4 Steps of Political Dirty Campaign (บันได 4 ขั้นของ campaign สกปรกทางการเมือง)
ถ้าใครรรู้จักผมดี จะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมพูดซ้ำๆซากๆ มาได้สักพักแล้ว ผมตัดสินใจอยู่นานที่จะเขียนเรื่องนี้ เนื่องจากตอนนี้ผมเข้ามาอยู่ในส่วนร่วมของทีมมากขึ้น
แต่สิ่งที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ อยู่ในฐานะของคนที่เคยทำงานด้านจิตวิทยาสื่อ ไม่ใช่ฐานะสต๊าฟของทีมเมืองทอง
ในประวัติศาสตร์การเมืองในโลกใบนี้ มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในวงเล็กๆ หรือเกิดในวงใหญ่ๆระดับภูมิภาค
แต่การจะผลักดันให้กระแสการเมืองนั้นสำเร็จได้ ต้องมีผู้ที่สนับสนุนแนวคิดนั้นๆอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการหาผู้สนับสนุนหรือแนวร่วมทางการเมือง นั่นคือ การทำแคมเปญจน์ (Campaign)
Campaign ที่ว่านั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. Positive Campaign หมายถึง การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง
2. Negative Campaign หรือ Dirty Campaign หมายถึง การทำภาพลักษณ์ของฝั่งตรงข้ามให้แย่
การใช้ Campaign โดยเฉพาะแบบที่สองแบบนั้น มีความมุ่งมั่นที่จะ "ทำลาย" คนที่ตนเองมองว่าเป็น "ศัตรู" โดยเฉพาะ เพื่อให้เหลือตนเองเพียงหนึ่งเดียว
การทำ Dirty Campaign นั้น ต้องมีการวางแผนเป็นชั้นเป็นตอน ไม่สามารถทำเสร็จภายในขั้นเดียวได้ ซึ่งตามตำราแต่ละทีมีหลายๆแบบ ผมจะยกแบบหนึ่งให้ทุกท่านฟังดูนะครับ
ขั้นแรก - Discredit
เป็นการทำลายความชอบธรรมของฝั่งตรงข้าม พยายามดึงฝั่งตรงข้ามเข้าสู่สิ่งที่ประชาชนต่อต้านมานาน เพื่อให้ถูกมองว่าเลวเหมือนกัน
เช่น A เลว >> A เป็นเพื่อนกับ B >> B ก็ต้องเลวด้วย
ขั้นที่สอง - Internal Chaos
เป็นการทำให้เกิดการปั่นป่วนภายในฝั่งตรงข้าม ให้เกิดการต่อต้านผู้นำทั้งทางด้านความคิด และออกมาต่อต้านโดยใช้การกระทำ สร้างความเกลียดชังภายใน
ขั้นที่สาม - External Chaos
เป็นการทำให้เกิดการปั่นป่วนภายในกลุ่มพันธมิตรของฝั่งตรงข้าม ให้เกิดการโดดเดี่ยว และเกิดการตัดน้ำเลี้ยงและการสนับสนุน สร้างความเกลียดชังภายนอก
ขั้นสุดท้าย - Correction
เสนอตัวเองเข้ามาเป็นผู้แก้ไขให้ฝั่งตรงข้ามที่เกิดปัญหา ยินดีรับผู้สนับสนุนของฝั่งเดิมเข้ามาอยู่ในพรรคพวกของตนเอง
แล้วเกี่ยวอะไรกับฟุตบอล ?
การที่ปัจจุบันเริ่มมีนักการเมืองมากขึ้นเข้ามามีบทบาทในฟุตบอล นั่นหมายถึงมีนักการเมืองที่เก่งใน Campaign เหล่านี้เข้ามาปะปนอยู่ด้วย
ผมเห็นเรื่องนี้มาได้หลายเดือนแล้ว ถ้าคนรอบข้างผมก็จะเห็นว่าผมได้พูดเรื่องนี้มาหลายๆรอบจริงๆ ว่าผมเห็นอะไรบางอย่าง ในความหายนะของฟุตบอลไทย
ผมเริ่มเห็น การใช้ภาพลักษณ์ของ "ศัตรู" และ "ความเกลียดชัง" มาใช้ในฟุตบอล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ควรมีในกีฬาชนิดใดๆเลยบนพื้นพิภพ
ผมเห็นการใช้สื่อ social media และ webboard ดำเนินการบางอย่าง อย่างมีขั้นตอน และวางแผนมาเป็นอย่างดี เพื่อทำลาย "มิตรภาพจากกีฬา"
แล้วเกี่ยวอะไรกับเมืองทอง ?
ผมกำลังมองว่า เมืองทองโดน Dirty Campaign ขั้นแรกไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ เรากำลังเข้าสู่ขั้นที่สอง
จะมีการปลุกระดมให้มีการต่อต้านผู้บริหารอย่างหนัก การต่อต้านจะเป็นไปทั้งทางวาจา และการต่อต้านไม่ให้เข้าสนาม
และเมื่อเข้าสู่ขั้นที่สาม จะลามไปยังทีมที่เป็นพันธมิตร และสปอนเซอร์ต่างๆที่จะเข้ามาสนับสนุนทีมเรา
ในที่สุดหลังจากทุกอย่างเริ่มพังทลาย ก็จะมี "ฮีโร่"จอมปลอม เข้ามาเก็บเกี่ยวซากปรักหักพังที่เหลืออยู่ เข้าหาพรรคพวกของตนเอง
สุดท้ายแล้ว ท่านอาจจะคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ท่านอาจจะคิดว่าผมเพ้อเจ้อ แต่ผมบอกเพื่อนๆได้แค่ว่า.....
โดยทั่วไปแล้ว มีคนไม่ถึง 5% ที่รู้ตัวเองว่าตนเองกำลังอยู่ภายใต้ Dirty Campaign นั้นๆ
ไม่งั้นมันจะใช้ได้ผลหรอครับ.........จริงไหม ?
เครดิต
http://www.mtufc.com/board/index.php?topic=24537
4 Steps of Political Dirty Campaign
ถ้าใครรรู้จักผมดี จะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมพูดซ้ำๆซากๆ มาได้สักพักแล้ว ผมตัดสินใจอยู่นานที่จะเขียนเรื่องนี้ เนื่องจากตอนนี้ผมเข้ามาอยู่ในส่วนร่วมของทีมมากขึ้น
แต่สิ่งที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ อยู่ในฐานะของคนที่เคยทำงานด้านจิตวิทยาสื่อ ไม่ใช่ฐานะสต๊าฟของทีมเมืองทอง
ในประวัติศาสตร์การเมืองในโลกใบนี้ มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในวงเล็กๆ หรือเกิดในวงใหญ่ๆระดับภูมิภาค
แต่การจะผลักดันให้กระแสการเมืองนั้นสำเร็จได้ ต้องมีผู้ที่สนับสนุนแนวคิดนั้นๆอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการหาผู้สนับสนุนหรือแนวร่วมทางการเมือง นั่นคือ การทำแคมเปญจน์ (Campaign)
Campaign ที่ว่านั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. Positive Campaign หมายถึง การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง
2. Negative Campaign หรือ Dirty Campaign หมายถึง การทำภาพลักษณ์ของฝั่งตรงข้ามให้แย่
การใช้ Campaign โดยเฉพาะแบบที่สองแบบนั้น มีความมุ่งมั่นที่จะ "ทำลาย" คนที่ตนเองมองว่าเป็น "ศัตรู" โดยเฉพาะ เพื่อให้เหลือตนเองเพียงหนึ่งเดียว
การทำ Dirty Campaign นั้น ต้องมีการวางแผนเป็นชั้นเป็นตอน ไม่สามารถทำเสร็จภายในขั้นเดียวได้ ซึ่งตามตำราแต่ละทีมีหลายๆแบบ ผมจะยกแบบหนึ่งให้ทุกท่านฟังดูนะครับ
ขั้นแรก - Discredit
เป็นการทำลายความชอบธรรมของฝั่งตรงข้าม พยายามดึงฝั่งตรงข้ามเข้าสู่สิ่งที่ประชาชนต่อต้านมานาน เพื่อให้ถูกมองว่าเลวเหมือนกัน
เช่น A เลว >> A เป็นเพื่อนกับ B >> B ก็ต้องเลวด้วย
ขั้นที่สอง - Internal Chaos
เป็นการทำให้เกิดการปั่นป่วนภายในฝั่งตรงข้าม ให้เกิดการต่อต้านผู้นำทั้งทางด้านความคิด และออกมาต่อต้านโดยใช้การกระทำ สร้างความเกลียดชังภายใน
ขั้นที่สาม - External Chaos
เป็นการทำให้เกิดการปั่นป่วนภายในกลุ่มพันธมิตรของฝั่งตรงข้าม ให้เกิดการโดดเดี่ยว และเกิดการตัดน้ำเลี้ยงและการสนับสนุน สร้างความเกลียดชังภายนอก
ขั้นสุดท้าย - Correction
เสนอตัวเองเข้ามาเป็นผู้แก้ไขให้ฝั่งตรงข้ามที่เกิดปัญหา ยินดีรับผู้สนับสนุนของฝั่งเดิมเข้ามาอยู่ในพรรคพวกของตนเอง
แล้วเกี่ยวอะไรกับฟุตบอล ?
การที่ปัจจุบันเริ่มมีนักการเมืองมากขึ้นเข้ามามีบทบาทในฟุตบอล นั่นหมายถึงมีนักการเมืองที่เก่งใน Campaign เหล่านี้เข้ามาปะปนอยู่ด้วย
ผมเห็นเรื่องนี้มาได้หลายเดือนแล้ว ถ้าคนรอบข้างผมก็จะเห็นว่าผมได้พูดเรื่องนี้มาหลายๆรอบจริงๆ ว่าผมเห็นอะไรบางอย่าง ในความหายนะของฟุตบอลไทย
ผมเริ่มเห็น การใช้ภาพลักษณ์ของ "ศัตรู" และ "ความเกลียดชัง" มาใช้ในฟุตบอล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ควรมีในกีฬาชนิดใดๆเลยบนพื้นพิภพ
ผมเห็นการใช้สื่อ social media และ webboard ดำเนินการบางอย่าง อย่างมีขั้นตอน และวางแผนมาเป็นอย่างดี เพื่อทำลาย "มิตรภาพจากกีฬา"
แล้วเกี่ยวอะไรกับเมืองทอง ?
ผมกำลังมองว่า เมืองทองโดน Dirty Campaign ขั้นแรกไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ เรากำลังเข้าสู่ขั้นที่สอง
จะมีการปลุกระดมให้มีการต่อต้านผู้บริหารอย่างหนัก การต่อต้านจะเป็นไปทั้งทางวาจา และการต่อต้านไม่ให้เข้าสนาม
และเมื่อเข้าสู่ขั้นที่สาม จะลามไปยังทีมที่เป็นพันธมิตร และสปอนเซอร์ต่างๆที่จะเข้ามาสนับสนุนทีมเรา
ในที่สุดหลังจากทุกอย่างเริ่มพังทลาย ก็จะมี "ฮีโร่"จอมปลอม เข้ามาเก็บเกี่ยวซากปรักหักพังที่เหลืออยู่ เข้าหาพรรคพวกของตนเอง
สุดท้ายแล้ว ท่านอาจจะคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ท่านอาจจะคิดว่าผมเพ้อเจ้อ แต่ผมบอกเพื่อนๆได้แค่ว่า.....
โดยทั่วไปแล้ว มีคนไม่ถึง 5% ที่รู้ตัวเองว่าตนเองกำลังอยู่ภายใต้ Dirty Campaign นั้นๆ
ไม่งั้นมันจะใช้ได้ผลหรอครับ.........จริงไหม ?
เครดิต http://www.mtufc.com/board/index.php?topic=24537