วันนี้ขอนำเสนอประวัติของรถยุโรปยอดนิยมรุ่นหนึ่งนั่นก็คือ bmw 3-serieนั่นเองซึ่งถือเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของbmwกันเลยทีเดียว โดยซีรีส์3เป็นรุ่นต่อของbmw2002โดยออกมาเพื่อความประหยัดน้ำมัน
Generation1



โดยผู้ที่เป็นผู้ผลักดันให้bmwมีรุ่นซีรีส์3คือHerbert Quandtที่มีหุ่นในบริษัทมากถึง51%เป็นผู้ทีผลัดันให้ทำรุ่นต่อจากรุ่น2002ส่วนผู้ที่วางแนวทางการดีไซน์งานออกแบบคิอPaul Bracqหัวหน้าแผนกออกแบบของbmwในปี1970-1974กับWilhelm Hofmeisterเป็นผู้ออกแบบเสาซีในปี1975Claus Lutheเป็นผู้รับช่วงในการออกแบบต่อโดย่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมปี1985ในสนามกีฬาโอลิมปิกเมืองมิวนิคแนวทางการออกแบบเหมือนรุ่นซีรีส์5รหัสตัวถังe12โดยมีตัวถัง2แบบคือ2ประตูคูเป้และ2ประตูคาบริโอเลต์โดยมีขนาดตัวถังดังนี้ตัวรถยาว 4,355 มิลลิเมตรกว้าง1610มิลลิเมตรสูง1380มิลลิเมตรความกว้างช่วงล้อหน้า1364มิลลิเมตรความกว้างช่วงล้อหลัง1377มิลลิเมตรโดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกดังนี
1รุ่น315เป็น้ครื่องเบนซินคารมบิวเรเตอร์4สูบ1600ซีซีรหัสM10ให้กำลังสูงสุด75แรงม้า
2รุ่น316เบนซิน4สูบ1800ซีซีรหัสM10เหมือนเดิมให้กำลังสูงสุด90แรงม้า
3รุ่น318เบนซิน4สูบ1800ซีซีเหมือนเดิมแต่อัพเกรดเป็น98แรงม้า
4รุ่น318iเบนซิน4สูบ1800ซีซีรหัสM10หัวฉีดkjetronicของboschให้กำลังสูงสุด105แรงม้าโดยเปิดตัวในปี1979เพื่อมาแทน318เดิม
5รุ่น320เบนซิน4สูบ2000ซีซีรหัสM10เหมือนเดิมคาร์บิวเรเตอร์ให้กำลังสูงสุด109แรงม้า
6รุ่น320iเบนซิน4สูบ2000ซีซีรหัสM10เหมือนเดิมหัวฉีดkjetronicให้กำลังสูงสุด125แรงม้ามาในปลายปี1975มีเฟืองท้ายลิมิเต็ดให้เลือกด้วย
7รุ่น320/6เบนซิน6สูบ2000ซีซีรหัสM20คารมบิวเรเตอร์มาแทนรุ่น320ในปี1979ให้กำลังสูงสุด122แรงม้า
8รุ่น320isในตลาดอเมริกาเหนือมีเบาะrecaroเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปพวงมาลัย3ก้าน
9รุ่น323iเบนซิน6สูบ2300ซีซีหัวฉีดkjettronicของboschให้กำลังสูงสุด143แรงม้าความเร็วสูงสุดไปได้190กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยเปิดตัวในงานfranfurt motorshow ปี1977
ระบบส่งกำลังมีเกียร์ธรรมดา4สปีด,5สปีดและอัตโนมัติ3สปีด
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเพอร์สันสตรัทด้านหลังเป็นเซมิเทรลลิงอาร์มระบบพวงมาลัยเป็นแบบแรคแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงในบางรุ่นระบบเบรคเป็นแบบดิสก์หน้าดรัมหลังยกเว้น320iและ323iเป็นดิสก์เบรค4ล้อมีผลิตขายจนถึงปี1983ขายถัง1360000คันทั่วโลก
สำหรับประเทศไทยนั้นนำเข้ามาขายโดยนตรกิจรุ่น2ประตูคูเป้ในราคา4แสนกว่าบาทในปี1975ขายจนถึงปี1983โดยรุ่นนี้ก็เข้าขั้นรถคลาษิกไปแล้วล่ะราคามือสองในปัจจุบันไม่กี่หมื่นบาท
Generation 2





โดยรุ่นนี้มีรหัสตัวถังคือe30 ออกแบบโดยClaus luthe โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี1982และรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกและไมเนอร์เชนจ์ปี1985 รวมทั้งเป็นรุ่นบุกเบิกที่ทำให้โด่งดังในประเทศไทยอีกด้วย โดยรุ่นนี้มีตัวถัง4ประตูซีดานและ5ประตูtouringแล้วรวมถึงเป็นรุ่นแรกที่มีเวอร์ชันตัวแรงแต่งสปอร์ตนั่นก็คือM3นั่นเองโดยM3มีเฉพาะคูเป้และcabrioletโดยมีขนาดตัวถังคือกว้าง1661mmในรุ่น4ประตูซีดานกับ5ประตูtouringและ1646mmสำหรับรุ่นคูเป้และconvertibleยาว4450mmในรุ่นซีดานกับคูเป้กับtouringและ4460mmในรุ่นconvertibleสูง1379mmในรุ่นซีดานกับwagon,1369mmในรุ่นconvertibleและ1400mmในรุ่นคูเป้รุ่นนี้มีอุปกรณ์อิเลคทรอนิกที่มากขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วโดยมีไฟเตือนservice,ไฟเตือนระบบเบรคABS
โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกดังนี้
1รุ่น316s เบนซิน1600ซีซีรหัสM10B16ให้กำลังสูงสุด75แรงม้า(เฉพาะกรีซและยูโกสลาเวีย)มีผลิตในปี1982-1987
2รุ่น316 เบนซิน1800ซีซีรหัสM10B18ให้กำลังสูงสุด90แรงม้ามีผลิตในปี1982-1987
3รุ่น316i เบนซินหัวฉีด1600ซีซีรหัสM40B16ให้กำลังสูงสุด99แรงม้ามีผลิตในปี1988ถึงปี1992
4รุ่น318iเบนซินหัวฉีด1800ซีซีรหัสM10B18 ให้กำลังสูงสุด105แรงม้า0-100km/hrใน11.2วินาทีความเร็วสูงสุด189km/hrมีผลิตในรุ่นปี1982-1987
5รุ่น318iเบนซินหัวฉีด1800ซีซีรหัสM40B18 ให้กำลังสูงสุด113แรงม้ามีในรุ่นปี1988-1992
6รุ่น318isเบนซินหัวฉีด1800ซีซีรหัสM42B18 ให้กำลังสูงสุด140แรงม้ามีผลิตในรุ่นปี1989-1991
7รุ่น320i เบนซินหัวฉีด6สูบเรียง2000ซีซีรหัสM20B20ให้กำลังสูงสุด125แรงม้าในรุ่นปี1982-1985
8รุ่น320iเบนซินหัวฉีด6สูบเรียง2000ซีซีร หัสM20B20ให้กำลังสูงสุด129แรงม้า                   ในรุ่นปี1986-1991
9รุ่น320is เบนซินหัวฉีด4สูบเรียง2000ซีซีรหัสS14B20ให้กำลังสูงสุด192แรงม้า(มีเฉพาะในอิตาลีและโปรตุเกสเท่านั้น)มีผลิตในปี1988-1990
10รุ่น323i เบนซินหัวฉีด6สูบเรียง2000ซีซีรหัสM20B23ให้กำลังสูงสุด150แรงม้ามีผลิตในปี1981-1986
11รุ่น325eเบนซิน6สูบเรียง2700ซีซีรหัสM20B27ให้กำลังสูงสุด122แรงม้ามีผลิตในปี1984-1987
12รุ่น325iเบนซินหัวฉีด6สูบเรียง2500ซีซีรหัสM20B25ให้กำลังสูงสุด170แรงม้ามีผลิตในปี1984-1991
13รุ่น325ixเบนซินหัวฉีด6สูบเรียงรหัสM20B25ให้กำลังสูงสุด170แรงม้าโดยเป็นรุ่นเดียวที่ขับเคลื่อน4ล้อมีผลิตในปี1986-1991
14รุ่น325isเบนซินหัวฉีด6สูบเรียงรหัสM20B27ให้กำลังสูงสุด197แรงม้าในรุ่นปี1989-1991และ210แรงม้าในปี1991-1992มีขายในแอฟริกาใต้เท่านั้น
15รุ่น333iเบนซินหัวฉีด6สูบเรียงรหัสM30ให้กำลังสูงสุด197แรงม้ามีขายในปี1984-1986ในแอฟริกาใต้เท่านั้น


16รุ่นM3เบนซินหัวฉีด4สูบเรียง2300ซีรหัสS14B23ให้กำลังสูงสุด200แรงม้า0-100km/hrใช้เวลา6.9วินาทีความเร็วสูงสุด235km/hrมีผลิตในปี1986-1988และ215แรงม้า0-100km/hrใช้เวลา6.7วินาทีความเร็วสูงสุด240km/hrในปี1989-1991ยังมีรุ่นตกแต่งพิเศษขึ้นคือM3 Evolutionในปี1987 ,M3 Evolution II ปี1988มี220แรงม้าและM3 Sport Evolution เปลี่ยนเครื่องใหม่เป็นเบนซินหัวฉีด4สูบเรียง2500ซีซีรหัสS14B25ให้กำลังสูงสุด238แรงม้า
17รุ่น324dดีเซล6สูบเรียง2400ซีซีรหัสM21D24ให้กำลังสูงสุด86แรงม้า
18รุ่น324tdดีเซลเทอร์โบ6สูบเรียง2400ซีซีรหัสM21D24ให้กำลังสูงสุด115แรงม้า
ระบบเกียร์
ธรรมดา4สปีด ของGetrag220ในรุ่น316และ318i
ธรรมดา5สปีดของGetrag240ใน316,316i,318iและ320i
ธรรมดา5สปีดของGetrag260ในรุ่น323iและ325i
ธรรมดา5สปีดของGetrag265ในรุ่นM3
อัตโนมัติ3สปีดใน316และ318iของZFรุ่น3HP22ส่วนรุ่นอื่นจะเป็น4สปีดของZFรุ่น4HP22
ระบบช่วงล่าง
ด้านหน้าเป็นแมคเพอร์สันสตรัทด้านหลังเป็นเซมิเทรลลิงอาร์ม
โดยขายจนถึงปี1991ยกเว้นรุ่นtouringที่ขายถึงปี1994 โดยยอดขายรวมทุกรุ่นได้ถึง2359520คัน สำหรับประเทศไทยมาในปี1984มี2ตัวถังคือ2ประตูคูเป้และ4ประตูซีดานโดยเป็นรุ่น316ในตอนแรกในราคาแค่4-5แสนบาทเท่านัน้และปรับโฉมในปี1987มี318iให้เลือกแล้วและขายจนถึงปี1992 รุ่นนี้ยังมีวิ่งอยู่บนท้องถนนเป็นจำนวนมากทั้งในสภาพเดิมๆหรือจะแต่งซิ่งก็ยังดูดีไม่แพ้กันแต่การหารถรุ่จี้ในสภาพดีนั้นในชั่วโมงนีนับว่าไม่ง่ายนักซึ่งรุ่นี้ก็ได้ขึ้นทำเนียบรถคลาสสิกไปแล้วเรียบร้อยโดยสนนราคามือสองในปัจจุบันหลักหมื่นปลายๆจนถึง2แสนบาทขึ้นไปบวกลบ แต่ที่แพงมากกว่านั้นก็มีแล้วแต่รุ่นปีสภาพ
ส่วนรุ่นถัดไปเดี๋ยวมาต่อนะครับ ที่ไม่พอ