เตือนวัยโจ๋เสพไอซ์ไม่ช่วยผอม ขาว สวย แต่ช่วยตายไวขึ้น!!


       สธ.เตือนวัยโจ๋เสพยาไอซ์ไม่ช่วยให้ผอม ขาว สวย แต่เสพมากมีผลทำเซลล์ประสาทถูกทำลาย เสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก หัวใจวายเฉียบพลันถึงตาย ชี้เป็นยาสร้างภาพสำหรับคนรวย ทั้งที่เป้นสารตัวเดียวกับยาบ้า แต่มีฤทธิ์เข้มข้นกว่า อึ้ง! มีผู้เข้ารับการบำบัดเพิ่มขึ้น

       จากกรณีนายสุรศักดิ์ อุดมศิลป์ พ่อของ "ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์" นักแสดงซีรีส์ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ออกมายอมรับว่าลูกสาวเสพยาไอซ์จริง เนื่องจากอยากผอม สวย เพราะกำลังจะได้เล่นซีรีส์ฮอร์โมนฯ แต่เป็นการเสพเพียงครั้งเดียวด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
       
       วันนี้ (26 ก.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวรณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ระยะนี้ไทยกำลังเผชิญปัญหาการหวนกลับมาแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งพยายามดึงดูดกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นวัยอยากรู้อยากลอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงให้เสพยาไอซ์ โดยสร้างความเชื่อ ปลูกฝังค่านิยมผิดๆ ว่า เป็นยาของคนมีเงินหรือกลุ่มไฮโซ เสพแล้วจะทำให้ผอม ผิวพรรณดี ไม่มีกลิ่นตัว ทั้งที่จริงแล้วเป็นสารตัวเดียวกับยาบ้าคือเมทแอมเฟตามีน ที่นิยมใช้กันในกลุ่มคนใช้แรงงาน ขับรถระยะเวลานาน เช่นรถสิบล้อ รถส่งของ แต่สร้างภาพเพื่อยกระดับให้มีราคาสูงขึ้น
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ส่วนความเชื่อที่ว่าเสพยาไอซ์จะทำให้ผอม ขาว สวยนั้น ข้อเท็จจริงคือเมื่อเสพแล้วจะทำให้ไม่เกิดความอยากอาหาร จึงทำให้ผอมลง แต่เมื่อเสพติตต่อกันในระยะยาวจะทำให้ร่างกายทรุดโทรม หลอดเลือดหดตัวลง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายจึงซีดขาว และเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกกลายเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ ที่สำคัญคือ เซลล์ประสาทสมองจะถูกทำลายทำให้ความคิดไม่ว่องไว ความจำไม่ดี หากเสพเกินขนาดจะเกิดพิษเฉียบพลัน ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะ เกิดปัญหาหัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตได้ง่าย บางรายอาจเกิดอาการประสาทหลอน เกิดอุบัติเหตุ
       
       "ที่น่าห่วงคือคนเสพยาไอซ์จะมีอาการเหมือนคนเสพยาบ้า เพราะสารเมทแอมเฟตามีนจะออกฤทธิ์กระตุ้นจิตประสาท เช่น กระฉับกระเฉง อารมณ์ดีผิดปกติ นอนไม่หลับ ไม่อยากกินอาหาร แต่อาการจะรุนแรงกว่า และเกิดอาการทางจิตประสาทได้เร็วกว่ายาบ้า เพราะมีสารเมทแอมเฟตามีนเข้มข้นสูงมากกว่า" รมว.สาธารณสุข กล่าว
       
       นพ.ประดิษฐ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลของสถาบันธัญญารักษ์พบว่า ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ผู้ที่เข้ารับการบำบัดสารเมทแอมเฟตามีน เป็นผู้เสพไอซ์อย่างเดียว เสพไอซ์ร่วมกับยาบ้าหรือสารเสพติดอื่นๆ เข้ารับการบำบัดเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20-30 จากเดิมที่เป็นผู้เสพยาบ้าอย่างเดียว ที่น่าห่วงไปกว่านั้นพบว่าผู้เข้ารับการบำบัดมีอาการทางจิตร่วมด้วย เช่น ประสาทหลอน หวาดระแวงเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยพบเพียงร้อยละ 20 เพิ่มเป็นประมาณร้อยละ 45 ในปี 2555 ทั้งนี้ การบำบัดรักษายาไอซ์ ยาบ้า หรือสารกระตุ้นประสาททั้งหลาย ยังไม่มียารักษาเฉพาะ จะใช้การรักษาตามอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการซึมเศร้า บางรายรุนแรงถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย จะใช้ยาต้านการซึมเศร้า สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟู เนื่องจากสารเมทแอมเฟตามีนจะเข้าไปทำลายเซลล์สมอง เซลล์ประสาท เป็นโรคที่เรียกว่าโรคสมองติดยา ต้องใช้เวลาในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูอย่างน้อย 3-4 เดือน และติดตามดูแลช่วยเหลือหลังผ่านการบำบัด 1 ปี เพื่อไม่ให้กลับไปเสพซ้ำอีก
       
       “ปัญหาที่พบคือผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนไม่น้อยออกจากการบำบัดกลางคัน ทำให้กลับไปเสพซ้ำ ขณะที่ผู้ผ่านการบำบัดครบระยะเวลาสามารถเลิกเสพยาถาวรถึงร้อยละ 90 ดังนั้นจึงอยากให้สังคม ครอบครัว เพื่อนฝูงเปิดกว้างรับผู้ที่เสพยา ผู้ติดยา ว่าเป็นผู้ป่วย ช่วยเหลือสนับสนุนในการเข้ารับรักษา รวมทั้งให้โอกาสในการกลับไปใช้ชีวิตในการเรียน การทำงานโดยไม่มีการรังเกียจกีดกัน เพื่อไม่ให้หวนกลับเข้าสู่วงจรเดิมซ้ำอีก” รมว.สาธารณสุข กล่าว
       
       
ข่าวจาก :  ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000092039
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่