เอเจนซี่ส์ - ในวันเสาร์(13) คณะลูกขุนแห่งรัฐฟลอริดาที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดจำนวน 6 คน โดยที่ไม่มีคนเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันร่วมอยู่ในคณะลูกขุนนี้เลย ในที่สุดตัดสินให้ จอร์จ ซิมเมอร์แมน อาสาสมัครเฝ้าระวังภัยประจำชุมชน สังหารเด็กวัยรุ่นหนุ่มผิวสีชาวฟลอริดา ด้วยปืนพกของเขา ในขณะที่ เทรวอน เบนจามิน มาร์ติน ปราศจากอาวุธ ออกไปซื้อขนมที่ 7/11 ใกล้บ้านช่วงพักโฆษณา โดยซิมเมอร์แมนอ้างว่า เขาป้องกันตัวตามกฏหมายแห่งรัฐฟลอริดา Stand-your-ground ในขณะที่สื่อในสหรัฐฯประโคมข่าว กลัวเกิดการจราจลหลังจากที่มีคำตัดสินออกมา
คดีประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ระหว่างสีผิวในสหรัฐฯที่มีระยะเวลากว่า 16 เดือนในที่สุดก็พิสูจน์ว่า ความแตกต่างระหว่างสีผิวยังมีอยู่จริงในสังคมอเมริกัน จอร์จ ซิมเมอร์แมน วัย 26 อาสาสมัครเฝ้าระวังภัยประจำชุมชน ที่ใช้ระบบ Racial Profile หรือการใช้สีผิวเป็นการแยกแยะบุคคลที่น่าสงสัยในชุมชนที่เขาอยู่ ได้ลงมือสังหาร เทรวอน มาร์ติน เด็กหนุ่มผิวสีวัย 16 จาก ฟลอริดา ในขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้านหลังออกมาแวะซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน มาร์ตินสวมเสื้อแบบมีที่คลุมศรีษะ ผิวสี ซึ่งตรงกับโปรไฟว์ที่น่าสงสัยในสายตาของ ซิมเมอร์แมน ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการเตือนจากเจ้าหน้าสายตรวจไม่ให้ติดตาม เทรวอน มาร์ตินไป แต่เขายังทำ และภายหลังจากที่เขาสังหารมาร์ตินด้วยอาวุธปืนพกของเขาเองแล้วซิมเมอร์แมนได้ให้การกับตำรวจสายตรวจว่า เขากลัวถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตจึงต้องใช้ปืนตามกฏหมายฟลอริดา Stand-your-ground ที่อนุญาตให้ป้องกันตัวได้ตามเหตุจำเป็นหากเชื่อได้ว่าจะถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต
และเหตุที่เรื่องลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นศึกระหว่างสีผิวเพราะ เจ้าหน้าที่ตำรวจฟลอริดาใช้เวลาถึง 45 วันก่อนที่จะจับกุมตัว จอร์จ ซิมเมอร์แมน จนกระทั่งเมื่อถึงชั้นศาล หลักฐานชิ้นสำคัญในคดี (เสียงบันทึกแจ้งเหตุของผู้อาศัยใกล้บริเวณที่เกิดเหตุโทรแจ้ง 911 และมีเสียงตระโกนขอความช่วยเหลือเป็นเสียงแบ็คกราวน์)ไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการจำแนกเสียงขึ้นให้การ โดยอ้างว่าเสียงนั้นไม่มีคุณภาพมากพอที่จะใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ยืนยันได้
ในวันเสาร์(13)ที่ผ่านมา คณะลูกขุนชาวฟลอริดาที่เป็นสตรีทั้งหมด จำนวน 9 คน โดยไม่มีลูกขุนคนใดที่มีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันอยู่เลย ใช้เวลา 16 ชั่วโมง 20 นาที ภายใน 2 วัน ตัดสิน จอร์จ ซิมเมอร์แมน “ไม่มีความผิด” ในข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา หรือ ข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเพราะพวกเธอเชื่อในคำให้การของซิมเมอร์แมน ที่ว่า เขาจำเป็นต้องสังหาร เทรวอน มาร์ติน เพราะต้องรักษาชิวิตของตัวเองเอาไว้
หลังจากนั้น ผู้พิพากษาเดบร้า เนลสัน ประกาศว่า ในวันเสาร์(13)เวลา 22.00น.ว่า จอร์จ ซิมเมอร์แมน สามารถออกจากศาลได้โดยอิสระ และเครื่องติดตามตัว GPS ที่สวมอยู่จะถูกถอดออกก่อนที่เขาจะเดินออกนอกอาคาร ท่ามกลางความดีใจของครอบครัวซิมเมอร์แมน และความเสียใจของครอบครัวมาร์ติน ที่ไม่ได้มาฟังคำตัดสินด้วยตนเอง และ ความโกรธแค้นของบุคคลผู้มาประท้วงรออยู่ด้านนอก ซึ่งก่อนหน้านี้ บิดามารดาของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เทรวอน เบนจามิน มาร์ติน กล่าวว่า คดีซิมเมอร์แมนนี้เป็นฝันร้ายที่สุดของผู้ที่เป็นพ่อแม่แอฟริกันอเมริกันพึงจะมีได้ การที่กลัวว่าลูกตัวเองต้องตายฟรีเพราะเขาโดนล็อกเป้าสังหารเพราะว่าสีผิวของเขา และ ต้องมานั่งฟังคำบรรยายถึงเหตุการณ์ในสิ่งที่ลูกตัวเองได้รับ และที่สำคัญที่สุดไม่มีลูกขุนคนใดที่จะเข้าใจความกลัวที่คนอเมริกันผิวสีมี เพราะพวกเธอเป็นอเมริกันเชื้อสายอื่น
และจากปฎิกริยาของสื่อต่างๆในสหรัฐฯที่มักจะอ่อนไหวในประเด็นที่เกี่ยวกับเชื้อชาติและสีผิว ต่างกลัวว่าจะเกิดจลาจลขึ้นหลังคำตัดสิน เพราะคดีนี้ชาวแอฟริกันอเมริกัน ต่างก็หวังว่าอย่างน้อยซิมเมอร์แมน ควรจะได้รับการลงโทษหลังจากที่เฝ้ารอมากว่า 16 เดือน ซึ่งจากที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ การจลาจลร้ายแรง เพราะความไม่พอใจของการกีดกันทางสีผิวครั้งประวัติศาสตร์เกิดขึ้นที่เมืองลอสแองเจลิสใน ยุค 90 ที่ทำให้ต้องปิดเมืองลอสแองเจลิสไปทั้งเมืองเลย
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000085964
คดีการต่อสู้ประเด็นระหว่างสีผิวในสหรัฐฯ!! คณะลูกขุนฟลอริดาตัดสินให้ “จอร์จ ซิมเมอร์แมน” ไม่ผิด ฐานฆ่า "เทรวอน มาร์ต
คดีประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ระหว่างสีผิวในสหรัฐฯที่มีระยะเวลากว่า 16 เดือนในที่สุดก็พิสูจน์ว่า ความแตกต่างระหว่างสีผิวยังมีอยู่จริงในสังคมอเมริกัน จอร์จ ซิมเมอร์แมน วัย 26 อาสาสมัครเฝ้าระวังภัยประจำชุมชน ที่ใช้ระบบ Racial Profile หรือการใช้สีผิวเป็นการแยกแยะบุคคลที่น่าสงสัยในชุมชนที่เขาอยู่ ได้ลงมือสังหาร เทรวอน มาร์ติน เด็กหนุ่มผิวสีวัย 16 จาก ฟลอริดา ในขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้านหลังออกมาแวะซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน มาร์ตินสวมเสื้อแบบมีที่คลุมศรีษะ ผิวสี ซึ่งตรงกับโปรไฟว์ที่น่าสงสัยในสายตาของ ซิมเมอร์แมน ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการเตือนจากเจ้าหน้าสายตรวจไม่ให้ติดตาม เทรวอน มาร์ตินไป แต่เขายังทำ และภายหลังจากที่เขาสังหารมาร์ตินด้วยอาวุธปืนพกของเขาเองแล้วซิมเมอร์แมนได้ให้การกับตำรวจสายตรวจว่า เขากลัวถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตจึงต้องใช้ปืนตามกฏหมายฟลอริดา Stand-your-ground ที่อนุญาตให้ป้องกันตัวได้ตามเหตุจำเป็นหากเชื่อได้ว่าจะถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต
และเหตุที่เรื่องลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นศึกระหว่างสีผิวเพราะ เจ้าหน้าที่ตำรวจฟลอริดาใช้เวลาถึง 45 วันก่อนที่จะจับกุมตัว จอร์จ ซิมเมอร์แมน จนกระทั่งเมื่อถึงชั้นศาล หลักฐานชิ้นสำคัญในคดี (เสียงบันทึกแจ้งเหตุของผู้อาศัยใกล้บริเวณที่เกิดเหตุโทรแจ้ง 911 และมีเสียงตระโกนขอความช่วยเหลือเป็นเสียงแบ็คกราวน์)ไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการจำแนกเสียงขึ้นให้การ โดยอ้างว่าเสียงนั้นไม่มีคุณภาพมากพอที่จะใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ยืนยันได้
ในวันเสาร์(13)ที่ผ่านมา คณะลูกขุนชาวฟลอริดาที่เป็นสตรีทั้งหมด จำนวน 9 คน โดยไม่มีลูกขุนคนใดที่มีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันอยู่เลย ใช้เวลา 16 ชั่วโมง 20 นาที ภายใน 2 วัน ตัดสิน จอร์จ ซิมเมอร์แมน “ไม่มีความผิด” ในข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา หรือ ข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเพราะพวกเธอเชื่อในคำให้การของซิมเมอร์แมน ที่ว่า เขาจำเป็นต้องสังหาร เทรวอน มาร์ติน เพราะต้องรักษาชิวิตของตัวเองเอาไว้
หลังจากนั้น ผู้พิพากษาเดบร้า เนลสัน ประกาศว่า ในวันเสาร์(13)เวลา 22.00น.ว่า จอร์จ ซิมเมอร์แมน สามารถออกจากศาลได้โดยอิสระ และเครื่องติดตามตัว GPS ที่สวมอยู่จะถูกถอดออกก่อนที่เขาจะเดินออกนอกอาคาร ท่ามกลางความดีใจของครอบครัวซิมเมอร์แมน และความเสียใจของครอบครัวมาร์ติน ที่ไม่ได้มาฟังคำตัดสินด้วยตนเอง และ ความโกรธแค้นของบุคคลผู้มาประท้วงรออยู่ด้านนอก ซึ่งก่อนหน้านี้ บิดามารดาของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เทรวอน เบนจามิน มาร์ติน กล่าวว่า คดีซิมเมอร์แมนนี้เป็นฝันร้ายที่สุดของผู้ที่เป็นพ่อแม่แอฟริกันอเมริกันพึงจะมีได้ การที่กลัวว่าลูกตัวเองต้องตายฟรีเพราะเขาโดนล็อกเป้าสังหารเพราะว่าสีผิวของเขา และ ต้องมานั่งฟังคำบรรยายถึงเหตุการณ์ในสิ่งที่ลูกตัวเองได้รับ และที่สำคัญที่สุดไม่มีลูกขุนคนใดที่จะเข้าใจความกลัวที่คนอเมริกันผิวสีมี เพราะพวกเธอเป็นอเมริกันเชื้อสายอื่น
และจากปฎิกริยาของสื่อต่างๆในสหรัฐฯที่มักจะอ่อนไหวในประเด็นที่เกี่ยวกับเชื้อชาติและสีผิว ต่างกลัวว่าจะเกิดจลาจลขึ้นหลังคำตัดสิน เพราะคดีนี้ชาวแอฟริกันอเมริกัน ต่างก็หวังว่าอย่างน้อยซิมเมอร์แมน ควรจะได้รับการลงโทษหลังจากที่เฝ้ารอมากว่า 16 เดือน ซึ่งจากที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ การจลาจลร้ายแรง เพราะความไม่พอใจของการกีดกันทางสีผิวครั้งประวัติศาสตร์เกิดขึ้นที่เมืองลอสแองเจลิสใน ยุค 90 ที่ทำให้ต้องปิดเมืองลอสแองเจลิสไปทั้งเมืองเลย
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000085964