ในสมัยพุทธกาล เรื่องพระพรรษาสูงๆสึกก็มีเยอะ

ในพระสุตันตะ ท่านก็ได้กล่าวไว้อยู่ครับเรื่องการสึกหาลาเพศ จะว่าไปมันก็ใจเขาใจเรานะครับ พระสมัยพุทธกาลทั้งที่ยังมีพระพุทธเจ้าดำรงค์ชีพอยู่ก็ยังสึก ถ้าพูดกันแนวเหลือเชื่อก็ว่าบุญบารมียังไม่เต็มยังต้องสร้างกันต่อไป ใครเคยไปบวชจะรู้ครับ การเป็นพระนั้นไม่ได้สบายนะครับ ถ้าเรารู้ว่าบวชแล้วต้องมีเป้าหมายของการบวช แต่ถ้าคนไหนบวชแล้วไม่มีเป้าหมายไม่อยากเป็นหล่ะพระขั้นนั้นนั้นนี้ บวชไปวันๆ ยังเป็นกามาวจร อยู่ ไม่ได้หวังในเรื่อง โยคาวจร เพราะฉนั้นพระพุทธเจ้าก็เป็นเพียงผู้ถางทางไว้ให้เราออกจากป่าครับ แต่ระหว่างทางที่เราเดินตามไปมันอาจจะมีสิ่งล่อตาล่อใจอยู่ข้างทางเยอะแยะ เช่นสมมุติเรากำลังเดินอยู่ตาเราก็อาจจะเห็นดอกไม้สวยๆ เห็นนกยูง เราก็อาจจะพักดูพักชม บางครั้งก็อาจจะแวะจนเลยออกนอกเส้นทางเข้าป่าลึกกลับมาหาทางที่พระพุทธเจ้าถากถางไว้ให้ไม่ได้ บางองค์ก็มีเป้าหมายของแต่ละองค์นะครับ เคยอ่านประวัติหลวงปู่ศรีทัต ท่านก็สึกแล้วบวชตั้งสามครั้ง สึกเพราะไปมีครอบครัว ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องรำก็เลยชอบ ก็มี เพราะฉนั้นการที่เราไปมองที่ตัวบุคคลคนอื่นมากไปว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แบบนี้ ไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ มันก็เป็นการลืมนึกถึงคำถามนั้นย้อนตัวเองนะครับ กรณีพระบางท่านที่สึกไปมีครอบมีครัว ผมว่าเราก็ควรมองถึงเรื่องของเป้าหมายของเขาด้วยนะ อย่าลืมว่าพระโสดาบัน ก็มีครอบครัวได้นะ ยังไงเราจะโพสอะไรจะว่าใคร กระทบใครก็ใจเย็นๆคิดให้มีเหตุมีผลกันนะครับ เพราะการโพสคือ มโนกรรม และวจีกรรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่