จะทำไงถ้าจริตเราชอบเดินจงกลมมากกว่าสวดมนต์อะค่ะ อาณิสงค์ต่างกันไหม

เราไม่ค่อยชอบสวดมนต์ เวลาสวดก็จะต้องอ่านแปลไปด้วยระหว่างสวดไม่งั้นจะเบื่อ(คือต้องรู้ความหมายว่าสวดอะไรอยู่แปลว่าอะไรยังงี้) แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบสวดจิตไม่มีสมาธิฟุ๊งซ่านง่าย แต่ที่สวดเพราะคิดว่ามีอาณิสงค์ เวลาใจนิ่งๆก็จะสวดได้ยาวหน่อยแต่ก็มีฟุ๊งซ่านปนๆบ้าง ปรกติวันพระใหญ่เราจะสวดยอดพระกัณท์ ธรรมจักรและบทพระปริต บทที่คิดว่ามีอาณิสงค์มาก และมีหลายคนก็ชอบบอกให้เราสวดมนต์ทุกวันด้วยสวดแล้วดี เราก็เลยพยายามสวดตลอด

แต่ช่วงอาทิตย์นี้จิตใจหวั่นไหว วันพระใหญ่นี้ไม่มีสมาธิอารมณ์ไม่ดี มีเรื่องกังวล ยิ่งทำให้ไม่มีสมาธิสวดหงุดหงิดไปหมดค่ะ และพอนั่งสมาธิก็ฟุ๊งซ่านตลอดชั่วโมงทำให้ท้อแท้มาก เมื่อก่อนจะสมาธิดีแต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเลย

ก็เลยลองเปลี่ยนมาเดินจงกลม ปรกติชอบเดินมากแต่อยู่บ้านไม่ค่อยได้เดิน ส่วนมากจะแค่สวดมนต์เช้าเย็นและนั่งสมาธิก่อนและหลัง วันนี้อารมณืไม่ดีเลยลองเดินจงกลมรวบรวมจิตซะใหม่

ปรากฏว่า จิตใจที่ส่ายก็กลับดีขึ้น นิ่งขึ้น มีความสุขขึ้น เดินไปแค่5นาทีรู้สึกดีมากๆ ซึ่งแปลกใจเพราะบางทีนั่งสมาธิไปครึ่ง ชม หรือสวดมนต์เป็นชั่วโมงก็ฟุ๊งซ่านตลอดก็มี ทำให้ท้อ

ตอนนี้เลยรู้สึกว่าทุกครั้งที่ได้เดิน(แต่ปรกติไม่ค่อยจะยอมเดิน) สมาธิจะเกิดเร็วและง่ายกว่าการนั่งหรือสวดมนต์ (โดยเฉพาะเวลาฟุ๊งซ่านหรือหงุดหงิด) แบบนี้เราเลยอยากเลิกสวดมนต์แล้วเปลี่ยนมาเดินจงกลมก่อนนอนและนั่งสมาธิแทน

แต่การสวดมนต์อาณิสงค์จะมากกว่าไหมคะ แบบบางทีเราก็มีอธิษฐานจิต ชอบที่ได้ขอขมากรรมและแผ่เมตตา หรือสวดบทคาถาบางบทเพื่อช่วยเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหา แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผล

แต่เวลาสวดแบบฟุ๊งซ่านมันก็ไม่ต่างกะท่องๆนกแก้วนกขุนทองกลัวจะเสียเวลาเปล่า เอาเวลามาเดินจงกลมจะดีกว่าไหมคะ เพราะปรกติเป็นคนไม่ชอบเปล่งเสียงอยู่แล้วไม่ค่อยถูกกะจริต แค่ติดว่าอยากปฏิบัติให้ครบ มันจำเป็นไหมคะรึว่าเราควรเลือกแบบที่ถนัด

คือเมื่อก่อนมองว่าการสวดมนต์อาจมีเทวดาได้ยินมาคุ้มครอง ได้อาณิสงค์จากการสาธยายธรรมนอกเหนือไปจากการเจริญสติสมาธิ

แต่ตอนนี้ไ่ม่ได้สวดมาหลายวันแล้วอะค่ะ รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้แต่ก็ไม่แน่ใจว่า เดินจงกลมหรือนั่งสมาธิอาณิสงค์ก็"ม่ต่างกันอยู่ที่ใจและจริตของเรามากกว่าไหม คือเมื่อก่อนคิดว่าความไม่ชอบและความขี้เกียจสวดคือกิเลส เราต้องฆ่ากิเลสนี้ด้วยขันติและเอาชนะให้ได้เลยแบบ อะไรที่ไม่ชอบก็จะทำไป แต่บางทีก็สู้ไม่ไหวอยากทำอะไรที่ใจชอบมากกว่าน่ะค่ะ

ขอโทษทีถามวกวนยาวไป ตอนนี้ฟุ๊งๆ สรุปคือ การเดินจงกลมก็มีอาณิสงค์ไม่ต่างกะการสวดมนต์ใช่ไหมคะ

เอ่ม ขออนุญาติเอา คห 10 มาเพิ่มนะคะ ที่เราคิดว่าการสวดมนต์มีอาณิสงค์มากกว่าเพราะงี้ แต่กาสวดแบบไร้สติมันจะทำให้เสียเวลาหรือเปนผลดีกว่ากันแน่อะค่ะ

ก๊อปมาเพิ่ม ---->ทีนี้เรามักจะทำผิดด้วยวาจา เวลาพูดไรไม่ดีจะเีสียใจสำนึกรู้สึกผิดมาก เมื่อได้สวดมนต์เหมือนได้ล้างปาก ภาษาบาลีคำสรรเสริญพระพุทธเจ้าสำหรับเรามีค่ามหาศาล

นี้คือคำว่าอนิสงค์ในความรู้สึกเราค่ะ

แต่ถ้าใจไม่นิ่งจริงเราก็จะเบื่อแวบมาตลอด ซึ่งทำให้ไม่อยากเสียเวลาเพราะเรามีกิจกรรมทำเยอะ ปรกติการเคลื่อนไหวคือการฝึกจิตอยู่แล้ว แต่การนั่งสมาธิหรือสวดมนต์เมื่อทำแบบฟุ๊งซ่านเราเลยกลุ้ม เหมือนเอาเวลาอันมีค่าไปได้อาณิสงค์จากอย่างอื่นดีไหม แต่อีกใจก็อยากปฏิบัติให้ครบองค์

การเลือกวิธีที่ถนัดมันก็เหมือนหล่อเลี้ยงอณุสัย (ในความคิดเบื้องลึกอะนะ) แต่บางทีก็สู้ไม่ไหว คือมันคานกัน แบบพอเริ่มเบื่อเริ่มขี้เกียจเหมือนมารมาผจญ เริ่มไม่อยากจะสวดมากขึ้นรื่อยๆ ศรัธาที่เคยหล่อเลี้ยงก็หายไปเยอะ เลยแบบ

มันต้องสู้กว่านี้ไหมหรือยอมแพ้แล้วไปเดินแทนเพราะถนัดกว่าทำแล้วได้ผลดี แต่เคยได้ยินพระอาจารย์หลายๆองค์เล่า

เช่นกลัวผีก็เข้าป่าช้า สู้กับมัน ง่วงก็เดิน สู้กับง่วง เบื่อก็ทำ สู้กับความเบื่อ แล้วอาณิสงค์จะมาก มีครั้งนึงเราเคยไปฝึกสติแล้วเบื่อวิธิการไม่ถูกจริตพาลจะไม่ทำ เลยไม่ได้ผล พอวันนึงตั้งจิตจะเบื่อยังไงก็จะไม่ลุกเด็ดขาดจะลองทำ พอทำไป1ชั่วโมงความเบื่อเหมือนแยกออก นั่งมองแล้วขำ อ่อเบื่อเปนสมมุตนี่เองมันทำอะไรเราไม่ได้แล้วเมื่อจิตมีกำลัง ก็เอาชนะได้ด้วยความเพียรและกำลังต่อสู้อะค่ะ แต่ต้องตั้งจิต คือปรกติคนเราก็มักจะขี้เกียจ ถ้าไม่อยู่วัดเราไม่มีทางตั้งจิตได้แบบนั้นแน่ เหมือนเช่นอตนนี้อยู่บ้านเรามักจะย่อหย่อน
............................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่