การมาทัวร์ของลิเวอร์พูลครั้งนี้ ผมเชื่อว่าเป็นการมาเยือนไทยของลิเวอร์พูลอีกครั้งที่ทำให้แฟนบอลหงส์แดงประทับใจ
และไม่สามารถที่จะลืมเลือนได้
โดยเฉพาะกัปตันคนเก่งของเรา...
...ผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล ได้ดูลิเวอร์พูลแทบทุกนัด ส่วนใหญ่จะเห็นในมุมของความสามารถ ของเจอร์ราด ในสนาม
แต่การมาเมืองไทยครั้งนี้ ผมได้เห็นอีกภาพหนึ่งของกัปตันเจอร์ราด
เค้าคือนักเตะในอุดมคติของลิเวอร์พุล ที่ไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถในสนามเท่านั้น
แต่เค้าคือสุภาพบุรุษตัวจริงเต็มไปด้วยสปิริตในทุกๆเรื่อง เจอร์ราดทำให้ภาพสโมสรยิ่งใหญ่ ..ไม่ใช่ยิ่งใหญ่จากการได้แชมป์หรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นความยิ่งใหญ่จากความรู้สึกและความรับผิดชอบที่เจอร์ราดมีต่อสโมสร
..... รอยยิ้มบนใบหน้าที่ รพ ศิริราช แม้ว่าคนจะเบียดเสียด
..... แสดงความต้องการจะแจกลายเซนต์เอง ตอนห้าทุ่ม อย่างใกล้ชิดแฟนบอล
...... พาลูกทีมเดินรอบสนาม ทักทาย ไหว้ แฟนบอล
.......ความเป็นกันเองกับแฟนบอล
อยากบอกกัปตันเจอร์ราดว่า...... ผมไม่สามารถขออะไรจากคุณได้มากกว่านี้แล้ว
คุณทำให้ผมและแฟนบอลลิเวอร์พูลทุกๆคน เหมือนมี "สิทธิพิเศษที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของลิเวอร์พูล" YWNA
ขออณุญาติเพิ่มเติม ความประทับใจเจอร์ราดอีกเรื่องที่กระทู้นี้นะครับ เจอร์ดเป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยเด็กหนุ่มแฟนลิเวอร์พูลจากการเป็นแพะ
ในค่ำคืนมิราเคิลไนท์ ที่อิสตันบูล จะเป็นคืนที่แฟนหงส์แดงทั่วโลก ไม่มีวันลบเลือนตลอดจนชั่วชีวิต
เหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างสิงห์ขี้เมาอังกฤษกับ กลุ่มนักดื่มท้องถิ่นชาวบัลแกเรียน
ไมเคิล ชิลด์ เด็กหนุ่มร่างใหญ่วัย 18 เป็นแพะรับบาป ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี พร้อมโทษปรับอีกเจ็ดหมื่นปอนด์ เนื่องจากคนที่โดนทำร้ายอาการสาหัสมาก ชิลด์ ยืนยันว่า เขานอนหลับอยู่ในห้อง และไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ แต่ตำรวจบัลแกเรียไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้ตำรวจจะไม่มีหลักฐานที่จะมัดตัวชิลด์ ทั้งหลักฐานนิติเวช,กล้องวงจรปิด และดีเอ็นเอ แต่คำให้การของพยาน 9 ปาก ที่ให้รูปพรรณสัณฐานนั้นตรงกับบุคลิกของชิลด์ทุกประการ เขาไม่มีพยานช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่มีหลักฐานอะไรรองรับเช่นกัน ดังนั้นลำพังแค่การยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้ก่ออาชญากรรม จึงไม่มีน้ำหนักใดๆ
มาเรียแม่ของ ไมเคิล ชิลด์ ไม่มีแม้แต่เงินจะจ้างทนายฝีมือดีสักคนไปสู้คดีให้ที่บัลแกเรีย พวกเขาก็ยังไม่มีปัญญา เพราะเธอก็เป็นแค่แม่บ้านธรรมดา ในขณะไมเคิล ซีเนียร์ สามีของเธอก็เป็นแค่พนักงานเช็ดกระจกเท่านั้นเอง ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน อย่างเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือไปเรียกร้องผ่านสื่อ โดยขอความเป็นธรรมจากหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ สื่อมวลชนท้องถิ่นได้แค่บทสัมภาษณ์ในคอลัมน์เล็กๆ
...แค่นั้นจริงๆ
เพราะหนึ่งในกลุ่มคนที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนั้นคือ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของชาวเมืองลิเวอร์พูล
เจอร์ราร์ดเองก็ยอมรับว่าไม่รู้จะทำอะไรได้บ้างกับเรื่องนี้ แต่จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ไมเคิลคือแฟนของลิเวอร์พูล ที่ควรจะมานั่งชมเกมที่แอนฟิลด์ มากกว่านั่งดูไฮไลท์ของหงส์แดง ผ่านทีวีในคุกบัลแกเรียสตีวี่ควักเงิน 50,000 ปอนด์ให้ครอบครัวชิลด์นำไปสู้คดี จ้างทนาย
เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เจอร์ราร์ด ,เจมี่ คาร์ราเกอร์ และราฟาเอล เบนิเตซ ได้เข้าไปพบผู้บริหารระดับสูงของลิเวอร์พูล พร้อมกับแสดงเจตจำนงว่า สโมสรควรยกระดับการต่อสู้ในเรื่องนี้ให้จริงจังไปอีกขั้น ดังนั้นเกมแรกที่แอนฟิลด์ ในซีซัน 2005-06 กับซันเดอร์แลนด์ จึงมีการแปลอักษรที่สแตนด์ เดอะ ค็อป ว่า 'FREE MICHAEL' หรือปล่อยไมเคิลให้เป็นอิสระนั่นเอง ซึ่งสโมสรเอง นอกจากโดนปรับแล้ว ก็ยังโดนคาดโทษจากฟีฟ่าอย่างหนักในเรื่องนี้ทีเดียว เพราะฟีฟ่ามีกฎที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ห้ามทีมฟุตบอลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กับ เมลิซซ่า ชิลด์ พี่สาวของไมเคิล เดินหน้าเข้าไปพูดคุยกับ แซนคีย์ คนผิดตัวจริง ในฐานะของคนลิเวอร์พูลด้วยกัน ให้เห็นใจคนที่ไม่ได้กระทำผิด
และแล้ว วันที่ 9 กันยายน 2009 การรอคอยของชาวเมืองลิเวอร์พูลก็สิ้นสุดลง เมื่อ ไมเคิล ชิลด์ ถูกปล่อยตัวจากสถานกักกันวอร์ริงทอม กลับสู่อ้อมอกครอบครัว4 ปี แห่งความว่างเปล่า ถึงจะทรมาน แต่ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นมันได้เสียที
เข้าไปอ่านเรื่องราวเต็มๆทั้งหมดได้ที่นี่ครับ
http://topicstock.ppantip.com/supachalasai/topicstock/2009/09/S8330119/S8330119.html
( You'll never walk alone ... ความจริง หรือแค่คำลวง ?)
อยากบอกกัปตันเจอร์ราดว่า...... ผมไม่สามารถขออะไรจากคุณได้มากกว่านี้แล้ว
และไม่สามารถที่จะลืมเลือนได้
โดยเฉพาะกัปตันคนเก่งของเรา...
...ผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล ได้ดูลิเวอร์พูลแทบทุกนัด ส่วนใหญ่จะเห็นในมุมของความสามารถ ของเจอร์ราด ในสนาม
แต่การมาเมืองไทยครั้งนี้ ผมได้เห็นอีกภาพหนึ่งของกัปตันเจอร์ราด
เค้าคือนักเตะในอุดมคติของลิเวอร์พุล ที่ไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถในสนามเท่านั้น
แต่เค้าคือสุภาพบุรุษตัวจริงเต็มไปด้วยสปิริตในทุกๆเรื่อง เจอร์ราดทำให้ภาพสโมสรยิ่งใหญ่ ..ไม่ใช่ยิ่งใหญ่จากการได้แชมป์หรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นความยิ่งใหญ่จากความรู้สึกและความรับผิดชอบที่เจอร์ราดมีต่อสโมสร
..... รอยยิ้มบนใบหน้าที่ รพ ศิริราช แม้ว่าคนจะเบียดเสียด
..... แสดงความต้องการจะแจกลายเซนต์เอง ตอนห้าทุ่ม อย่างใกล้ชิดแฟนบอล
...... พาลูกทีมเดินรอบสนาม ทักทาย ไหว้ แฟนบอล
.......ความเป็นกันเองกับแฟนบอล
อยากบอกกัปตันเจอร์ราดว่า...... ผมไม่สามารถขออะไรจากคุณได้มากกว่านี้แล้ว
คุณทำให้ผมและแฟนบอลลิเวอร์พูลทุกๆคน เหมือนมี "สิทธิพิเศษที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของลิเวอร์พูล" YWNA
ขออณุญาติเพิ่มเติม ความประทับใจเจอร์ราดอีกเรื่องที่กระทู้นี้นะครับ เจอร์ดเป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยเด็กหนุ่มแฟนลิเวอร์พูลจากการเป็นแพะ
ในค่ำคืนมิราเคิลไนท์ ที่อิสตันบูล จะเป็นคืนที่แฟนหงส์แดงทั่วโลก ไม่มีวันลบเลือนตลอดจนชั่วชีวิต
เหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างสิงห์ขี้เมาอังกฤษกับ กลุ่มนักดื่มท้องถิ่นชาวบัลแกเรียน
ไมเคิล ชิลด์ เด็กหนุ่มร่างใหญ่วัย 18 เป็นแพะรับบาป ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี พร้อมโทษปรับอีกเจ็ดหมื่นปอนด์ เนื่องจากคนที่โดนทำร้ายอาการสาหัสมาก ชิลด์ ยืนยันว่า เขานอนหลับอยู่ในห้อง และไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ แต่ตำรวจบัลแกเรียไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้ตำรวจจะไม่มีหลักฐานที่จะมัดตัวชิลด์ ทั้งหลักฐานนิติเวช,กล้องวงจรปิด และดีเอ็นเอ แต่คำให้การของพยาน 9 ปาก ที่ให้รูปพรรณสัณฐานนั้นตรงกับบุคลิกของชิลด์ทุกประการ เขาไม่มีพยานช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่มีหลักฐานอะไรรองรับเช่นกัน ดังนั้นลำพังแค่การยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้ก่ออาชญากรรม จึงไม่มีน้ำหนักใดๆ
มาเรียแม่ของ ไมเคิล ชิลด์ ไม่มีแม้แต่เงินจะจ้างทนายฝีมือดีสักคนไปสู้คดีให้ที่บัลแกเรีย พวกเขาก็ยังไม่มีปัญญา เพราะเธอก็เป็นแค่แม่บ้านธรรมดา ในขณะไมเคิล ซีเนียร์ สามีของเธอก็เป็นแค่พนักงานเช็ดกระจกเท่านั้นเอง ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน อย่างเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือไปเรียกร้องผ่านสื่อ โดยขอความเป็นธรรมจากหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ สื่อมวลชนท้องถิ่นได้แค่บทสัมภาษณ์ในคอลัมน์เล็กๆ
...แค่นั้นจริงๆ
เพราะหนึ่งในกลุ่มคนที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนั้นคือ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของชาวเมืองลิเวอร์พูล
เจอร์ราร์ดเองก็ยอมรับว่าไม่รู้จะทำอะไรได้บ้างกับเรื่องนี้ แต่จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ไมเคิลคือแฟนของลิเวอร์พูล ที่ควรจะมานั่งชมเกมที่แอนฟิลด์ มากกว่านั่งดูไฮไลท์ของหงส์แดง ผ่านทีวีในคุกบัลแกเรียสตีวี่ควักเงิน 50,000 ปอนด์ให้ครอบครัวชิลด์นำไปสู้คดี จ้างทนาย
เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เจอร์ราร์ด ,เจมี่ คาร์ราเกอร์ และราฟาเอล เบนิเตซ ได้เข้าไปพบผู้บริหารระดับสูงของลิเวอร์พูล พร้อมกับแสดงเจตจำนงว่า สโมสรควรยกระดับการต่อสู้ในเรื่องนี้ให้จริงจังไปอีกขั้น ดังนั้นเกมแรกที่แอนฟิลด์ ในซีซัน 2005-06 กับซันเดอร์แลนด์ จึงมีการแปลอักษรที่สแตนด์ เดอะ ค็อป ว่า 'FREE MICHAEL' หรือปล่อยไมเคิลให้เป็นอิสระนั่นเอง ซึ่งสโมสรเอง นอกจากโดนปรับแล้ว ก็ยังโดนคาดโทษจากฟีฟ่าอย่างหนักในเรื่องนี้ทีเดียว เพราะฟีฟ่ามีกฎที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ห้ามทีมฟุตบอลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กับ เมลิซซ่า ชิลด์ พี่สาวของไมเคิล เดินหน้าเข้าไปพูดคุยกับ แซนคีย์ คนผิดตัวจริง ในฐานะของคนลิเวอร์พูลด้วยกัน ให้เห็นใจคนที่ไม่ได้กระทำผิด
และแล้ว วันที่ 9 กันยายน 2009 การรอคอยของชาวเมืองลิเวอร์พูลก็สิ้นสุดลง เมื่อ ไมเคิล ชิลด์ ถูกปล่อยตัวจากสถานกักกันวอร์ริงทอม กลับสู่อ้อมอกครอบครัว4 ปี แห่งความว่างเปล่า ถึงจะทรมาน แต่ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นมันได้เสียที
เข้าไปอ่านเรื่องราวเต็มๆทั้งหมดได้ที่นี่ครับ http://topicstock.ppantip.com/supachalasai/topicstock/2009/09/S8330119/S8330119.html
( You'll never walk alone ... ความจริง หรือแค่คำลวง ?)