ผมพึ่งไปญี่ปุ่นมา เป็นการไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก พาสปอรตขาวสะอาดมาก และเพึ่งถูกปฎิเสธวีซ่าจากสถานทูตญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนมาด้วย ผลปฎิเสธวีซ่ายังไม่ถึงเดือนเลย แต่ไปญี่ปุ่นและกลับมาแล้ว ผมไปขอวีซ่าวันที่ 10 มิถุนายน วันที่ 12 ประกาศยกเลิกซะงั้น
ผมพูดภาษาอังกฤษได้นะครับ พูดญี่ปุ่นได้ไม่เยอะ อายุกลางๆ ไปคนเดียว จุดประสงค์ ไปเที่ยวและอื่นๆ เล็กน้อย รวม 6 วัน
การเข้า ตม ญี่ปุ่นก็ไม่ยากครับ พอลงเครื่อง ต่อแถวตรวจคนเข้าเมือง ยื่นพาสปอรตปุ๊บ เราก็กลายเป็นบุคคลพิเศษทันที ถูกเจ้าหน้าที่เชิญเข้าไปนั่งรอในห้องรับรองด่านแรกก่อน
รอสัก 20 นาที เจ้าหน้าที่ก็มาถามว่า ( ภาษาอังกฤษทุกอย่างเลยนะครับ ) มาทำอะไรที่ญี่ปุ่น ผมก็ให้ดูเอกสารการท่องเที่ยว การจองที่พัก พิมพ์ออกจากเวปมา 40-60 แผ่น เจ้าหน้าที่คงอึ้ง คงคิดในใจว่าไอ้หมอนี่คงมาเที่ยวจริง เดินกลับไปที่เคาเตอร์
นั่งรออีก 20 นาที เจ้าหน้าที่ก็มาถามว่า คืนไหน พักที่ไหนบ้าง ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง กลับวันไหน ผมก็ให้ดูเอกสารตารางการเที่ยว สถานที่พัก ตั๋วขากลับ เจ้าหน้าที่เดินกลับไปที่เคาเตอร์
นั่งรออีก 20 นาทีได้ เจ้าหน้าที่ก็เดินมาพร้อมพาสปอรต บอกว่า เที่ยวให้สนุกนะคะ
ผ่าน ตม ได้แบบง่ายๆ ครับ ถ้ามาเที่ยวจริง คงไม่ต้องกลัวอะไร ทำตัวตามปกติ สงสัยอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็ถาม ตม ไปเลย เจ้าหน้าที่จะตอบว่า ต้องไปถาม tourist information เองนะคะ
ลงมาเอากะเป๋า แน่นอนว่าหากะเป่าไม่เจอแน่นอน เพราะเราเป็นพวกพิเศษ คนที่มาเที่ยวบินเดียวกัน เขาไปกันถึงไหนหมดแล้ว เราติดอยู่ที่ ตม ชั่วโมงกว่า ต้องถามเจ้าหน้าที่ให้ช่วยหากระเป๋าให้ที ว่านำไปเก็บรักษาชั่วคราวที่ไหน
พอด่านตรวจตรวจกะเป๋า รื้อออกมาดูทุกอย่าง รวมถึงนำกะเป๋าปล่าวๆ ไปเอกเรย์ด้วย พอเสร็จ เราก็กลายเป็นบุุคคลธรรมดาสักที
ถ้าไปเที่ยวจริง ก็ไม่ยากครับ แต่นานหน่อย
หมายเหตุ เอกสารการเที่ยวของผมเยอะ จนเวอร์ จนแบบผมพึ่งเคยไปญี่ปุ่นครั้งแรก ไปคนเดียวด้วย แต่นั่งเคเซไลน์จากนารีตะ ต่อ เจอาร์ไปเดินเล่นอากิฮาบาราหรือชิบูยาหรืออื่นๆ ได้เองคนเดียวเลย มีทั้งแผนที่ รูป วิธีการเดินทาง ค่าตั๋ว มีทุกอย่าง ตม คงเชื่อว่ามาเที่ยวจริงแน่นอน
แต่ในเที่ยวบินเดียวกันมีคนไทยถูกกักไว้หลายคนเช่นกัน บางคนโดนถามเลยว่า มาทำงานใช่ไหม มาทำงานที่ไหน คิดว่าถ้าโดนถามแบบนี้คงต้องโดนเข้าห้องเย็นและเรื่องยาวแน่ ตอนผมไปเอากะเป๋า ยังเหลือกะเป๋าอีกหลายใบเช่นกัน
ใครพูดญี่ปุ่นได้ คิดว่าไม่ควรพูดภาษาญี่ปุ่นหรือแสดงออกว่ารู้ภาษาญี่ปุ่นที่ ตม นะครับ เดี่ยวเจ้าหน้าที่จะสงสัย พูดอังกฤษอย่างเดียวดีแล้ว
สำหรับผม เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูเงินเยน ผมทำงานส่วนตัว ไม่มีเอกสารรับรองใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูเช่นกัน
โรงแรมคืนแรก จองแบบยังไม่จ่ายตัง คืนอื่นๆ ยังไม่ได้จอง แต่มีรายชื่อโรงแรมที่คิดว่าพัก
ถ้าไปครั้งแรก ไม่ควรไปเต็ม 15 วัน ตม อาจคิดว่ามันนานไป จนอาจจะไปสมัครงาน หางานทำ สัมภาษณ์ ทดลองงาน รอเรียกทำงานได้
ผมไป 16 กค กลับ 21 กค ครับ
ขออนุญาติแก้ไขการสอบถามของ ตม ญี่ปุ่นหน่อยนะครับ หลายๆ ท่านอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไป
ห้องด่านแรกที่ผมถูกเชิญเข้าไปนั่งรอ ห้องนี้โอเคครับ ไม่ต้องซีเรียส ใครไปยื่นที่ ตม ญี่ปุ่น ห้องจะอยู่ทางซ้ายมือ ห้องใหญ่ มีเจ้าหน้าที่ 3 เคาเตอร์ มีเก้าอี้ให้คนนั่งรอได้ 20-30 คน คล้ายๆ นั่งรอรับยาหรือจ่ายตังตามโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่จะเดินมาหาเราเพื่อถามข้อมูลจากเราเอง นั่งรออย่างเดียว ถามสั้นๆ นาทีเดียวแต่นั่งรอนาน ตอนที่ผมนั่งรอก็คิดในใจ มันจะเอาตูไปทำอะไรบ้างวะ แต่ถ้าเสร็จแค่ห้องนี้เหมือนผม ก็ถือว่าไม่ยากครับ ด่านแรกด่านนี้ถือว่าชิวๆๆ ครับ ใครที่ไปเที่ยวจริงๆ มีเอกสารอ้างอิงครบๆ นั่งรอโดยสบายใจได้เลย
แต่เห็นคนไทยคนอื่นที่เจ้าหน้าที่ถามว่า มาทำงานที่ไหน คุยไปคุยมา รู้สึกจะถูกเชิญให้ไปคุยที่อื่นต่อ อันนี้คงเรื่องยาวแน่นอน
แชร์การผ่าน ตม ญี่ปุ่นแบบไม่มีวีซ่า แบบไปต่างประเทศครั้งแรกเลยและเพึ่งถูกปฎิเสธวีซ่าจากสถานทูตญี่ปุ่นมาด้วย
ผมพูดภาษาอังกฤษได้นะครับ พูดญี่ปุ่นได้ไม่เยอะ อายุกลางๆ ไปคนเดียว จุดประสงค์ ไปเที่ยวและอื่นๆ เล็กน้อย รวม 6 วัน
การเข้า ตม ญี่ปุ่นก็ไม่ยากครับ พอลงเครื่อง ต่อแถวตรวจคนเข้าเมือง ยื่นพาสปอรตปุ๊บ เราก็กลายเป็นบุคคลพิเศษทันที ถูกเจ้าหน้าที่เชิญเข้าไปนั่งรอในห้องรับรองด่านแรกก่อน
รอสัก 20 นาที เจ้าหน้าที่ก็มาถามว่า ( ภาษาอังกฤษทุกอย่างเลยนะครับ ) มาทำอะไรที่ญี่ปุ่น ผมก็ให้ดูเอกสารการท่องเที่ยว การจองที่พัก พิมพ์ออกจากเวปมา 40-60 แผ่น เจ้าหน้าที่คงอึ้ง คงคิดในใจว่าไอ้หมอนี่คงมาเที่ยวจริง เดินกลับไปที่เคาเตอร์
นั่งรออีก 20 นาที เจ้าหน้าที่ก็มาถามว่า คืนไหน พักที่ไหนบ้าง ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง กลับวันไหน ผมก็ให้ดูเอกสารตารางการเที่ยว สถานที่พัก ตั๋วขากลับ เจ้าหน้าที่เดินกลับไปที่เคาเตอร์
นั่งรออีก 20 นาทีได้ เจ้าหน้าที่ก็เดินมาพร้อมพาสปอรต บอกว่า เที่ยวให้สนุกนะคะ
ผ่าน ตม ได้แบบง่ายๆ ครับ ถ้ามาเที่ยวจริง คงไม่ต้องกลัวอะไร ทำตัวตามปกติ สงสัยอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็ถาม ตม ไปเลย เจ้าหน้าที่จะตอบว่า ต้องไปถาม tourist information เองนะคะ
ลงมาเอากะเป๋า แน่นอนว่าหากะเป่าไม่เจอแน่นอน เพราะเราเป็นพวกพิเศษ คนที่มาเที่ยวบินเดียวกัน เขาไปกันถึงไหนหมดแล้ว เราติดอยู่ที่ ตม ชั่วโมงกว่า ต้องถามเจ้าหน้าที่ให้ช่วยหากระเป๋าให้ที ว่านำไปเก็บรักษาชั่วคราวที่ไหน
พอด่านตรวจตรวจกะเป๋า รื้อออกมาดูทุกอย่าง รวมถึงนำกะเป๋าปล่าวๆ ไปเอกเรย์ด้วย พอเสร็จ เราก็กลายเป็นบุุคคลธรรมดาสักที
ถ้าไปเที่ยวจริง ก็ไม่ยากครับ แต่นานหน่อย
หมายเหตุ เอกสารการเที่ยวของผมเยอะ จนเวอร์ จนแบบผมพึ่งเคยไปญี่ปุ่นครั้งแรก ไปคนเดียวด้วย แต่นั่งเคเซไลน์จากนารีตะ ต่อ เจอาร์ไปเดินเล่นอากิฮาบาราหรือชิบูยาหรืออื่นๆ ได้เองคนเดียวเลย มีทั้งแผนที่ รูป วิธีการเดินทาง ค่าตั๋ว มีทุกอย่าง ตม คงเชื่อว่ามาเที่ยวจริงแน่นอน
แต่ในเที่ยวบินเดียวกันมีคนไทยถูกกักไว้หลายคนเช่นกัน บางคนโดนถามเลยว่า มาทำงานใช่ไหม มาทำงานที่ไหน คิดว่าถ้าโดนถามแบบนี้คงต้องโดนเข้าห้องเย็นและเรื่องยาวแน่ ตอนผมไปเอากะเป๋า ยังเหลือกะเป๋าอีกหลายใบเช่นกัน
ใครพูดญี่ปุ่นได้ คิดว่าไม่ควรพูดภาษาญี่ปุ่นหรือแสดงออกว่ารู้ภาษาญี่ปุ่นที่ ตม นะครับ เดี่ยวเจ้าหน้าที่จะสงสัย พูดอังกฤษอย่างเดียวดีแล้ว
สำหรับผม เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูเงินเยน ผมทำงานส่วนตัว ไม่มีเอกสารรับรองใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ไม่ขอดูเช่นกัน
โรงแรมคืนแรก จองแบบยังไม่จ่ายตัง คืนอื่นๆ ยังไม่ได้จอง แต่มีรายชื่อโรงแรมที่คิดว่าพัก
ถ้าไปครั้งแรก ไม่ควรไปเต็ม 15 วัน ตม อาจคิดว่ามันนานไป จนอาจจะไปสมัครงาน หางานทำ สัมภาษณ์ ทดลองงาน รอเรียกทำงานได้
ผมไป 16 กค กลับ 21 กค ครับ
ขออนุญาติแก้ไขการสอบถามของ ตม ญี่ปุ่นหน่อยนะครับ หลายๆ ท่านอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไป
ห้องด่านแรกที่ผมถูกเชิญเข้าไปนั่งรอ ห้องนี้โอเคครับ ไม่ต้องซีเรียส ใครไปยื่นที่ ตม ญี่ปุ่น ห้องจะอยู่ทางซ้ายมือ ห้องใหญ่ มีเจ้าหน้าที่ 3 เคาเตอร์ มีเก้าอี้ให้คนนั่งรอได้ 20-30 คน คล้ายๆ นั่งรอรับยาหรือจ่ายตังตามโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่จะเดินมาหาเราเพื่อถามข้อมูลจากเราเอง นั่งรออย่างเดียว ถามสั้นๆ นาทีเดียวแต่นั่งรอนาน ตอนที่ผมนั่งรอก็คิดในใจ มันจะเอาตูไปทำอะไรบ้างวะ แต่ถ้าเสร็จแค่ห้องนี้เหมือนผม ก็ถือว่าไม่ยากครับ ด่านแรกด่านนี้ถือว่าชิวๆๆ ครับ ใครที่ไปเที่ยวจริงๆ มีเอกสารอ้างอิงครบๆ นั่งรอโดยสบายใจได้เลย
แต่เห็นคนไทยคนอื่นที่เจ้าหน้าที่ถามว่า มาทำงานที่ไหน คุยไปคุยมา รู้สึกจะถูกเชิญให้ไปคุยที่อื่นต่อ อันนี้คงเรื่องยาวแน่นอน