การอุปสมบทเดี่ยว - ณ อุโบสถ ๑
ฯ: ๛ ฯ:
วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง สามินา
กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ฯ
๚: ๛
"บัดนี้ได้ขอนิสัยแล้ว ... ขอนิสัยคือขออยู่ในสำนักและยินดีปฏิบัติตามหน้าที่ระหว่างกันและกัน
พระอุปัชฌาย์ มีหน้าที่ในการแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน ชอบด้วยธรรม-ชอบด้วยวินัย
สัทธิวิหาริก ก็คือศิษย์นั่นเอง มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามคำแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน
ชอบด้วยธรรม-ชอบด้วยวินัย
เมื่อได้ยืนยันความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน
ชอบด้วยธรรม-ชอบด้วยวินัย
ต่อไปพระสงฆ์ได้จะยกขึ้นเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต้องสวดประกาศเป็นภาษาบาลี
จึงขอให้ชื่อในภาษาบาลีว่า "พุทธะธัมโม"
ถ้าพระอาจารย์ทั้งสองสวดถามว่า "กินนาโมสิ" แปลว่า ท่านชื่ออะไร
ให้เรียนตอบกับท่านว่า "อะหัง ภันเต *พุทธะธัมโม* นามะ"
ถ้าพระอาจารย์ทั้งสองสวดถามต่อไปว่า "โก นามะ เต อุปัชฌาโย" แปลว่า พระอุปัชฌาย์ ของท่านชื่ออะไร
ให้เรียนตอบกับท่านว่า "อุปัชฌาโย เม ภันเต อายัสะมา *ธัมมะปะยุตโต* นามะ"
... ฯลฯ ...
*ญัตติจตุตถกัมมวาจา*
๚: ๛ ๚:
๚: สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง พุทธะธัมโม อายัสมะโต ธัมมะปะยุตตัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ
ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง พุทธะธัมโม สังฆัง อุปสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน ฯ
๛ ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ พุทธะธัมมัง อุปะสัมปาเทยยะ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน เอสา ญัตติ ๚
ฯ:๛ ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า พุทธะธัมมะ นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของท่าน
ธัมมะปะยุตตะ เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมที่เป็นอันตรายต่อการอุปสมบท มีบาตรและจีวรครบบริบูรณ์
พุทธะธัมมะ จึงขออุปสมบทกะสงฆ์ โดยมีท่าน
ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์
ถ้าสงฆ์มีความพร้อมเพียงกันดีแล้ว ขอสงฆ์พึงให้ พุทธะธัมมะ อุปสมบท
โดยมีท่าน ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์
นี่เป็นญัตติ ๚
๚: สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง พุทธะธัมโม อายัสมะโต ธัมมะปะยุตตัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ
ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง พุทธะธัมโม สังฆัง อุปะสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน ฯ
๛ ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ พุทธะธัมมัง อุปสัมปาเทติ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน ฯ
ฯ:๛ ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า
พุทธะธัมมะ นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของท่าน
ธัมมะปะยุตตะ เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมที่เป็นอันตรายต่อการอุปสมบท มีบาตรและจีวรครบบริบูรณ์
พุทธะธัมมะ จึงขออุปะสมบทกะสงฆ์ โดยมีท่าน
ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์
ถ้าสงฆ์มีความพร้อมเพียงกันดีแล้ว ขอสงฆ์พึงให้ พุทธะธัมมะ อุปสมบท โดยมีท่าน ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์ ๚
๚: แม้ครั้งที่สอง ... ๚
๚: แม้ครั้งที่สาม ... ๚
๚:๛ อะยัง พุทฺธมฺโม อายสฺมโต ธมฺปยุตฺตสฺส อุปสมฺปทาเปกฺโข ฯ:๛ [อุปสมบทเดี่ยว]
การอุปสมบทเดี่ยว - ณ อุโบสถ ๑
ฯ: ๛ ฯ:
วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง สามินา
กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ฯ
๚: ๛
"บัดนี้ได้ขอนิสัยแล้ว ... ขอนิสัยคือขออยู่ในสำนักและยินดีปฏิบัติตามหน้าที่ระหว่างกันและกัน
พระอุปัชฌาย์ มีหน้าที่ในการแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน ชอบด้วยธรรม-ชอบด้วยวินัย
สัทธิวิหาริก ก็คือศิษย์นั่นเอง มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามคำแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน
ชอบด้วยธรรม-ชอบด้วยวินัย
เมื่อได้ยืนยันความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน
ชอบด้วยธรรม-ชอบด้วยวินัย
ต่อไปพระสงฆ์ได้จะยกขึ้นเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต้องสวดประกาศเป็นภาษาบาลี
จึงขอให้ชื่อในภาษาบาลีว่า "พุทธะธัมโม"
ถ้าพระอาจารย์ทั้งสองสวดถามว่า "กินนาโมสิ" แปลว่า ท่านชื่ออะไร
ให้เรียนตอบกับท่านว่า "อะหัง ภันเต *พุทธะธัมโม* นามะ"
ถ้าพระอาจารย์ทั้งสองสวดถามต่อไปว่า "โก นามะ เต อุปัชฌาโย" แปลว่า พระอุปัชฌาย์ ของท่านชื่ออะไร
ให้เรียนตอบกับท่านว่า "อุปัชฌาโย เม ภันเต อายัสะมา *ธัมมะปะยุตโต* นามะ"
... ฯลฯ ...
*ญัตติจตุตถกัมมวาจา*
๚: ๛ ๚:
๚: สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง พุทธะธัมโม อายัสมะโต ธัมมะปะยุตตัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ
ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง พุทธะธัมโม สังฆัง อุปสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน ฯ
๛ ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ พุทธะธัมมัง อุปะสัมปาเทยยะ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน เอสา ญัตติ ๚
ฯ:๛ ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า พุทธะธัมมะ นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของท่าน ธัมมะปะยุตตะ เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมที่เป็นอันตรายต่อการอุปสมบท มีบาตรและจีวรครบบริบูรณ์ พุทธะธัมมะ จึงขออุปสมบทกะสงฆ์ โดยมีท่าน ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์
ถ้าสงฆ์มีความพร้อมเพียงกันดีแล้ว ขอสงฆ์พึงให้ พุทธะธัมมะ อุปสมบท
โดยมีท่าน ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์
นี่เป็นญัตติ ๚
๚: สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง พุทธะธัมโม อายัสมะโต ธัมมะปะยุตตัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ
ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง พุทธะธัมโม สังฆัง อุปะสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน ฯ
๛ ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ พุทธะธัมมัง อุปสัมปาเทติ อายัสมะตา ธัมมะปะยุตเตนะ อุปัชฌาเยน ฯ
ฯ:๛ ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า พุทธะธัมมะ นี้ เป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของท่าน ธัมมะปะยุตตะ เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมที่เป็นอันตรายต่อการอุปสมบท มีบาตรและจีวรครบบริบูรณ์ พุทธะธัมมะ จึงขออุปะสมบทกะสงฆ์ โดยมีท่าน ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์
ถ้าสงฆ์มีความพร้อมเพียงกันดีแล้ว ขอสงฆ์พึงให้ พุทธะธัมมะ อุปสมบท โดยมีท่าน ธัมมะปยุตตะ เป็นพระอุปัชฌาย์ ๚
๚: แม้ครั้งที่สอง ... ๚
๚: แม้ครั้งที่สาม ... ๚