไม่ต้องตีความให้วุ่นวาย
ไม่สวยที่สุดได้งัย!! เพราะผ่านมาแค่ 3 เดือนของปี 2556 “ช.การช่าง” โกย “กำไรสุทธิ” 5,070.3 ล้านบาท “พุ่งพรวด” 4,962 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 108.2 ล้านบาท เรียกว่าสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2555 ที่อยู่ระดับ 568.40 ล้านบาท แต่กำไรที่ “สวยหรู” ไม่ได้มาจากรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว
แต่มาจากการรับรู้ “กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน” ใน “น้ำประปาไทย” (TTW) จำนวน 2,203.2 ล้านบาท โดยบริษัทได้ขายออกไปในสัดส่วน 11% ราคาหุ้นละ 7.55 บาท และบริษัทยังได้เปลี่ยนวิธีแสดงมูลค่าเงินลงทุน จากวิธีส่วนได้เสียเป็นแสดงตามมูลค่ายุติธรรม ทำให้บริษัทบันทึกกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วมประมาณ 3,821.6 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง “ช.การช่าง” ทำได้ 8,092 ล้านบาท หลังโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มีความคืบหน้าไปมาก อาทิ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีในประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวสัญญาที่ 1 งานโยธา ช่วงแบริ่ง -สมุทรปราการ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญาที่ 2 งานออกแบบและควบคู่การก่อสร้างเส้นทางใต้ดินช่วงสนามไชย-ท่าพระสัญญาที่ 5 งานออกแบบควบคู่การก่อสร้าง ระบบรถไฟฟ้าของทั้งโครงการ เป็นต้น
นั่งเรียกแขก!! เอ่ยเช่นนี้คงไม่ผิด แม้ “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” จะออกมานั่งหัวโต๊ะ แต่เขาก็ยกหน้าที่การตอบคำถามส่วนใหญ่ให้ลูกน้องคนสนิท “ประเสริฐ-“พงษ์สฤษดิ์” “โชว์ตัวไม่กี่ชั่วโมง” ราคาหุ้น ช.การช่าง และบริษัทที่ “ช.การช่าง” ถือหุ้นใหญ่ พากันวิ่งฉิว ไล่มาตั้งแต่หุ้น ช.การช่าง ปิดตลาด 21.40 บาท บวก 1.42% หุ้น ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ปิด 38.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.32% หุ้น รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ปิด 1.29 บาท บวก 13.16% และหุ้น น้ำประปาไทย” (TTW) ปิด 10.70 บาท ติดลบ 0.93% และหุ้นซีเค พาวเวอร์ (CKP) ปิด15 บาท ติดลบ 1.32%(ตัวเลข ณ วันที่24/07/56) (ช.การช่างถือหุ้น BECL 15.15% หุ้น BMCL 16.64% และหุ้น TTW 19.04% และหุ้น CKP 31.78%)
“เดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อน พอดีมีนัดทานอาหารกับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจธุรกิจของบริษัท” "แม่ทัพใหญ่" หย่อนประโยคตาลุกวาว ก่อนทำท่าจะเดินหนี
ที่ผ่านมาราคาหุ้น ช.การช่าง ปรับตัวลดลงค่อนข้างเยอะ แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า พื้นฐานบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแถมมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ผลประกอบของเรามีแนวโน้มเติบโตสูง บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน SET50 เหตุผลเหล่านี้ทำให้นักลงทุนทั่วไปและสถาบันในและนอกประเทศสนใจเราสุดๆ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจมากขึ้น เราจะเดินสายโชว์โรดนักลงทุนสถาบันในประเทศปลายเดือนก.ค.นี้ และจะไปนำเสนอข้อมูลให้กับสถาบันต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ และ ฮ่องกง ในเดือนส.ค.นี้ “เราคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากๆ” “ปลิว” เชื่อเช่นนั้น
วันนี้ “ช.การช่าง” ได้ยกระดับในแง่ของรายได้ให้ขึ้นมายืนอยู่บน “ความมั่นคง-แข็งแรง” เห็นได้จากโครงการธุรกิจหลัก “รับเหมาก่อสร้าง” เราสามารถมีทั้งรายได้จากการพัฒนาโครงการ รายได้จากเงินปันผล และกำไรจากการลงทุน นี่ยังไม่นับรวมรายได้อื่นๆที่เกี่ยวข้องจากการลงทุนอีกนะ
“กลยุทธ์ดี พันธมิตรแข็งแกร่ง” ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เรามีวันนี้ พันธมิตรทั้งหมดเราเป็นผู้ปลุกปั้นเองกับมือ ไม่ว่าจะเป็น “ทางด่วนกรุงเทพ-น้ำประปาไทย-รถไฟฟ้ากรุงเทพ” และน้องใหม่ล่าสุด “ซีเค พาวเวอร์” (CKP) ซึ่งเราถือหุ้นอยู่ 31.8% ทั้งหมดนี้คือ โครงสร้างสำคัญของ ช.การช่าง เรายังไม่คิดจะขายหุ้นเหล่านี้ ตรงข้ามมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น BMCL ด้วยซ้ำ บริษัทนี้แนวโน้มการเติบโตโดดเด่นสุด หากโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมโยงกันหลายสาย
ทำไม BECL-BMCL-TTW-CKP ถึงเป็นพันธมิตรที่ดี? เพราะที่ผ่านมาเขาขยันส่งกำไรกลับมายังบริษัทอย่างสม่ำเสมอ แถมยังเป็นพันธมิตรที่พร้อมจะก้าวขาไปลงทุนโครงการ Infrastructure (สาธารณูปโภค) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า น้ำประปา เขื่อน และพลังงานไฟฟ้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรองรับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปลายปี 2558 เขาเหล่านี้จะช่วยทำให้การเข้าลงทุนต่างๆง่ายขึ้น แถมยังทำให้เรามีภาระการลงทุนน้อยลงด้วย
“วิสัยทัศน์” ของ ช.การช่าง คือ การเป็น “ผู้นำด้านรับเหมาก่อสร้าง” เรายังมีความสามารถในการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคหลากหลาย ฉะนั้นบริษัทพร้อมจะทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
“เราพร้อมลงสนามประมูลงานโครงการสาธารณูปโภค 2.2 ล้านล้านบาท” “ประธานกรรมการบริหาร” ย้ำแล้ว ย้ำอีก
หากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมีความชัดเจนเราพร้อม เพราะมีประสบการณ์ในการเข้าประมูลงาน แม้บางโครงการจะมีการชะลอออกไปบ้าง แต่ก็ไม่กระทบต่อผลประกอบการของเรา เพราะเชื่อว่าโครงการหลักๆ จะเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนจะเข้ามาบริหารประเทศ เขาก็ต้องลงทุน สุดท้ายรัฐบาลจะจ้างก่อสร้าง หรือเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน หรือจ้างก่อสร้างแบบ Design and Build เราพร้อมทุกรูปแบบ อย่าลืมนะเราเคยผ่านทั้งงานขุดอุโมงค์ รถไฟฟ้า ท่าเรือ และสนามบิน เรียกว่าทำมาแล้วครบทุกสิ่งอย่าง
“กรณีเลวร้ายสุด ไม่ชนะการประมูลใหม่เลย เราก็ยังอยู่ได้แบบไม่มีปัญหาประมาณ 5 ปี แต่เรื่องเซอร์ไพรส์ลักษณะนี้คงเกิดยาก”
“แม่ทัพใหญ่” ยกเวทีแจกแจงผลประกอบการปี 2556 ให้ “ประเสริฐ มริตตนะพร” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร “ผมเชื่อว่าปีนี้เราจะมีรายได้ “โดดเด่นมาก” โอกาสแตะ 36,000 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องยาก!! ผ่านมาแค่ไตรมาส 1/56 เราสามารถโกยเงินได้แล้ว14,505.63 ล้านบาท ตอนนี้เรามียอดรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) สูงถึง 140,000-150,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีงานในมือ 120,729 ล้านบาท แถมในช่วงไตรมาส 2/56 อาจมีรายได้จากงานก่อสร้างมากกว่า 15,000 ล้านบาท ส่วนในแง่ของอัตรากำไรต้นน่าจะอยู่ระดับ 8-10%”
ตั้งแต่ปีหน้ารายได้ของเราจะเติบโตสม่ำเสมอเฉลี่ย 10% บริษัทจะไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน อีกแล้ว ภายใน 3-4 ปีข้างหน้าก็จะเติบโตแบบนี้ นี่ยังไม่นับรวมการชนะประมูลโครงการลงทุนมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาทนะ ถ้าได้งานเพิ่ม เราโตมากกว่านี้อีกแน่นอน
เอกสารที่ “ช.การช่าง” แจกภายในงานแถลงข่าว ได้ระบุตัวเลขผลประกอบการในแต่ละไตรมาสค่อนข้างละเอียด “ไตรมาส 2/56 บริษัทจะมีรายได้รวม 8,000 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกที่มีรายได้ 14,506 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานก่อสร้าง 7,000 ล้านบาท และจะรับรู้กำไรจากการขายหุ้น BMCL ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยได้ขายไปในสัดส่วน 7.97% ราคาหุ้นละ 1.15 บาท”
ส่วนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3-4/56 คาดว่าตัวเลขจะออกมาใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 2/56 แบ่งเป็นรายได้จากงานก่อสร้างประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อไตรมาส แต่ในช่วงไตรมาส 3 เราจะมีกำไรพิเศษจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน “ซีเค พาวเวอร์” (CKP) จาก 38% เหลือ 31.8% หลังบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“พงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ พูดในทำนองเดียวกันว่า แม้โครงการของรัฐบาลต้องชะลอออกไป แต่ผลประกอบการของเรายังคงเติบโต เพราะเรามีงานในมือสูงถึง 150,000 ล้านบาท ถ้าลองนำตัวเลขนี้มาหาร ภายใน 5-6 ปีข้างหน้า เราจะมีรายได้เฉลี่ย 30,000 ล้านบาทต่อปี นี่ยังไม่รวมงานใหม่ๆ และงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่กำลังทำอยู่ “บริษัทแข็งแกร่งมั้ยละ”
ที่ผ่านมาทุกคนรู้จัก “ช.การช่าง” ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศ แต่วันนี้เราไม่ใช่ผู้รับเหมาก่อสร้างที่รอรับงานก่อสร้างจากเจ้าของงานอีกแล้ว เวลานี้เราทำธุรกิจแบบ “ครบวงจร” ทั้งในส่วนที่เราก่อสร้างเอง และเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนา เราต่างจากผู้รับเหมารายอื่นตรงที่มีโครงการพัฒนา สาธารณูปโภค ซึ่งสามารถทำให้บริษัทเก็บกินเงินได้ในระยะยาว เรียกว่ามั่นคงยั่งยืน ในอดีตเวลาเรารับงานต้องมีพันธมิตรมาช่วย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เราทำเองได้ แถมยังสามารถรับงานโครงการขนาดใหญ่ และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นได้ด้วย
ณ วันที่ 31 มี.ค.2556 “ช.การช่าง” มี 7 โครงการที่ดำเนินการอยู่ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ มูลค่า 14,270 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 2,797 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 72% โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค แบ่งเป็นงานก่อสร้างใต้ดิน ช่วงสนามชัย-ท่าพระ มูลค่า 9,988 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 5,793 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 42% และงานวางรางรถไฟฟ้า มูลค่า 4,672 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 2,827 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 39.5%
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เฟส 1 มูลค่า 4,485 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 942 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 79% โครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ มูลค่า 4,619 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 3,395 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 26.5% โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ แบ่งเป็นโครงการสร้างยกระดับและศูนย์ซ่อมบำรุง มูลค่า 13,167 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 10,402 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 21% และงานวางราง มูลค่า 2,400 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 2,400 ล้านบาท
โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี มูลค่า 76,000 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 59,978 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 18.5% และโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มูลค่า 22,500 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 22,208 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 1.3% ที่เหลือเป็นโครงการอื่นๆมูลค่า 16,160 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 5,433 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 48.3%
ส่วนงานต่างประเทศ บริษัทมีโครงการเขื่อนน้ำบาก ใน สปป.ลาว มูลค่าโครงการ 17,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเซ็นสัญญางานก่อสร้าง (Conrtact Agreement) ในเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้ หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 ปี คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สัญญากู้เงิน และสัญญาสัมปทาน 25-30 ปี โดยบริษัท น้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CKP จะเข้ามาบริหารและถือหุ้น 100%
สรุปภาพรวมพื้นฐาน ck
แต่ผมอ่านแล้วเห็นว่า ได้ภาพรวมและความคืบหน้าของงานที่ถืออยู่ จึึงนำเสนอ เผื่อใครติดดอยอยู่ (ผมด้วย อิอิ) จะได้อุ่นใจขึ้นบ้าง
เครดิต กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ / S2M ลิ้งค์ http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=47587
เปิดบริษัทมา 40 ปี “ดีที่สุดยกนิ้วให้ปีนี้” “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ขุนพลใหญ่ “ช.การช่าง”อวดแถมบอกด้วยว่า “ต่างชาติต่อคิวขอฟังแผนธุรกิจเพียบ
ก่อตั้งบริษัทมา 40 ปี ฐานะการเงินในปี 2556 ดีที่สุด!!
“ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ “ช.การช่าง” (CK) พร้อม สองผู้บริหารคนสนิท “ประเสริฐ มริตตนะพร” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร และ “พงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ ส่งสัญญาณเชิงบวกตรงๆ ชนิดไม่ต้องตีความให้วุ่นวาย
ไม่สวยที่สุดได้งัย!! เพราะผ่านมาแค่ 3 เดือนของปี 2556 “ช.การช่าง” โกย “กำไรสุทธิ” 5,070.3 ล้านบาท “พุ่งพรวด” 4,962 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 108.2 ล้านบาท เรียกว่าสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2555 ที่อยู่ระดับ 568.40 ล้านบาท แต่กำไรที่ “สวยหรู” ไม่ได้มาจากรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว
แต่มาจากการรับรู้ “กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน” ใน “น้ำประปาไทย” (TTW) จำนวน 2,203.2 ล้านบาท โดยบริษัทได้ขายออกไปในสัดส่วน 11% ราคาหุ้นละ 7.55 บาท และบริษัทยังได้เปลี่ยนวิธีแสดงมูลค่าเงินลงทุน จากวิธีส่วนได้เสียเป็นแสดงตามมูลค่ายุติธรรม ทำให้บริษัทบันทึกกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วมประมาณ 3,821.6 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง “ช.การช่าง” ทำได้ 8,092 ล้านบาท หลังโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มีความคืบหน้าไปมาก อาทิ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีในประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวสัญญาที่ 1 งานโยธา ช่วงแบริ่ง -สมุทรปราการ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญาที่ 2 งานออกแบบและควบคู่การก่อสร้างเส้นทางใต้ดินช่วงสนามไชย-ท่าพระสัญญาที่ 5 งานออกแบบควบคู่การก่อสร้าง ระบบรถไฟฟ้าของทั้งโครงการ เป็นต้น
นั่งเรียกแขก!! เอ่ยเช่นนี้คงไม่ผิด แม้ “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” จะออกมานั่งหัวโต๊ะ แต่เขาก็ยกหน้าที่การตอบคำถามส่วนใหญ่ให้ลูกน้องคนสนิท “ประเสริฐ-“พงษ์สฤษดิ์” “โชว์ตัวไม่กี่ชั่วโมง” ราคาหุ้น ช.การช่าง และบริษัทที่ “ช.การช่าง” ถือหุ้นใหญ่ พากันวิ่งฉิว ไล่มาตั้งแต่หุ้น ช.การช่าง ปิดตลาด 21.40 บาท บวก 1.42% หุ้น ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) ปิด 38.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.32% หุ้น รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ปิด 1.29 บาท บวก 13.16% และหุ้น น้ำประปาไทย” (TTW) ปิด 10.70 บาท ติดลบ 0.93% และหุ้นซีเค พาวเวอร์ (CKP) ปิด15 บาท ติดลบ 1.32%(ตัวเลข ณ วันที่24/07/56) (ช.การช่างถือหุ้น BECL 15.15% หุ้น BMCL 16.64% และหุ้น TTW 19.04% และหุ้น CKP 31.78%)
“เดี๋ยวผมต้องขอตัวก่อน พอดีมีนัดทานอาหารกับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจธุรกิจของบริษัท” "แม่ทัพใหญ่" หย่อนประโยคตาลุกวาว ก่อนทำท่าจะเดินหนี
ที่ผ่านมาราคาหุ้น ช.การช่าง ปรับตัวลดลงค่อนข้างเยอะ แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า พื้นฐานบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแถมมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ผลประกอบของเรามีแนวโน้มเติบโตสูง บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน SET50 เหตุผลเหล่านี้ทำให้นักลงทุนทั่วไปและสถาบันในและนอกประเทศสนใจเราสุดๆ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจมากขึ้น เราจะเดินสายโชว์โรดนักลงทุนสถาบันในประเทศปลายเดือนก.ค.นี้ และจะไปนำเสนอข้อมูลให้กับสถาบันต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ และ ฮ่องกง ในเดือนส.ค.นี้ “เราคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากๆ” “ปลิว” เชื่อเช่นนั้น
วันนี้ “ช.การช่าง” ได้ยกระดับในแง่ของรายได้ให้ขึ้นมายืนอยู่บน “ความมั่นคง-แข็งแรง” เห็นได้จากโครงการธุรกิจหลัก “รับเหมาก่อสร้าง” เราสามารถมีทั้งรายได้จากการพัฒนาโครงการ รายได้จากเงินปันผล และกำไรจากการลงทุน นี่ยังไม่นับรวมรายได้อื่นๆที่เกี่ยวข้องจากการลงทุนอีกนะ
“กลยุทธ์ดี พันธมิตรแข็งแกร่ง” ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เรามีวันนี้ พันธมิตรทั้งหมดเราเป็นผู้ปลุกปั้นเองกับมือ ไม่ว่าจะเป็น “ทางด่วนกรุงเทพ-น้ำประปาไทย-รถไฟฟ้ากรุงเทพ” และน้องใหม่ล่าสุด “ซีเค พาวเวอร์” (CKP) ซึ่งเราถือหุ้นอยู่ 31.8% ทั้งหมดนี้คือ โครงสร้างสำคัญของ ช.การช่าง เรายังไม่คิดจะขายหุ้นเหล่านี้ ตรงข้ามมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น BMCL ด้วยซ้ำ บริษัทนี้แนวโน้มการเติบโตโดดเด่นสุด หากโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมโยงกันหลายสาย
ทำไม BECL-BMCL-TTW-CKP ถึงเป็นพันธมิตรที่ดี? เพราะที่ผ่านมาเขาขยันส่งกำไรกลับมายังบริษัทอย่างสม่ำเสมอ แถมยังเป็นพันธมิตรที่พร้อมจะก้าวขาไปลงทุนโครงการ Infrastructure (สาธารณูปโภค) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า น้ำประปา เขื่อน และพลังงานไฟฟ้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรองรับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปลายปี 2558 เขาเหล่านี้จะช่วยทำให้การเข้าลงทุนต่างๆง่ายขึ้น แถมยังทำให้เรามีภาระการลงทุนน้อยลงด้วย
“วิสัยทัศน์” ของ ช.การช่าง คือ การเป็น “ผู้นำด้านรับเหมาก่อสร้าง” เรายังมีความสามารถในการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคหลากหลาย ฉะนั้นบริษัทพร้อมจะทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
“เราพร้อมลงสนามประมูลงานโครงการสาธารณูปโภค 2.2 ล้านล้านบาท” “ประธานกรรมการบริหาร” ย้ำแล้ว ย้ำอีก
หากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมีความชัดเจนเราพร้อม เพราะมีประสบการณ์ในการเข้าประมูลงาน แม้บางโครงการจะมีการชะลอออกไปบ้าง แต่ก็ไม่กระทบต่อผลประกอบการของเรา เพราะเชื่อว่าโครงการหลักๆ จะเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนจะเข้ามาบริหารประเทศ เขาก็ต้องลงทุน สุดท้ายรัฐบาลจะจ้างก่อสร้าง หรือเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน หรือจ้างก่อสร้างแบบ Design and Build เราพร้อมทุกรูปแบบ อย่าลืมนะเราเคยผ่านทั้งงานขุดอุโมงค์ รถไฟฟ้า ท่าเรือ และสนามบิน เรียกว่าทำมาแล้วครบทุกสิ่งอย่าง
“กรณีเลวร้ายสุด ไม่ชนะการประมูลใหม่เลย เราก็ยังอยู่ได้แบบไม่มีปัญหาประมาณ 5 ปี แต่เรื่องเซอร์ไพรส์ลักษณะนี้คงเกิดยาก”
“แม่ทัพใหญ่” ยกเวทีแจกแจงผลประกอบการปี 2556 ให้ “ประเสริฐ มริตตนะพร” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร “ผมเชื่อว่าปีนี้เราจะมีรายได้ “โดดเด่นมาก” โอกาสแตะ 36,000 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องยาก!! ผ่านมาแค่ไตรมาส 1/56 เราสามารถโกยเงินได้แล้ว14,505.63 ล้านบาท ตอนนี้เรามียอดรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) สูงถึง 140,000-150,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีงานในมือ 120,729 ล้านบาท แถมในช่วงไตรมาส 2/56 อาจมีรายได้จากงานก่อสร้างมากกว่า 15,000 ล้านบาท ส่วนในแง่ของอัตรากำไรต้นน่าจะอยู่ระดับ 8-10%”
ตั้งแต่ปีหน้ารายได้ของเราจะเติบโตสม่ำเสมอเฉลี่ย 10% บริษัทจะไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน อีกแล้ว ภายใน 3-4 ปีข้างหน้าก็จะเติบโตแบบนี้ นี่ยังไม่นับรวมการชนะประมูลโครงการลงทุนมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาทนะ ถ้าได้งานเพิ่ม เราโตมากกว่านี้อีกแน่นอน
เอกสารที่ “ช.การช่าง” แจกภายในงานแถลงข่าว ได้ระบุตัวเลขผลประกอบการในแต่ละไตรมาสค่อนข้างละเอียด “ไตรมาส 2/56 บริษัทจะมีรายได้รวม 8,000 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกที่มีรายได้ 14,506 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานก่อสร้าง 7,000 ล้านบาท และจะรับรู้กำไรจากการขายหุ้น BMCL ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยได้ขายไปในสัดส่วน 7.97% ราคาหุ้นละ 1.15 บาท”
ส่วนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3-4/56 คาดว่าตัวเลขจะออกมาใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 2/56 แบ่งเป็นรายได้จากงานก่อสร้างประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อไตรมาส แต่ในช่วงไตรมาส 3 เราจะมีกำไรพิเศษจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน “ซีเค พาวเวอร์” (CKP) จาก 38% เหลือ 31.8% หลังบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“พงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ พูดในทำนองเดียวกันว่า แม้โครงการของรัฐบาลต้องชะลอออกไป แต่ผลประกอบการของเรายังคงเติบโต เพราะเรามีงานในมือสูงถึง 150,000 ล้านบาท ถ้าลองนำตัวเลขนี้มาหาร ภายใน 5-6 ปีข้างหน้า เราจะมีรายได้เฉลี่ย 30,000 ล้านบาทต่อปี นี่ยังไม่รวมงานใหม่ๆ และงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่กำลังทำอยู่ “บริษัทแข็งแกร่งมั้ยละ”
ที่ผ่านมาทุกคนรู้จัก “ช.การช่าง” ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศ แต่วันนี้เราไม่ใช่ผู้รับเหมาก่อสร้างที่รอรับงานก่อสร้างจากเจ้าของงานอีกแล้ว เวลานี้เราทำธุรกิจแบบ “ครบวงจร” ทั้งในส่วนที่เราก่อสร้างเอง และเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนา เราต่างจากผู้รับเหมารายอื่นตรงที่มีโครงการพัฒนา สาธารณูปโภค ซึ่งสามารถทำให้บริษัทเก็บกินเงินได้ในระยะยาว เรียกว่ามั่นคงยั่งยืน ในอดีตเวลาเรารับงานต้องมีพันธมิตรมาช่วย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เราทำเองได้ แถมยังสามารถรับงานโครงการขนาดใหญ่ และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นได้ด้วย
ณ วันที่ 31 มี.ค.2556 “ช.การช่าง” มี 7 โครงการที่ดำเนินการอยู่ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ มูลค่า 14,270 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 2,797 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 72% โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค แบ่งเป็นงานก่อสร้างใต้ดิน ช่วงสนามชัย-ท่าพระ มูลค่า 9,988 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 5,793 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 42% และงานวางรางรถไฟฟ้า มูลค่า 4,672 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 2,827 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 39.5%
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เฟส 1 มูลค่า 4,485 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 942 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 79% โครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ มูลค่า 4,619 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 3,395 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 26.5% โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ แบ่งเป็นโครงการสร้างยกระดับและศูนย์ซ่อมบำรุง มูลค่า 13,167 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 10,402 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 21% และงานวางราง มูลค่า 2,400 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 2,400 ล้านบาท
โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไชยะบุรี มูลค่า 76,000 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 59,978 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 18.5% และโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มูลค่า 22,500 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 22,208 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 1.3% ที่เหลือเป็นโครงการอื่นๆมูลค่า 16,160 ล้านบาท มูลค่าคงเหลือ 5,433 ล้านบาท คืบหน้าแล้ว 48.3%
ส่วนงานต่างประเทศ บริษัทมีโครงการเขื่อนน้ำบาก ใน สปป.ลาว มูลค่าโครงการ 17,000 ล้านบาท กำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเซ็นสัญญางานก่อสร้าง (Conrtact Agreement) ในเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้ หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 ปี คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สัญญากู้เงิน และสัญญาสัมปทาน 25-30 ปี โดยบริษัท น้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CKP จะเข้ามาบริหารและถือหุ้น 100%