จากที่ไปดู Pacific Rim รวมแล้ว 5 รอบได้ (แลดูเวอร์ไป แต่คือพูดได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในชีวิตจริงๆ) คืออาจจะเพราะบางทีทางคุณ Guillermo del Toro ผู้กำกับได้เอาความฝันในวัยเด็กออกมาทำเป็นรูปเป็นร่าง อาจจะไม่ค่อยเคลียร์เรื่องรายละเอียดในบางตอน แต่ก็ลบเหตุผลทิ้งไป ดูเอาสนุก เอามีความสุขเป็นพอค่ะ
และจากที่อ่านรีวิวกระทู้ต่างๆ จะเห็นว่าต่างคนต่างคิดหาคำตอบในเรื่องที่ตัวเองสงสัย แต่ส่วนตัวเราแล้ว ไม่ว่าจะคำตอบไหน หรือเหตุผลของใครเราว่าถูกหมดนะ เพราะว่ารายละเอียดที่เหลือที่เราสงสัยกันในภาพยนตร์เรื่องนี้คิดว่าทางผกก.ให้เราเก็บมาคิดเอาเอง เพราะในวันเด็กของทุกคนล้วนแล้วแต่มีความฝันในแบบฉบับของตัวเอง เพราะฉะนั้นใครคิดหาคำตอบในเรื่องนี้เป็นแบบไหนก็ถูกหมดค่ะ ^^
ใน Pacific Rim มีสิ่งที่น่าประทับใจหลายอย่าง ขอแบ่งออกเป็น 5 อย่างแล้วกันนะคะ
1). นับขับในเยเกอร์ - จะเห็นได้ว่าต้องเป็นพี่น้อง หรือคนที่สนิทกันเท่านั้นที่สามารถจะขับเยเกอร์ร่วมกันได้ แต่มีซีนที่พระเอก-นางเอกต้องขับด้วยกัน ซึ่งพึ่งจะรู้จักกันไม่นาน และซีนที่ชัค แฮ้คซัน-ผู้การ ที่ขับสไตรเกอร์ด้วยกัน ทั้งๆที่ไม่เคยจะได้ขับด้วยกันเลย แต่บทสรุปก็ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสอนให้เรารู้ว่า บางทีการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แค่อาศัยสติ สามัคคี แค่นี้ก็สามารถผ่านทุกสิ่งไปด้วย หรือบางทีการรับผิดชอบต่อส่วนรวมอย่างผู้การที่สามารถตัดทุกสิ่งอย่างรอบกายออกหมด เพื่อจะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการล่อง หรือแม้แต่ความรักก็อาจจะเป็นผลที่ทำให้ต่อสู้ได้อย่างกล้าหาญก็เป็นได้
2). เรื่องความคิดและจิตใจ - การเชื่อมโยงกันระหว่างระบบประสาท และหล่อหลอมความทรงจำให้เป็น1จากคน2คน อันนี้ประทับใจมากค่ะ เพราะถ้าจะให้เปรียบนะ เราเปรียบเหมือนคนรักกันที่ต่างฝ่ายต่างรู้ แต่ไม่แสดงออก เพราะฉะนั้นประเด็นนี้จากซีนร่ำลาของ2พ่อลูก จะแสดงให้เห็นว่า "คิดอะไรก็พูดออกไป อยากทำอะไรก็รีบทำ...ไม่ใช่มาทำในวันสุดท้าย" แต่อย่างน้อย2พ่อลูกนี้ก็ได้ทำนะคะ ถึงแม้จะสายเกินไป และเรียกน้ำตาจากเราได้เลยหล่ะซีนนี้ โอ้...ม้ายยยยยย T T (ถ้าใครสังเกตตอนที่ชัคร่ำลากับMaxx เจ้าหมาน้อย ตาของเจ้าหมาแดงกล่ำด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าทำน้องหมาอินได้ยังไง) 555555
3). การต่อสู้ - ตัวละครหลักของเรื่อง แน่นอนว่าเคยเจอสิ่งที่เลวร้ายในชีวิต ตัวพระเอกที่เสียพี่ชายต่อหน้าต่อตา นางเอกที่เสียครอบครัวไป หรือแม้แต่คนอื่นๆด้วย แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องเอาชนะความกลัวเหล่านี้ไปให้ได้ และกลับมาทำภารกิจนี้ให้จบ ถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องตายก็ตาม เราชอบซีนที่ผู้การไปรับพระเอกจากที่ก่อสร้างกำแพงชีวิต แล้วผู้การถามพระเอกว่า "คุณแบ็กเก็ต เราทุกคนต้องถึงจุดจบ แต่คุณจะเลือกตายที่นี้ หรือในเยเกอร์" ประมาณนี้ค่ะ ถ้าดูในSoundtrack ผู้การเน้นคำว่า "Here or in the yeager" แบบชัดเจนมากอ่ะ ดูแล้วฟีลมันมา อินเนอร์พุ่ง 555555
4. ความสามัคคี - อันนี้เห็นชัดที่สุด เลยขอยกเรื่องของดร.นิวตัน กับ ดร.กอทลิปมาเลยนะคะ จากที่ดูแล้วดร.สองคนนี้มีความแตกต่างกันคือ ดร.นิวตัน(ใส่แว่น)ชอบหาคำตอบโดยค้นพบจากความจริง การทดลอง หรือการปฏิบัตินั่นเอง ส่วนดร.กอทลิปชอบหาคำตอบโดยการคำนวณ การคาดคะเนจากข้อมูลในทางทฤษฏีเท่านั้น และในตอนสุดท้ายทั้งสองได้จับมือกัน และลืมทุกอย่างที่เถียงกันมารวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อหาคำตอบเพียงหนึ่งเดียวเพื่อที่จะช่วยกอบกู้โลกได้ (ฮาตอนอีดร.กอทลิปจะจับมือดร.นิวตัน) และผลสุดท้ายต่อให้ขัดแย้งกันมากแค่ไหน ถ้าเอเลี่ยนบุกโลก ทุกสหประชาชาติก็ต้องทิ้งความขัดแย้งนั้นแล้วหหันมาสามาคคีกันจนได้
5. ความรัก - เรื่องนี้แทบไม่ค่อยจะมีฉากรักๆใคร่ๆอะไร เพราะแน่นต่อสู้เอามัน เฮ้! อินเนอร์พุ่งอีกแล้ว 55555 แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ พระเอกเหมือนจีบหญิงไม่ค่อยเป็น แต่แอบส่งสายตาแทะโลมนางเอก ตอนสุดท้ายตอนจะขับเยเกอร์ไปจบภารกิจ พระเอกพูดให้นางเอกฟังว่า "แต่ก่อนผมเป็นคนที่คิดและจมอยู่กับอดีต ไม่เคยคิดจะคิดถึงอนาคตว่าจะใช้ชีวิตยังไง แต่ตอนนี้... เอ่อ... ผมนี่ชอบทำอะไรผิดจังหวะอีกแล้วนะ" (ประมาณนี้ค่ะ แล้วนางเอกก็ยิ้ม เพราะนางเอกน่าจะรู้ว่าพระเอกคิดอะไร แหม...เชื่อมระบบประสาทกันขนาดนั้น 55555 ฉากจบ ตอนแรกลุ้นมากนะคะว่า พระเอกจะจูบนางเอกมันตอนอยู่บนยานฉุกเฉิน (คือส่วนตัวไม่อยากให้จูบ) เพราะมันจะเสียอรรถรสอ่ะ เพราะอยากให้หนังเรื่องนี้นำเสนอในเรื่องหลักเป็นเรื่องต่อสู้มากกว่า ส่วนฉากต่อไปเก็บให้คนไปคิดเองดีกว่าเนอะ ว่าจะไปฟีทกันต่อรึเปล่า 55555
รีวิวแบบกากๆค่ะ อาจจะไม่ตรงตามที่ทุกคนชอบ แต่ส่วนตัวแล้วเราก็มีเหตุผลของเราที่คิดแบบนี้อ่ะเนอะ และอยากฝากให้คนที่ยังไม่ไปดู หรือไปดูมาแล้ว(ถ้าจะไปดูอีกรอบ) เราแนะนำไปดูแบบ Soundtrackค่ะ จะสนุกมาก เพราะไปดูภาคไทยมาแล้วไม่ค่อยแจ่มเท่าไหร่ ตัดคำพูดซึ้งๆไปเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ
สำหรับคะแนนเรื่องนี้ เต็ม 10 : 10+++++/10 ค่ะ (สนุกจริงๆ)
ปล.ขอขอบคุณผกก.เรื่องนี้ และทีมงานทุกคนที่สร้างสรรคผลงานดีๆออกมาให้เราได้ดูกัน และเป็นแรงผลักดันให้กับเด็ก1คนที่ตั้งใจเรียน และทำทุกอย่างให้ดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องสนว่าเราเป็นใคร เรียนเก่งหรือเปล่า เพียงแค่มีความกล้าหาญ เป็นคนดีพอ
ขอบพระคุณรูปภาพจาก
http://www.pacificrim-movie.net/ ค่ะ
รักพวกคุณมากเยอเกอร์ทุกตัว
ประทับใจสิ่งไหนมากที่สุดใน Pacific Rim คะ (มีสปอยล์ค่ะ)
จากที่ไปดู Pacific Rim รวมแล้ว 5 รอบได้ (แลดูเวอร์ไป แต่คือพูดได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในชีวิตจริงๆ) คืออาจจะเพราะบางทีทางคุณ Guillermo del Toro ผู้กำกับได้เอาความฝันในวัยเด็กออกมาทำเป็นรูปเป็นร่าง อาจจะไม่ค่อยเคลียร์เรื่องรายละเอียดในบางตอน แต่ก็ลบเหตุผลทิ้งไป ดูเอาสนุก เอามีความสุขเป็นพอค่ะ
และจากที่อ่านรีวิวกระทู้ต่างๆ จะเห็นว่าต่างคนต่างคิดหาคำตอบในเรื่องที่ตัวเองสงสัย แต่ส่วนตัวเราแล้ว ไม่ว่าจะคำตอบไหน หรือเหตุผลของใครเราว่าถูกหมดนะ เพราะว่ารายละเอียดที่เหลือที่เราสงสัยกันในภาพยนตร์เรื่องนี้คิดว่าทางผกก.ให้เราเก็บมาคิดเอาเอง เพราะในวันเด็กของทุกคนล้วนแล้วแต่มีความฝันในแบบฉบับของตัวเอง เพราะฉะนั้นใครคิดหาคำตอบในเรื่องนี้เป็นแบบไหนก็ถูกหมดค่ะ ^^
ใน Pacific Rim มีสิ่งที่น่าประทับใจหลายอย่าง ขอแบ่งออกเป็น 5 อย่างแล้วกันนะคะ
1). นับขับในเยเกอร์ - จะเห็นได้ว่าต้องเป็นพี่น้อง หรือคนที่สนิทกันเท่านั้นที่สามารถจะขับเยเกอร์ร่วมกันได้ แต่มีซีนที่พระเอก-นางเอกต้องขับด้วยกัน ซึ่งพึ่งจะรู้จักกันไม่นาน และซีนที่ชัค แฮ้คซัน-ผู้การ ที่ขับสไตรเกอร์ด้วยกัน ทั้งๆที่ไม่เคยจะได้ขับด้วยกันเลย แต่บทสรุปก็ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสอนให้เรารู้ว่า บางทีการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แค่อาศัยสติ สามัคคี แค่นี้ก็สามารถผ่านทุกสิ่งไปด้วย หรือบางทีการรับผิดชอบต่อส่วนรวมอย่างผู้การที่สามารถตัดทุกสิ่งอย่างรอบกายออกหมด เพื่อจะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการล่อง หรือแม้แต่ความรักก็อาจจะเป็นผลที่ทำให้ต่อสู้ได้อย่างกล้าหาญก็เป็นได้
2). เรื่องความคิดและจิตใจ - การเชื่อมโยงกันระหว่างระบบประสาท และหล่อหลอมความทรงจำให้เป็น1จากคน2คน อันนี้ประทับใจมากค่ะ เพราะถ้าจะให้เปรียบนะ เราเปรียบเหมือนคนรักกันที่ต่างฝ่ายต่างรู้ แต่ไม่แสดงออก เพราะฉะนั้นประเด็นนี้จากซีนร่ำลาของ2พ่อลูก จะแสดงให้เห็นว่า "คิดอะไรก็พูดออกไป อยากทำอะไรก็รีบทำ...ไม่ใช่มาทำในวันสุดท้าย" แต่อย่างน้อย2พ่อลูกนี้ก็ได้ทำนะคะ ถึงแม้จะสายเกินไป และเรียกน้ำตาจากเราได้เลยหล่ะซีนนี้ โอ้...ม้ายยยยยย T T (ถ้าใครสังเกตตอนที่ชัคร่ำลากับMaxx เจ้าหมาน้อย ตาของเจ้าหมาแดงกล่ำด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าทำน้องหมาอินได้ยังไง) 555555
3). การต่อสู้ - ตัวละครหลักของเรื่อง แน่นอนว่าเคยเจอสิ่งที่เลวร้ายในชีวิต ตัวพระเอกที่เสียพี่ชายต่อหน้าต่อตา นางเอกที่เสียครอบครัวไป หรือแม้แต่คนอื่นๆด้วย แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องเอาชนะความกลัวเหล่านี้ไปให้ได้ และกลับมาทำภารกิจนี้ให้จบ ถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องตายก็ตาม เราชอบซีนที่ผู้การไปรับพระเอกจากที่ก่อสร้างกำแพงชีวิต แล้วผู้การถามพระเอกว่า "คุณแบ็กเก็ต เราทุกคนต้องถึงจุดจบ แต่คุณจะเลือกตายที่นี้ หรือในเยเกอร์" ประมาณนี้ค่ะ ถ้าดูในSoundtrack ผู้การเน้นคำว่า "Here or in the yeager" แบบชัดเจนมากอ่ะ ดูแล้วฟีลมันมา อินเนอร์พุ่ง 555555
4. ความสามัคคี - อันนี้เห็นชัดที่สุด เลยขอยกเรื่องของดร.นิวตัน กับ ดร.กอทลิปมาเลยนะคะ จากที่ดูแล้วดร.สองคนนี้มีความแตกต่างกันคือ ดร.นิวตัน(ใส่แว่น)ชอบหาคำตอบโดยค้นพบจากความจริง การทดลอง หรือการปฏิบัตินั่นเอง ส่วนดร.กอทลิปชอบหาคำตอบโดยการคำนวณ การคาดคะเนจากข้อมูลในทางทฤษฏีเท่านั้น และในตอนสุดท้ายทั้งสองได้จับมือกัน และลืมทุกอย่างที่เถียงกันมารวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อหาคำตอบเพียงหนึ่งเดียวเพื่อที่จะช่วยกอบกู้โลกได้ (ฮาตอนอีดร.กอทลิปจะจับมือดร.นิวตัน) และผลสุดท้ายต่อให้ขัดแย้งกันมากแค่ไหน ถ้าเอเลี่ยนบุกโลก ทุกสหประชาชาติก็ต้องทิ้งความขัดแย้งนั้นแล้วหหันมาสามาคคีกันจนได้
5. ความรัก - เรื่องนี้แทบไม่ค่อยจะมีฉากรักๆใคร่ๆอะไร เพราะแน่นต่อสู้เอามัน เฮ้! อินเนอร์พุ่งอีกแล้ว 55555 แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ พระเอกเหมือนจีบหญิงไม่ค่อยเป็น แต่แอบส่งสายตาแทะโลมนางเอก ตอนสุดท้ายตอนจะขับเยเกอร์ไปจบภารกิจ พระเอกพูดให้นางเอกฟังว่า "แต่ก่อนผมเป็นคนที่คิดและจมอยู่กับอดีต ไม่เคยคิดจะคิดถึงอนาคตว่าจะใช้ชีวิตยังไง แต่ตอนนี้... เอ่อ... ผมนี่ชอบทำอะไรผิดจังหวะอีกแล้วนะ" (ประมาณนี้ค่ะ แล้วนางเอกก็ยิ้ม เพราะนางเอกน่าจะรู้ว่าพระเอกคิดอะไร แหม...เชื่อมระบบประสาทกันขนาดนั้น 55555 ฉากจบ ตอนแรกลุ้นมากนะคะว่า พระเอกจะจูบนางเอกมันตอนอยู่บนยานฉุกเฉิน (คือส่วนตัวไม่อยากให้จูบ) เพราะมันจะเสียอรรถรสอ่ะ เพราะอยากให้หนังเรื่องนี้นำเสนอในเรื่องหลักเป็นเรื่องต่อสู้มากกว่า ส่วนฉากต่อไปเก็บให้คนไปคิดเองดีกว่าเนอะ ว่าจะไปฟีทกันต่อรึเปล่า 55555
รีวิวแบบกากๆค่ะ อาจจะไม่ตรงตามที่ทุกคนชอบ แต่ส่วนตัวแล้วเราก็มีเหตุผลของเราที่คิดแบบนี้อ่ะเนอะ และอยากฝากให้คนที่ยังไม่ไปดู หรือไปดูมาแล้ว(ถ้าจะไปดูอีกรอบ) เราแนะนำไปดูแบบ Soundtrackค่ะ จะสนุกมาก เพราะไปดูภาคไทยมาแล้วไม่ค่อยแจ่มเท่าไหร่ ตัดคำพูดซึ้งๆไปเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ
สำหรับคะแนนเรื่องนี้ เต็ม 10 : 10+++++/10 ค่ะ (สนุกจริงๆ)
ปล.ขอขอบคุณผกก.เรื่องนี้ และทีมงานทุกคนที่สร้างสรรคผลงานดีๆออกมาให้เราได้ดูกัน และเป็นแรงผลักดันให้กับเด็ก1คนที่ตั้งใจเรียน และทำทุกอย่างให้ดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องสนว่าเราเป็นใคร เรียนเก่งหรือเปล่า เพียงแค่มีความกล้าหาญ เป็นคนดีพอ
ขอบพระคุณรูปภาพจาก http://www.pacificrim-movie.net/ ค่ะ
รักพวกคุณมากเยอเกอร์ทุกตัว