ข่าวจาก เดลินิวส์ ครับ
http://www.dailynews.co.th/crime/220276
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:14 น.
ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง "เสี่ยจ้อน อลงกรณ์" ไม่ผิดหมิ่น “ปู่ชัย-เนวิน ” กรณีตั้งประเด็นตรวจสอบการบุกรุกที่เขากระโดง ศาลชี้เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ขณะที่ก่อนแถลงข่าวตรวจสอบเป็นขั้นตอน ไม่มีเจตนาหมิ่น
วันนี้ ( 19 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.522/2550 ที่ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน และนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย มอบหมายให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคภูมิใจไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และละเมิด เรียกค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 และ เรียกค่าสินไหมทดแทน จากการละเมิด เป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.50 นายอลงกรณ์ แถลงข่าวและแจกจ่ายเอกสารต่อสื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ทำนองว่า นายเนวิน และนายชัย เป็นนักการเมืองผู้มีอิทธิพลใน จ.บุรีรัมย์ บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ (รฟท.) ที่ ต.เขากระโดง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รวม 2 แปลง จำนวนกว่า 44 ไร่ โดยใช้อิทธิพลความเป็นนักการเมืองให้ออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แล้วนำที่ดินไปจำนองกับสหธนาคาร และธนาคารกรุงไทย วงเงินกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงเกินจริง ทำให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ศาลชั้นต้น พิพากษาเมื่อวันที่ 10 ก.ค.55 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า การแถลงข่าวดังกล่าว เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (1) และ (3) ซึ่งโจทก์ทั้งสองเป็นนักการเมืองเคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง รวมทั้งเสนอตัวต่อประชาชนให้เลือกเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ก็แสดงว่าตนเองเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริตไว้วางใจให้เข้าไปบริหารกิจการ แทนประชาชน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องถูกตรวจสอบความถูกต้องของการปฏิบัติงานเพื่อ รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งหลังจากการแถลงข่าว จำเลยมีหนังสือถึง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธาน กมธ.คมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติในขณะนั้น เพื่อให้ตรวจสอบการครอบครองที่ดิน จึงเห็นได้ว่าก่อนการแถลงข่าวจำเลยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นลำดับขั้น ตอน สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของเอกสารหลักฐาน แสดงให้เห็นว่าจำเลยเชื่อโดยสุจริตว่ามีมูลความจริงตามที่จำเลยแถลงข่าวโดย ไม่มีเจตนาใส่ความโจทก์ทั้งสอง
ต่อมาโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะแถลงข่าวจำเลยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเอกสารของ รฟท. และกรมที่ดิน รวมทั้งเอกสารการตรวจสอบของ กมธ.พิจารณาสอบสวนและศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตของวุฒิสภาแล้ว ซึ่งมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นลำดับขั้นตอน จึงเชื่อว่าเป็นการแถลงข่าวโดยสุจริต การที่จำเลยแถลงข่าวดังกล่าวจึงมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยให้ประชาชนได้รับ ทราบ และเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศ าลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืน.
ข่าวเกี่ยวกับนายใหญ่บุรีรัมย์ยูไนเต็ด - อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง "จ้อน" ไม่หมิ่น "เนวิน-ปู่ชัย" คดีรุกที่ รฟ
ข่าวจาก เดลินิวส์ ครับ
http://www.dailynews.co.th/crime/220276
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 เวลา 17:14 น.
ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง "เสี่ยจ้อน อลงกรณ์" ไม่ผิดหมิ่น “ปู่ชัย-เนวิน ” กรณีตั้งประเด็นตรวจสอบการบุกรุกที่เขากระโดง ศาลชี้เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ขณะที่ก่อนแถลงข่าวตรวจสอบเป็นขั้นตอน ไม่มีเจตนาหมิ่น
วันนี้ ( 19 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อ.522/2550 ที่ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน และนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย มอบหมายให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคภูมิใจไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และละเมิด เรียกค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 และ เรียกค่าสินไหมทดแทน จากการละเมิด เป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.50 นายอลงกรณ์ แถลงข่าวและแจกจ่ายเอกสารต่อสื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ทำนองว่า นายเนวิน และนายชัย เป็นนักการเมืองผู้มีอิทธิพลใน จ.บุรีรัมย์ บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ (รฟท.) ที่ ต.เขากระโดง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รวม 2 แปลง จำนวนกว่า 44 ไร่ โดยใช้อิทธิพลความเป็นนักการเมืองให้ออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แล้วนำที่ดินไปจำนองกับสหธนาคาร และธนาคารกรุงไทย วงเงินกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงเกินจริง ทำให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
ศาลชั้นต้น พิพากษาเมื่อวันที่ 10 ก.ค.55 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า การแถลงข่าวดังกล่าว เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (1) และ (3) ซึ่งโจทก์ทั้งสองเป็นนักการเมืองเคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง รวมทั้งเสนอตัวต่อประชาชนให้เลือกเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ก็แสดงว่าตนเองเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริตไว้วางใจให้เข้าไปบริหารกิจการ แทนประชาชน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องถูกตรวจสอบความถูกต้องของการปฏิบัติงานเพื่อ รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งหลังจากการแถลงข่าว จำเลยมีหนังสือถึง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธาน กมธ.คมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติในขณะนั้น เพื่อให้ตรวจสอบการครอบครองที่ดิน จึงเห็นได้ว่าก่อนการแถลงข่าวจำเลยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นลำดับขั้น ตอน สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของเอกสารหลักฐาน แสดงให้เห็นว่าจำเลยเชื่อโดยสุจริตว่ามีมูลความจริงตามที่จำเลยแถลงข่าวโดย ไม่มีเจตนาใส่ความโจทก์ทั้งสอง
ต่อมาโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า จำเลยเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะแถลงข่าวจำเลยได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเอกสารของ รฟท. และกรมที่ดิน รวมทั้งเอกสารการตรวจสอบของ กมธ.พิจารณาสอบสวนและศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตของวุฒิสภาแล้ว ซึ่งมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นลำดับขั้นตอน จึงเชื่อว่าเป็นการแถลงข่าวโดยสุจริต การที่จำเลยแถลงข่าวดังกล่าวจึงมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยให้ประชาชนได้รับ ทราบ และเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศ าลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืน.