สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
หลังจากซึบาสะไปบราซิล มิซากิก็กลับมาเมืองนันคัตสึอีกครั้ง และร่วมทีมกับ นิตตะ อิซาวะ อิชิซากิ ทาคิ คิสึกิ โมริซากิ คิชิดะ อุราเบะ
ร่วมทีมสู้ศึกมัธยมปลายอีกครั้ง และได้แชมป์ประเทศมาครอง ซึ่งตอนนั้นเนื้อเรื่องกล่าวว่า เฮียวงะ โคยิโร่ เอชตัวเก่งของโตโฮ บาดเจ็บไม่ได้ลง (น่าจะเป็นรายการชิงแชมป์ภาคฤดูร้อนเพราะยูนิฟอร์มแขนสั้น)
หลังจากนั้น พอจบ ม.ปลาย ต่างมีทีมจาก เจลีกสนใจในตัวมิซากิ แต่ เขาและ เฮียวงะ รวมถึงเพื่อนคนอื่นๆ ปฏิญาณไว้ว่าจะทุ่มเทให้กับทีมชาติชุดเยาวชน 19 ปี เลยไม่เข้าสังกัดสโมสรใดๆเลย
ต่อมากาโม มาเป็นผู้จัดการทีมญี่ปุ่น แทน มิคามิ(โค้ชของวากาบายาชิสมัยเด็กๆ) กาโมได้ไล่ ตัวหลักของญี่ปุ่น 7 คน ให้ออกไปหาประสบการณ์ ไปฝึกซ้อม ไปค้นหาตัวเอง โดยไม่ให้ซ้อมกับทีม รวมถึงมิซากิด้วย มิซากิเลือกที่จะเดินทางไปศึกษาฟุตบอลจากทั่วโลก
ซึ่งข้อมูลของทีมไทยที่เจอกับญี่ปุ่น มิซากิก็เป็นคนส่งมาให้ และในการนี้เอง ที่ประเทศคาเมอรูน มิซากิ คิดท่าไม้ตายใหม่ขึ้นมาได้ โดยใช้ชื่อว่า "บูมเมอแรง ชู๊ต" ซึ่งได้ใช้ในการแข่งขันกับซาอุดิอารเบีย ซึ่ง ญี่ปุ่นชนะ 4-1
ในระหว่างที่ทีมชาติญี่ปุ่น U 19 เข้ารอบไปเตะบอลเยาวชนโลกรอบสุดท้าย ซึ่งเดิมจัดที่ประเทศบุรุนก้า ประเทศสมมติ แต่เกิดสงครามกลางเมือง ทำให้ญี่ปุ่นภายใต้การนำทีมของคาตางิริ(คนผมยาว ตาเสีย 1 ข้างชอบใส่แว่น) ไปขอร้องให้พ่อตัวเอง ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นเป็นสปอร์นเซอร์จัดการแข่งขันให้ ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพแทน และสำเร็จ
มิซากิได้เดินทางกลับไปพบแม่ โดยมีน้องสาวต่าวบิดา มาหา แต่หลังกานั้น เกิดอุบัติเหตุ มิซากิโดนรถชนเพราะไปช่วยน้องสาว ทำให้หนทางในการเล่นเยาวชนโลกรอบสุดท้ายมืดมน ต้องเข้ารักษา กายภาพบำบัดขา ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การกีฬาอะไรสักอย่าง
แต่จนแล้วจนรอด มิซากิก็ลงสนาม ทันในนัดชิงชนะเลิศที่พบกับบราซิล และใช้ลูกเตะทวินชู๊ต กับซึบาสะ ทำให้ญี่ปุ่นนำ บราซิล 2-1 สุดท้าย สกอร์ 3-2
หลังจากนั้น มิซากิก็พักยาว และปฏิเสธ PSG ไป เพราะต้องการเล่นในญี่ปุ่น มิซากิรักษาขาซ้ายจนหายขาดและแข็งแกร่งกว่าเดิม
และได้เซ็นสัญญากับ จูบิโล่ อิวาตะ อยู่ทีมเดียวกับ อิชิซากิ และ อุราเบะ เพื่อนสมัยเด็ก โดยในนัดแรกที่ลงสนาม สามารถเอาชนะ อุราวะเร้ด 2-1
ซึ่งเนื้อเรื่องในตอนนี้ ส่วนใหญ่กล่าวถึง ซึบาสะที่สเปน เฮียวงะที่อิตาลี มากกว่า
แต่ก็มีภาคพิเศษ คือ ซึบาสะ ในนามทีมบาร์ซ่า เดินทางมาเตะกระชับมิตรกับ จูบิโล่ เป็นการปะทะกันของสองเพื่อนซี้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงผลการแช่งขัน
แต่ภาคต่อมาเป็นภาคคัดโอลิมปิค มิซากิเด่นมากในภาคนี้ เพราะต้องรับหน้าที่แทนซึบาสะ เพราะผู้จัดการทีม คิระ บอกว่าจะไม่ใช้บริการนักเตะจากต่างแดนในรอบคัดเลือกปรีโอลิมปิคนี้ ซึ่งนัดชิงดำ นัดสุดท้าย ญี่ปุ่นต้องเอาชนะ ออสเตเลีย ให้ได้ผลต่าง 3 ประตูในบ้านตัวเอง เพราะนัดแรกไปแพ้ มา3-1 และสุดท้าย ญี่ปุ่นภายใต้การนำของมิซากิ ก็เอาชนะ ออสเตรเลียได้
ผมอ่านถึงแค่นี้ เพราะที่เหลือกล่าวถึง ลีกสเปน เป็นส่วนใหญ่ ส่วนภาคใหม่ ยังไม่ได้อ่านแปลไทย อ่านแค่ต้นฉบับจากญี่ปุ่น
ร่วมทีมสู้ศึกมัธยมปลายอีกครั้ง และได้แชมป์ประเทศมาครอง ซึ่งตอนนั้นเนื้อเรื่องกล่าวว่า เฮียวงะ โคยิโร่ เอชตัวเก่งของโตโฮ บาดเจ็บไม่ได้ลง (น่าจะเป็นรายการชิงแชมป์ภาคฤดูร้อนเพราะยูนิฟอร์มแขนสั้น)
หลังจากนั้น พอจบ ม.ปลาย ต่างมีทีมจาก เจลีกสนใจในตัวมิซากิ แต่ เขาและ เฮียวงะ รวมถึงเพื่อนคนอื่นๆ ปฏิญาณไว้ว่าจะทุ่มเทให้กับทีมชาติชุดเยาวชน 19 ปี เลยไม่เข้าสังกัดสโมสรใดๆเลย
ต่อมากาโม มาเป็นผู้จัดการทีมญี่ปุ่น แทน มิคามิ(โค้ชของวากาบายาชิสมัยเด็กๆ) กาโมได้ไล่ ตัวหลักของญี่ปุ่น 7 คน ให้ออกไปหาประสบการณ์ ไปฝึกซ้อม ไปค้นหาตัวเอง โดยไม่ให้ซ้อมกับทีม รวมถึงมิซากิด้วย มิซากิเลือกที่จะเดินทางไปศึกษาฟุตบอลจากทั่วโลก
ซึ่งข้อมูลของทีมไทยที่เจอกับญี่ปุ่น มิซากิก็เป็นคนส่งมาให้ และในการนี้เอง ที่ประเทศคาเมอรูน มิซากิ คิดท่าไม้ตายใหม่ขึ้นมาได้ โดยใช้ชื่อว่า "บูมเมอแรง ชู๊ต" ซึ่งได้ใช้ในการแข่งขันกับซาอุดิอารเบีย ซึ่ง ญี่ปุ่นชนะ 4-1
ในระหว่างที่ทีมชาติญี่ปุ่น U 19 เข้ารอบไปเตะบอลเยาวชนโลกรอบสุดท้าย ซึ่งเดิมจัดที่ประเทศบุรุนก้า ประเทศสมมติ แต่เกิดสงครามกลางเมือง ทำให้ญี่ปุ่นภายใต้การนำทีมของคาตางิริ(คนผมยาว ตาเสีย 1 ข้างชอบใส่แว่น) ไปขอร้องให้พ่อตัวเอง ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นเป็นสปอร์นเซอร์จัดการแข่งขันให้ ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพแทน และสำเร็จ
มิซากิได้เดินทางกลับไปพบแม่ โดยมีน้องสาวต่าวบิดา มาหา แต่หลังกานั้น เกิดอุบัติเหตุ มิซากิโดนรถชนเพราะไปช่วยน้องสาว ทำให้หนทางในการเล่นเยาวชนโลกรอบสุดท้ายมืดมน ต้องเข้ารักษา กายภาพบำบัดขา ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การกีฬาอะไรสักอย่าง
แต่จนแล้วจนรอด มิซากิก็ลงสนาม ทันในนัดชิงชนะเลิศที่พบกับบราซิล และใช้ลูกเตะทวินชู๊ต กับซึบาสะ ทำให้ญี่ปุ่นนำ บราซิล 2-1 สุดท้าย สกอร์ 3-2
หลังจากนั้น มิซากิก็พักยาว และปฏิเสธ PSG ไป เพราะต้องการเล่นในญี่ปุ่น มิซากิรักษาขาซ้ายจนหายขาดและแข็งแกร่งกว่าเดิม
และได้เซ็นสัญญากับ จูบิโล่ อิวาตะ อยู่ทีมเดียวกับ อิชิซากิ และ อุราเบะ เพื่อนสมัยเด็ก โดยในนัดแรกที่ลงสนาม สามารถเอาชนะ อุราวะเร้ด 2-1
ซึ่งเนื้อเรื่องในตอนนี้ ส่วนใหญ่กล่าวถึง ซึบาสะที่สเปน เฮียวงะที่อิตาลี มากกว่า
แต่ก็มีภาคพิเศษ คือ ซึบาสะ ในนามทีมบาร์ซ่า เดินทางมาเตะกระชับมิตรกับ จูบิโล่ เป็นการปะทะกันของสองเพื่อนซี้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงผลการแช่งขัน
แต่ภาคต่อมาเป็นภาคคัดโอลิมปิค มิซากิเด่นมากในภาคนี้ เพราะต้องรับหน้าที่แทนซึบาสะ เพราะผู้จัดการทีม คิระ บอกว่าจะไม่ใช้บริการนักเตะจากต่างแดนในรอบคัดเลือกปรีโอลิมปิคนี้ ซึ่งนัดชิงดำ นัดสุดท้าย ญี่ปุ่นต้องเอาชนะ ออสเตเลีย ให้ได้ผลต่าง 3 ประตูในบ้านตัวเอง เพราะนัดแรกไปแพ้ มา3-1 และสุดท้าย ญี่ปุ่นภายใต้การนำของมิซากิ ก็เอาชนะ ออสเตรเลียได้
ผมอ่านถึงแค่นี้ เพราะที่เหลือกล่าวถึง ลีกสเปน เป็นส่วนใหญ่ ส่วนภาคใหม่ ยังไม่ได้อ่านแปลไทย อ่านแค่ต้นฉบับจากญี่ปุ่น
แสดงความคิดเห็น
ชีวิตค้าแข้งของ " มิซากิ ทาโร่ " ในเรื่องกัปตันซึบาสะ จบยังไงครับ
อ่านมาจนถึงภาคตลุยยุโรป ตอนที่ทีมเยาวชนญี่ปุ่น เอาชนะทีมเยาวชนเยอรมันได้ในรอบชิง
(ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ)
...และหลังจากนั้นด้วยความจำเป็นบางอย่าง เลยไม่ได้ตามอ่านอีกเลย
...แต่ก็พอรู้ข่าวว่าเรื่องนี้ก็ยังมีภาคต่อออกมาเรื่อยๆ
พอดีอยากทราบว่า หลังจากจบภาคดังกล่าวแล้ว
ชีวิตของ มิซากิ ทาโร่ เป็นไงบ้างครับ
ยังได้รับบทเด่นอยู่หรือเปล่า ได้ไปค้าแข้งที่ยุโรปหรือเปล่า ยังติดทีมชาติอยู่รึเปล่า...?
พอจะลำดับเหตุการณ์แบบย่อๆ พอสังเขปได้มั้ย
...ขอบคุณครับ...