ผมเป็นแฟนปีศาจแดงคนหนึ่งที่อยากได้เห็นนักเตะของทีมรักแบบตัวเป็น ๆ ในสนามบอล เพราะรู้ว่าโอกาสที่จะได้ไปดูของจริงที่โรงละครแห่งความฝันนั้น โอกาสเหมือนดังความฝันดั่งชื่อของสนาม เมื่อได้ข่าวว่าทีมรักจะมาเยือนเมืองไทย จึงรีบคว้าโอกาสโอกาสนั้นทันทีโดยไม่รีรอ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนต่า่งจังหวัดก็ตาม ใครหลายคนบอกว่า "เฮ้ย ลงทุนมากไปหรือเปล่า ไปดูถึงกรุงเทพฯ เลย แค่มาเตะโชว์แค่นั้นเอง" แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจเปลี่ยนไปจากเดิมที่ตั้งใจว่าจะไปดูให้ได้ ผมได้เตรียมจองตั๋ว, ห้องพัก, เครื่องบิน เรียบร้อยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่มีความตั้งใจอื่นใดที่จะเข้าไปกรุงเทพฯ เลย
วันแข่งก็ได้เดินทางไปสนาม โดยบรรยากาศก่อนเข้าสนามนั้นขอบอกตรง ๆ ว่าสุดยอดครับ แฟนบอลมาในเสื้อสีแดงเต็มบริเวณรัชมังคลาฯ ด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่น ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีกิจกรรมมากมายให้แฟนบอลได้เข้าร่วมก่อนเวลาที่จะเปิดประตูเพื่อเข้าไปในสนามบอล
อยากจะเล่าถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เห็นว่าต้องคุยกันความคิดของผมละกัน โดยท่านอื่นอาจจะมีความคิดต่าง ก็คงเป็นเรื่องธรรมดา
การจำหน่ายตั๋ว ในคราวแรกตั๋วบอกว่าจะขายทาง ไทยทิกเก๊ตฯ อย่างเดียว แต่พอเอาเข้าจริง ๆ พนักงานบุญรอดฯ กลับได้จองล่วงหน้าก่อน 2 วัน ซึ่งทำให้ตั๋วที่นั่งดี ๆ โดนจองล่วงหน้าไปหมดแล้ว ซึ่งในวันแข่งที่นั่งฝั่งระบุที่นั่งกลับไม่ค่อยมีแฟนบอลเข้ามาชม ทำให้รู้สึกเสียดายแทนครับ
ภาพรวมการเข้าสนาม การเข้าสนามต้องผ่านขั้นตอน 2 ชั้น อย่างแรกตรงบันไดตรวจตั๋ว เพื่อดูว่ามีการเวียนตั๋วหรือไม่ ประมาณ 17.00 น.ที่เปิดให้เข้า ส่วนประตูเข้าสนามจริง ๆ เปิด 18.00 ตามที่ได้แจ้งไว้ แต่พวกน้ำนี่ผมงงครับ ทางสิงห์ฯ ขายน้ำรอบ ๆ ประตูทางเข้า คนซื้อเข้าไปสนามได้แต่ต้องเปิดฝา เข้าใจว่ากลัวการปาเข้าไปในสนาม แต่... น้องที่ตามไปสมทบกลับนำเครื่องดื่มบีดิ้งแบบกล่องเข้าไปได้ทั้งแพก โดยที่พนักงานบอกว่าของสิงห์ฯ ใช่มั้ยพี่ เอาเข้าไปได้เลย ถ้ากลัวเรื่องความปลอดภัยก็ไม่น่าจะให้นำเข้าไปได้เลยงงครับ
การเชียร์ในสนาม ที่มีประเด็นบอกว่าเงียบจัง ความคิดผมสาเหตุก็คือโดยส่วนใหญ่แฟนบอลถึงสนามประมาณ 15.00 - 16.00 น. ซึ่งเวลาเตะจริง ๆ 20.00 น. ซึ่งผมมองว่าเตะช้าไปครับ แฟนบอลคงจะเหนื่อย ๆ เวลาเตะน่าจะเตะประมาณ 18.00 น. หรือ 19.00 น. น่าจะดีกว่าเพราะกว่าจะเลิกเตะก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว กองเชียร์ที่เข้าไปโดยส่วนใหญ่เข้าใจว่าอยากเห็นประตูเกิดขึ้นเร็วที่สุดและเยอะ ๆ โดยที่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายยิงก็ได้ ซึ่งจากรูปเกมส์นั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าเกมส์เล่นกันไม่สนุกเลย เกมส์ค่อนข้างเฉื่อยนักเตะแมนยูฯ เล่นไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ทำให้เสียงเชียร์แทบไม่มี ผมไม่ได้คาดหวังว่านักเตะจะต้องเล่นเต็มที่เหมือนแข่งในลีก เข้าใจว่านี่เป็นการเตะกระชับมิตรไม่เน้นผลการแข่งขัน แต่เท่าที่ดูจากการเล่นแล้ว ไม่ตั้งใจเล่น ไม่จริงจัง และที่สำคัญผมว่านักเตะที่ลงเล่นนั้น ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย แฟนบอลในสนามเป็นหมื่น ๆ คอยเีชียร์แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ เตะแบบเนือย ๆ กันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งผมว่าแฟนบอลผิดหวังที่สตาร์ของทีมหลาย ๆ คนไม่ได้ลงด้วย ซึ่งทำให้แรงเชียร์มันลดลงนั่นแหละ สังเกตว่าถ้ากิ๊กซ์ได้บอลแฟนจะฮือฮา ในขณะที่เวลเบคได้บอลแฟนบอลจะหัวเราะกันเป็นส่วนใหญ่ ลองนึกภาพถ้ามี ฟานเพอร์ซี่, รูนี่ย์, ชิชาร์ฯ, วิดิช, เดเคฮา ลงสนามด้วยผมว่ากองเชียร์น่าจะึคึกคักมากกว่านี้เยอะครับ
ลีซอ ประเด็นนี้ผมว่ามันระอุตั้งแต่เจ้าตัวออกมาบอกว่า "ถ้ายิงได้จะไม่ดีใจเพราะว่าเหมือนยิงทีมเก่า" คำพูดนี้ทำให้แฟนบอลโดยส่วนใหญ่เกิดอาการหมั่นไส้ครับ คิดอยู่ในใจว่าไอ้นี่ขี้โม้ และเมื่อแรก ๆ ในสนามผมว่าแฟน ๆ ก็ไม่ได้โห่เขานะครับ ซึ่งมีจังหวะที่เขาหลุดเดี่ยวแต่ยิงไม่เข้า จังหวะนั้นคนในสนามยังปรบมือให้เลย แต่มีจังหวะแรกที่ทำให้เกิดเสียงโห่มากก็คือจังหวะที่เขาไปฟาลว์บุตเนอร์ซึ่งจังหวะนั้นสำหรับผมมองว่าไม่จำเป็นต้องเข้าบอลแบบนั้นเลยครับ หลังจากนั้นเสียงโห่ก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจ้าตัวยิงประตูได้ และทำท่าดีใจจากที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ดีใจ หลังจากนั้นเสียงโห่ก็ตามมาทุกจังหวะที่เขาได้บอลเลยทีเดียว บอกตรง ๆ ผมไม่ได้โห่กับเขาเพราะผมมองว่าทีมสิงห์ฯ เล่นเต็มที่กว่าแมนยูฯ เยอะเลยครับ และอยากจะให้มีการยิงประตูเยอะ ๆ ก็แค่นั้นเอง
สรุป ไม่ประทับใจเลยครับ มองว่านักเตะเหมือนโดนบังคับให้มาเตะที่เมืองไทย เพราะในครั้งแรกเหมือนมีข่าวว่าจะยกเลิกการมาทัวร์เมืองไทย แต่ทางสิงห์ฯ ก็พยายามดึงมาให้ได้ ผลก็คือนักเตะหลัก ๆ ไม่ได้เิดินทางมาด้วย และเมื่อไปออสเตเลียกลับเดินทางไปสมทบกับทีมที่โน่นเสียด้วย ผมมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลยซึ่งเหตุผลก็ไม่ทราบว่าอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้หรือไม่ และหลังจากเตะเสร็จสี่ทุ่ม ก็เดินทางไปขึ้นเครื่องต่อเลย ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เล่นกันไมค่อยเต็มที่ก็ได้
ถามว่าต่อไปยังเชียร์เหมือนเดิมหรือไม่ ก็ยังคงเชียร์เหมือนเดิมนั่นแหละครับ แต่ว่ามันมีความรู้สึกในใจกับความไม่ทับใจในครั้งนี้ค้างคาอยู่แน่นอน ถ้าจะไปดูครั้งต่อไปคงต้องไปดูแมทช์ที่ีมีความสำคัญไม่ใช่เตะอุ่นเครื่องแบบนี้ครับ ซึ่งไม่รู้ว่าโอกาสนั้นจะมีหรือไม่ในชีวิตนี้
ขอบคุณครับ
### เล่าให้ฟังหลังไปดู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ###
วันแข่งก็ได้เดินทางไปสนาม โดยบรรยากาศก่อนเข้าสนามนั้นขอบอกตรง ๆ ว่าสุดยอดครับ แฟนบอลมาในเสื้อสีแดงเต็มบริเวณรัชมังคลาฯ ด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่น ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีกิจกรรมมากมายให้แฟนบอลได้เข้าร่วมก่อนเวลาที่จะเปิดประตูเพื่อเข้าไปในสนามบอล
อยากจะเล่าถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เห็นว่าต้องคุยกันความคิดของผมละกัน โดยท่านอื่นอาจจะมีความคิดต่าง ก็คงเป็นเรื่องธรรมดา
การจำหน่ายตั๋ว ในคราวแรกตั๋วบอกว่าจะขายทาง ไทยทิกเก๊ตฯ อย่างเดียว แต่พอเอาเข้าจริง ๆ พนักงานบุญรอดฯ กลับได้จองล่วงหน้าก่อน 2 วัน ซึ่งทำให้ตั๋วที่นั่งดี ๆ โดนจองล่วงหน้าไปหมดแล้ว ซึ่งในวันแข่งที่นั่งฝั่งระบุที่นั่งกลับไม่ค่อยมีแฟนบอลเข้ามาชม ทำให้รู้สึกเสียดายแทนครับ
ภาพรวมการเข้าสนาม การเข้าสนามต้องผ่านขั้นตอน 2 ชั้น อย่างแรกตรงบันไดตรวจตั๋ว เพื่อดูว่ามีการเวียนตั๋วหรือไม่ ประมาณ 17.00 น.ที่เปิดให้เข้า ส่วนประตูเข้าสนามจริง ๆ เปิด 18.00 ตามที่ได้แจ้งไว้ แต่พวกน้ำนี่ผมงงครับ ทางสิงห์ฯ ขายน้ำรอบ ๆ ประตูทางเข้า คนซื้อเข้าไปสนามได้แต่ต้องเปิดฝา เข้าใจว่ากลัวการปาเข้าไปในสนาม แต่... น้องที่ตามไปสมทบกลับนำเครื่องดื่มบีดิ้งแบบกล่องเข้าไปได้ทั้งแพก โดยที่พนักงานบอกว่าของสิงห์ฯ ใช่มั้ยพี่ เอาเข้าไปได้เลย ถ้ากลัวเรื่องความปลอดภัยก็ไม่น่าจะให้นำเข้าไปได้เลยงงครับ
การเชียร์ในสนาม ที่มีประเด็นบอกว่าเงียบจัง ความคิดผมสาเหตุก็คือโดยส่วนใหญ่แฟนบอลถึงสนามประมาณ 15.00 - 16.00 น. ซึ่งเวลาเตะจริง ๆ 20.00 น. ซึ่งผมมองว่าเตะช้าไปครับ แฟนบอลคงจะเหนื่อย ๆ เวลาเตะน่าจะเตะประมาณ 18.00 น. หรือ 19.00 น. น่าจะดีกว่าเพราะกว่าจะเลิกเตะก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว กองเชียร์ที่เข้าไปโดยส่วนใหญ่เข้าใจว่าอยากเห็นประตูเกิดขึ้นเร็วที่สุดและเยอะ ๆ โดยที่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายยิงก็ได้ ซึ่งจากรูปเกมส์นั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าเกมส์เล่นกันไม่สนุกเลย เกมส์ค่อนข้างเฉื่อยนักเตะแมนยูฯ เล่นไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ทำให้เสียงเชียร์แทบไม่มี ผมไม่ได้คาดหวังว่านักเตะจะต้องเล่นเต็มที่เหมือนแข่งในลีก เข้าใจว่านี่เป็นการเตะกระชับมิตรไม่เน้นผลการแข่งขัน แต่เท่าที่ดูจากการเล่นแล้ว ไม่ตั้งใจเล่น ไม่จริงจัง และที่สำคัญผมว่านักเตะที่ลงเล่นนั้น ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย แฟนบอลในสนามเป็นหมื่น ๆ คอยเีชียร์แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ เตะแบบเนือย ๆ กันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งผมว่าแฟนบอลผิดหวังที่สตาร์ของทีมหลาย ๆ คนไม่ได้ลงด้วย ซึ่งทำให้แรงเชียร์มันลดลงนั่นแหละ สังเกตว่าถ้ากิ๊กซ์ได้บอลแฟนจะฮือฮา ในขณะที่เวลเบคได้บอลแฟนบอลจะหัวเราะกันเป็นส่วนใหญ่ ลองนึกภาพถ้ามี ฟานเพอร์ซี่, รูนี่ย์, ชิชาร์ฯ, วิดิช, เดเคฮา ลงสนามด้วยผมว่ากองเชียร์น่าจะึคึกคักมากกว่านี้เยอะครับ
ลีซอ ประเด็นนี้ผมว่ามันระอุตั้งแต่เจ้าตัวออกมาบอกว่า "ถ้ายิงได้จะไม่ดีใจเพราะว่าเหมือนยิงทีมเก่า" คำพูดนี้ทำให้แฟนบอลโดยส่วนใหญ่เกิดอาการหมั่นไส้ครับ คิดอยู่ในใจว่าไอ้นี่ขี้โม้ และเมื่อแรก ๆ ในสนามผมว่าแฟน ๆ ก็ไม่ได้โห่เขานะครับ ซึ่งมีจังหวะที่เขาหลุดเดี่ยวแต่ยิงไม่เข้า จังหวะนั้นคนในสนามยังปรบมือให้เลย แต่มีจังหวะแรกที่ทำให้เกิดเสียงโห่มากก็คือจังหวะที่เขาไปฟาลว์บุตเนอร์ซึ่งจังหวะนั้นสำหรับผมมองว่าไม่จำเป็นต้องเข้าบอลแบบนั้นเลยครับ หลังจากนั้นเสียงโห่ก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจ้าตัวยิงประตูได้ และทำท่าดีใจจากที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ดีใจ หลังจากนั้นเสียงโห่ก็ตามมาทุกจังหวะที่เขาได้บอลเลยทีเดียว บอกตรง ๆ ผมไม่ได้โห่กับเขาเพราะผมมองว่าทีมสิงห์ฯ เล่นเต็มที่กว่าแมนยูฯ เยอะเลยครับ และอยากจะให้มีการยิงประตูเยอะ ๆ ก็แค่นั้นเอง
สรุป ไม่ประทับใจเลยครับ มองว่านักเตะเหมือนโดนบังคับให้มาเตะที่เมืองไทย เพราะในครั้งแรกเหมือนมีข่าวว่าจะยกเลิกการมาทัวร์เมืองไทย แต่ทางสิงห์ฯ ก็พยายามดึงมาให้ได้ ผลก็คือนักเตะหลัก ๆ ไม่ได้เิดินทางมาด้วย และเมื่อไปออสเตเลียกลับเดินทางไปสมทบกับทีมที่โน่นเสียด้วย ผมมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลยซึ่งเหตุผลก็ไม่ทราบว่าอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้หรือไม่ และหลังจากเตะเสร็จสี่ทุ่ม ก็เดินทางไปขึ้นเครื่องต่อเลย ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เล่นกันไมค่อยเต็มที่ก็ได้
ถามว่าต่อไปยังเชียร์เหมือนเดิมหรือไม่ ก็ยังคงเชียร์เหมือนเดิมนั่นแหละครับ แต่ว่ามันมีความรู้สึกในใจกับความไม่ทับใจในครั้งนี้ค้างคาอยู่แน่นอน ถ้าจะไปดูครั้งต่อไปคงต้องไปดูแมทช์ที่ีมีความสำคัญไม่ใช่เตะอุ่นเครื่องแบบนี้ครับ ซึ่งไม่รู้ว่าโอกาสนั้นจะมีหรือไม่ในชีวิตนี้
ขอบคุณครับ