วิเคราะห์การตลาด Hormones วัยว้าวุ่น : ความแตกต่างที่มาถูกช่วงเวลา, คำถามที่วัยรุ่นอยากรู้, และการร่วมกันหาคำตอบ

วิเคราะห์การตลาด Hormones วัยว้าวุ่น : ความแตกต่างที่มาถูกช่วงเวลา, คำถามที่วัยรุ่นอยากรู้, และการร่วมกันหาคำตอบ (ตอนนี้ยาวมาก พอๆกับ พี่มาก vs คู่กรรม)

ทุกคนรู้จักคำว่า Generation หรือเปล่าครับ?

คำว่า Generation เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1975 เพื่อให้นิยามของกลุ่มคนที่เกิดและใช้ชีวิตในแต่ละช่วงเวลา เพื่อทำให้ง่ายในการวิเคราะห์คนแต่ละกลุ่ม

เราสามารถแบ่ง Generation ได้กว้างๆเป็น Baby Boomer, Gen X, Gen Y ซึ่งจะขอข้ามว่า คนเกิดช่วง ค.ศ. ไหนเป็น Gen อะไรเพราะแต่ละสำนักก็ไม่เหมือนกัน แต่จะขออธิบายคร่าวๆละกัน

Baby Boomer คือกลุ่มคนที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2, Gen X คือกลุ่มคนยุค พ่อแม่ ของผม (ผมอายุ 22), และ Gen Y คือกลุ่มพวกรุ่นตั้งแต่ First Jobber ยุคปัจจุบัน จนถึงเด็กมัธยม, และเด็กเล็กๆ ก็น่าจะเรียกว่า Gen Z ได้แล้ว (ย้ำว่าแบ่งคร่าวๆนะครับ)

ที่นี้เรื่อง Hormones จะ Focus ไปที่ประเด็นของกลุ่มคน Gen Y เป็นหลัก

Gen Y เป็นกลุ่มคนที่เรียกได้ว่า ขี้สงสัย และทุกอย่างต้องมีเหตุผลมารองรับ

ทำไมต้องใส่ยูนิฟอร์ม? ทำไมไว้ผมไม่ได้? ทำไมถึงห้ามคบแฟน? ทำไมแม่ไม่บอกหนู? ทำไม ทำไม ทำไม

แต่ด้วยบริบทของ Gen X ไทยส่วนใหญ่ ที่ต้องผ่านอะไรยากลำบากมา, พวกเค้าไม่มีเวลามาตั้งคำถาม เพราะต้องทำให้เต็มที่เพื่อการดำรงชีวิต พอต้องมาสอนเด็ก เค้าก็จะนำสิ่งที่เค้าเห็นว่าดีมามอบให้กับ Gen Y เลย เพราะเค้าย่อมอยากจะมอบสิ่งดีๆให้กับลูกหลานอยู่แล้ว

มันคือช่องว่างระหว่างวัย (Generation Gap) เพราะคน 2 Generation เกิดมาด้วยสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ทำให้พวกเค้ากลายเป็นคนละแบบกัน (ตามหลัก Environment Shape Behavior)

เมื่อเด็กอยากรู้คำตอบ แต่ผู้ใหญ่ไม่ให้ซักที เด็กก็ได้แต่ถามซ้ำ เพราะ Gen Y ต้องการเหตุผล

และเราคงเห็นสิ่งนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ว่าเด็กต้องการคำตอบขนาดไหน, Technology และ Social Network ช่วยเปิดความคิด และเด็กสามารถหาคำตอบได้มากกว่าเดิม, Fan Page ที่แสวงหาคำตอบต่างผุดขึ้นมากมาย

แต่สุดท้าย สังคมที่เด็กอยู่ ก็ยังคงใช้ระบบเดิมกับเด็กเหล่านั้น

แม้แต่ละครหรือหนังวัยรุ่นที่เจาะ Gen Y ก็ยังคงใส่ Mindset ของ Gen X ลงไป

ทำให้ Gen Y ได้แต่อัดอั้นคำถามไว้ในใจ กลายเป็น Insight

ตรงนี้แหละที่ GTH กล้าและฉลาดมากที่วาง Horemone ไว้ตรง Positioning นี้

ทั้งตลาดหนังวัยรุ่นมีแต่หนังโลกสวย แต่ GTH ลุกขึ้นมาวาง Positioning ว่า Hormones คือความจริง, ความจริงที่เด็ก Gen Y ต่างค้นหา

เมื่อ Product นั้น Differentiate และ โดน Insight ของลูกค้า, ทุกคนย่อมต้องแสวงหามัน

Price ก็ Free เพราะแทบไม่ต้องเสียอะไรเลย

Place ก็ใช้ช่องทาง Online ในยุคที่ Internet มีประสิทธิภาพ และ Tablet ทำให้เราดูได้ทุกที่

Promotion ทาง GTH จะชอบใช้ทาง Social Network อยู่แล้ว เพราะเป็น Media ที่วัยรุ่นใช้กันเยอะ

และที่สำคัญคือ Word-of-Mouth

Word-of-Mouth จะสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบดังนี้

Product ที่โดนใจ, การส่งต่อที่ไม่มี Cost, Influencer

2 ส่วนแรก น่าจะรู้แล้วว่าเป็นยังไง แต่ Influencer นี่ซิครับ ที่ตลก

GTH มี Social Media ที่แข็งแรงอยู่แล้ว, พวก Fanpage ที่คนตามเยอะอย่าง Dora Gag, 9gag in Thai ต่างก็มีแต่คนเล่นมุกตามกระแส Hormones

แต่ดันมี Fanpage Hormones ปลอมที่ผุดขึ้นมา แถมคนยัง Like มากกว่า Official Fanpage เสียอีก แถมยังขยันอัพ Content ที่เกี่ยวกับ Hormones บ่อยๆด้วยเสียอีก ซึ่งเป็น Hormone Influencer ที่ทรงพลังมาก

Word-of-Mouth ก็มีทั้งการบอกต่อ Product และการพยายาม Update เรื่อง Hormone แบบ Real Time บน Social Network โดยคนดูทุกคน, อาจจะเพราะอินกับหนังและอยากบอกทุกคนว่าชั้นดูอยู่นะ

และตัว Hormones ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทรงพลังมากอยู่ในตัวมันเองคือ ความเกี่ยวพัน (Association)

Hormone นั้นดำเนินเรื่องอยู่ในช่วงสมัยของ Gen Y, ทั้งที่กำลังเรียนมัธยมอยู่, หรือเรียนมหาลัยหรือทำงานแล้ว ล้วนต้องเคยผ่านช่วงเวลาดังใน Hormones

มันเกิดความความเกี่ยวพันว่า "เฮ้ยนี่มันชีวิตกุเลย" หรือ "ชั้นก็เคยเจอแบบนั้น"

บ้างเกิดเป็น ความเกี่ยวพันในปัจจุบัน (Current Association) หรือความรู้สึกหวนคิดถึง (Nostalgia)

อีกทั้งตัวละครหลักใน Hormones ล้วนเป็น Characters ที่มี Brand Personality เด่นชัดเจน, และพอเห็นแล้วต้องนึกออกว่า เออ ตอนมัธยมมันมีคนแบบนี้อยู่

วินที่เป็นเด็กทำเจ๋ง, ไผ่ที่เป็นนักเลงหัวไม้, หมอกที่ดูเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง, ต้าร์ที่เป็นเด็กชอบดนตรี, ขวัญหัวหน้าห้องที่ดู Perfect, ดาวที่เป็นเด็กใสๆ, และอื่นๆ

พอตัวละครเด่น เราก็จะเริ่มเอาตัวเราไป Associate กับตัวละครนั้นๆ, วินยิ้มเหมือนกูตอนม.ปลายเลย, เฮ้ย เต้ยนี่มันชั้นชัดๆ, ขวัญนี่ Idol หนูเลย, เป็น Self Expression หรือ Ideal Self Expression

พอเราเอาตัวเองเข้าไป Associate กับตัวละคร เราจะรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวละครนั้น, เราจะอยากรู้ว่าวินจะเป็นไงต่อ, ไผ่จะกลับตัวได้มั้ย, สไปรท์จะเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า

กลายเป็นตัวเรา ร่วมค้นหาคำตอบที่ Gen Y ต่างอัดอั้นและสงสัย ไปกับตัวละครนั้นๆ

นั่นแหละคือสิ่งที่ GTH ต้องการ

ถ้า Insight คือ Gen Y ต่างมีคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจ แต่ผู้ใหญ่ และสื่อหลักไม่ให้คำตอบเสียที

ถ้างั้น GTH ขอมอบ Hormones, Series ที่แตกต่างจาก หนังอื่นๆ ออกมา

GTH จึงบอกว่า ถ้าคุณคิดว่า Hormones จะเป็นหนังวัยรุ่นโลกสวยแบบหนังอื่นๆ คุณคิดผิดแล้ว ตั้งแต่ Ads แรกๆ

GTH จึงให้ Hormones ร่วมพา Gen Y ทุกคนร่วมหาคำตอบไปด้วยกันกับเหล่าบรรดาวัยรุ่นในเรื่อง เพื่อตอบคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจ

แต่คำตอบที่ Hormones มอบให้ จะถูกใจหรือตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้

เพราะวัยรุ่น เป็นวัยที่ว้าวุ่นนี่ครับ

‪#‎แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีก‬
‪#‎บางคนดูเพราะหน้าตา‬
‪#‎บางคนดูเพราะผูกพันกับ‬ GTH
‪#‎แต่ขอละไว้‬ เพราะยาวแล้ว
‪#‎ว่าง‬
‪#‎มีใครสนใจนักการตลาดจบใหม่ไฟแรงเปล่า‬
‪#‎มาจ้างผมที‬
‪#‎ลงทุนดูรวดเดียว‬ 9 ตอน
‪#‎ดูแล้วโดน‬
‪#‎ใครอยากกินสไปรท์ไม่รู้‬ ผมติ่งเต้ย
‪#‎สงสารเต้ย‬
‪#‎แต่ก็ชอบขวัญ‬
‪#‎เหมือนเดิม‬ ใครเห็นยังไงมาพูดคุยกันได้ครับ

ปล.ผมชอบนะ และคิดว่าน่าจะมีแนวนี้ออกมาบ่อยๆ โยนมาให้สังคมถามและพูดคุย ดีกว่าการเอาคำตอบสำเร็จรูปมาให้เลย

Credit : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151706754954367&set=a.371729509366.153482.684549366&type=1&theater

Page ของผม : https://www.facebook.com/pantitmarketing?ref=hl
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่