เริ่มจากน้องมีอาการผุดลุกผุดนั่งตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 09/07/2013 เช้าวันที่ 10/07/2013 ก็ยังเป็นแบบเดิมก็เลยกลัวว่าน้องเค้าจะเป็นพวกโรคกระเพราะปิดตัว ก็เลยรีบพาไปหาหมอ พอดีว่าช่วงนี้ไม่มีรถใช้ ก็เลยตัดสินใจนั่ง Taxi พาน้องไปหาที่ รพ สัตว์ทองหล่อ สาขาสิรินธร เพราะเห็นว่า รพ น่าเชื่อถือ + ใกล้บ้าน (เดิมทีจะหาคลีนิคแถวบ้าน แต่ถ้าเป็น case ใหญ่จะพาไป รพ สัตว์มหิดล)
ไปถึงพบหมอท่านแรก ก็คล้ำท้องแล้วบอกว่าน้องมีอาการเกร็งท้องเลยอยากให้ x-ray ดู เราก็โอเคตามนั้น แต่หมอก็ต่อท้ายด้วยขอตรวจเลือดด้วยละกัน เราก็ไม่มีปัญหาอะไร พอผลออกมา หมอบอกว่าผลเลือดปกติ แต่ผล x-rayมีแก๊สในท้องเยอะเลยทำให้ไม่สบายตัว หมอก็ให้น้ำเกลือ และฉีดยา
พอดีเราเองก็รีบไปทำงานก็เลยบอกหมอว่า ถ้าอย่างนั้นฝากเอาไว้ที่นี้แล้วช่วงเย็นมารับ ระหว่างวันเราก็โทรถามอาการน้องเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าร่าเริงดี อยากจะออกจากกรงแล้ว เราก็สบายใจ พอตกเย็นมารับก็พบหมออีกคน หมอก็มาบอกเราว่าเค้ามีอาการหลอดลมตีบ ซึ่งตอนนั้นเสียงน้องเป็นเป็ดแล้ว เราก็งงๆว่า ช่วงกลางวันเจ้าหน้าที่ยังบอกว่าร่าเริงอยู่เลย หมอก็ให้ยาขยายหลอดลม (Aminophyline) มาให้กินครึ่งเม็ดหลังอาหาร แล้วก็นัดมาดมยาขยายหลอดลมในวันรุ่งขึ้น
หลังจากที่น้องกินยาตัวนี้น้องจะหายใจแรงมาก ทีแรกเราไม่คิดว่าเค้าแพ้ คิดว่าเค้าเป็นหลอดลมตีบ สักชั่วโมงน้องก็หายใจเป็นปกติ
พอวันที่ 11/07/2013 เวลา 20:00 เราก็พาน้องไปดมยาตามที่หมอนัด ซึ่งก่อนออกไป รพ ก็ให้น้องกินข้าวกินยาให้เรียบร้อยก่อนออกไป (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าน้องแพ้ยา) พอถึง รพ ทาง รพ ก็ให้พบหมอ ซึ่งเป็นหมอคนละคนกับเมื่อวันที่ 10/07/2013 หมอคนนี้ก็ถามรายละเอียดใหม่หมด ซึ่งเราก็งงว่าแค่นัดมาดมยา ทำไมไม่ดูจากประวัติที่หมอคนเก่าเขียนไว้
หมอคนนี้ก็บอกกับเราว่าเดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้อักเสบให้ เราก็งง ทำไมต้องฉีด แล้วนัดมาดมยาไม่ใช่เหรอ ก็เลยท้วงเค้าไป เค้าเลยให้เจ้าหน้าที่ไปหยิบยาเตรียมดมยามาให้ แล้วก็ให้น้องเข้าตู้ แต่ก็ยังฉีดยาแก้อักเสบให้ ซึ่งตอนเราเอาไปส่งน้องเค้ายังโอเคอยู่เลย ตอนไปส่งเข้าตู้ประมาณ 21:30
สักประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าก็หน้าตาตื่นมาบอกให้เราเข้าไปดูน้องข้าวฟ่าง ภาพที่เห็นคือน้องกำลังช็อค ลิ้นเป็นสีม่วง หายใจแรง แล้วก็กระสับกระส่ายมาก เราตกใจมาก หมอก็มาบอกเราว่า คืนนี้ข้าวฟ่างคงกลับบ้านไม่ได้ เราก็เฮ้ย....ทำไมอาการถึงได้หนักขนาดนี้ แล้วหมอก็ให้เราไปรอนอกห้อง จนมีลูกค้าคนนึงเดินมาหาเราแล้วเล่าให้เราฟังว่า เค้าเคยพาหมาที่มีอาการแบบนี้มารักษาที่นี้แล้วก็เป็นแบบข้าวฟ่างเลย เค้าก็ตัดสินใจเปลี่ยนที่รักษาโดยขอประวัติการตรวจทั้งหมดจากทองหล่อไป หมออีกที่บอกว่า ที่รพ ทองหล่อให้ยาเกินขนาดเลยทำให้หมาช็อค
เราเลยตัดสินใจว่ายังงัยก็จะเอาข้าวฟ่างกลับบ้าน ก็เลยเดินเข้าไปถามหมอว่าหมอให้ยาเกินขนาดหรือเปล่า หมอก็ว่า "ไม่เกินค่ะ" เราก็บอกหมอเลยว่ายังงัยก็ไม่ admit เค้าก็ตอบเราว่า "ถ้าอย่างนั้นหมอก็ตอบไม่ได้นะค่ะว่าเค้าจะอาการดีขึ้นเมื่อไหร่" เราก็ตอบไปว่า "รอได้"
สักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกให้เราไปจับน้องเพราะน้องไม่ให้ใครจับเลย ซึ่งตอนเข้าไปก็เห็นเค้าให้น้ำเกลือน้อง แล้วก็ฉีดยาอะไรเข้าไปอีกไม่รู้ จากนั้นเราก็นั่งใกล้ๆน้องตลอดจนเวลา 11:30 อาการน้องเริ่มดีขึ้น ลิ้นไม่เป็นสีม่วงแล้ว ในระหว่างนั้นเราก็ถามหมอไปว่าเค้าแพ้ยาขยายหลอดลมหรือเปล่า ทีแรกหมอก็ตอบว่าไม่แพ้หรอกค่ะ
พอน้องอาการเริ่มดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้ หมอก็มาบอกเราว่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนยาขยายหลอกลมให้ เราเลยตอบไปว่า "ไม่เอายาอะไรทั้งนั้นแล้วค่ะ" หมอตอบกลับเราด้วยเสียงหงุดหงิดว่า "แล้วจะให้หมอทำยังงัยค่ะ" เราก็เลยบอกไปว่า ขอประวัติการรักษาทั้งหมด และจะไม่มารักษาที่นี้แล้ว
ยังไม่จบนะค่ะ หมอได้แจ้งเราว่าได้ทำการฉีดยาที่ทำให้น้องเค้าอ่อนแรงไป พอกลับมาบ้านน้องเดินไม่ได้ จะไปฉี่ก็ไปไม่ได้ น่าสงสารมาก กว่าฤทธิ์ยาตัวนี้จะหมดก็ประมาณตีสาม
ตอนนี้เราหยุดยาทุกอย่างที่ รพ นี้ให้มา ส่วนอาการของน้องแทบเป็นปกติ มีอาการหายใจแรงเป็นบางครั้ง แต่น้อยมาก เวลานอนก็ไม่ได้ใช้ปากหายใจแล้ว เสียงไม่เป็นเป็ดเลย กินอาหารได้เยอะมากๆ แทบจะไม่เหลืออาการหมาป่วยเลย
รู้สึกดีมากๆที่วันนั้นตัดสินใจพาเค้ากลับบ้าน ถ้าวันนั้นไม่พาเค้ากลับบ้าน เราว่าน้องอาจจะเสียไปแล้วก็ได้
ส่วนค่ารักษาก็รวมๆแล้วเป็นหมื่น

เรื่องนี้อาจจะยาวสักนิดแต่อยากแชร์ประสบการณ์ และให้ทุกท่านที่จะพาน้องหมา น้องแมวไปรักษาที่นี้ คิดให้ดีก่อนค่ะ เพราะทุกอย่างคิดเป็นเงินหมด เอะอะอะไรก็ฉีดยาโดยไม่ได้คำนึงว่าร่างกายน้องเค้ารับไหวหรือเปล่า อ๋อลืมบอก น้องข้าวฟ่างอายุ 8 ขวบแล้วค่ะ