การถือศีลอดของคนไทยมุสลิมในประเทศไทย



การถือศีลอดของคนไทยมุสลิมในประเทศไทย


โดย...อาจารย์ศรายุทธ   มีสมรรถ
ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายวิชาการ โรงเรียนอิสลามสันติชน
(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2551)  



         การถือศีลอดเป็นพิธีกรรมหนึ่งซึ่งมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติ ความเป็นมานั้นพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญญัติเรื่องของการถือศีลอด
ในปีที่สองของการที่ท่านศาสดาได้อพยพจากเมืองเมกกะไปอยู่ที่เมืองมาดินะ ซึ่งพระองค์ได้ทรงดำรัสไว้ในคำภีร์อัลกุรอาน
โอ..บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย บัญญัติในเรื่องการถือศีลอดได้ถูกกำหนดเหนือพวกท่านแล้ว ดังที่เคยบัญญัติในกลุ่มชนเหนือหน้า
พวกเจ้าเพื่อให้พวกเจ้าทั้งหลายจะได้มีความยำเกรง ตรงนี้ก็แสดงให้เห็นว่าศาสดาก่อนหน้าศาสดามูฮัมหมัดพระผู้เป็นเจ้าก็ได้เคย
บัญญัติเรื่องของการถือศีลอดมาแล้ว แต่ว่าไม่ได้กำหนดว่ามีการถือกี่วัน กี่เดือน แต่พอมาถึงยุคของท่านศาสดามูฮัมหมัดได้มีการ
กำหนดไว้อย่างชัดเจนเลยว่าการถือศีลอดนั้นจะถูกกำหนดขึ้นในเดือนกรกฏาคม เป็นเดือนที่ 9 ตามปฏิทินอิสลามและก็กำหนดการ
ถือศีลอดนั้นมีกำหนด 1 เดือน ประมาณ 28 – 30 วัน เพราะว่าเป็นการนับถือวันเดือนตามจันทรคติ

                      การถือศีลอดเราจะนับด้วยการดูเดือนเรียกว่าดูเดือนก็คือการดูดวงจันทร์ซึ่งเป็นเดือนเสี้ยว ถ้าหากว่าดวงจันทร์ในเดือนที่
แปดตามจันทรคติอิสลามเรียกเดือนซะบาน ถ้าเห็นดวงจันทร์วันรุ่งขึ้นก็เป็นการถือศีลอดแต่ถ้าไม่มีคนเห็นดวงจันทร์ก็ให้นับเดือน
ซะบาน 30 วัน แล้ววันถัดไปก็เป็นวันที่ 1 ของเดือนกรกฏาคม กำหนดจากการดูดวงจันทร์ โดยปกติในแต่ละประเทศที่เป็นประเทศ
มุสลิมก็จะมีการกำหนดหน้าที่เองไว้เลยเช่น ในประเทศอียิปต์ผู้ที่จะประกาศเรียกว่าดารุฟาตาผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินปัญหา
ศาสนาของประเทศนั้น สำหรับในประเทศไทยผู้มีหน้าที่ในการประกาศการดูดวงจันทร์ก็คือท่านจุฬาราชมนตรี


หลักปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่จะต้องทำการถือศีลอด
         หลักการถือศีลอดประการที่หนึ่งคือ จะต้องเจตนาที่จะถือศีลอดเพื่อพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเจตนาจะถือศีลอดก็จะต้องงดเว้นจาก
การกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงกลางวันในช่วงที่ทำการถือศีลอด คือเราเริ่มนับตั้งแต่แสงอรุณขึ้น ตอนนี้ถ้าในประเทศไทย
ประมาณ 4.46 น. ไปจนกระทั่งดวงอาทิตย์ตกในช่วงนี้คือการงดเว้นเรื่องของการกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์ หลักอย่างหนึ่งของ
การถือศีลอดนั้นเนื่องจากว่าในพระมหาคำภีร์อัลกุรอานได้บอกว่าเพื่อให้พระเจ้ารู้ว่าบุคคลใดมีว่ายำเกรงอย่างในตอนกลางวันปกติ
ทานข้าว ดื่มน้ำกันในตอนกลางวัน กลางคืนนอนอยู่แล้วไม่สามารถที่จะทดสอบตัวเองว่าคุณอดได้ไหมในสิ่งที่พระเจ้ากำหนดนอก
จากการงดเว้นการกิน การดื่ม การมีเพศสัมพันธ์แล้วมุสลิมที่ถือศีลอดก็จำเป็นต้องงดเว้นการพูดเท็จ พูดเรื่องไร้สาระ การด่าทอ
ทะเลาะวิวาท การพูดจาสบประมาณคนอื่นก็งดเว้นด้วยเหมือนกับวจีกรรม คือเรื่องของความคิดแล้วก็พูดออกมาที่ให้ผลในทางลบ
                     สำหรับกิจกรรมที่เรียกว่าซากาตคริสเลาะ ก็คือการบริจาคอาหารซึ่งในแต่ละประเทศก็จะไม่เหมือนกันในบางประเทศอาจจะเป็น
ข้าวบาเล่อย่างในประเทศไทยคือข้าวที่ใช้รับประทานในซาอุอาจจะเป็นอินทผลัม บริจาคได้กับคนยากจน หูก็ดียังฟังในสิ่งที่ไม่ดี
ตัวนี้ก็จะเป็นตัวลบล้างความผิดเล็ก ๆ ขณะถือศีลอด ในขณะเดียวกันคนยากคนจนเค้าก็จะได้รับการช่วยเหลือเพราะคนที่ถือศีลอด
แล้วจะรู้ว่าความหิวมันเป็นอย่างนี้เองก็จะเกิดความรู้สึกสงสารพี่น้องร่วมศาสนาว่าคนที่ไม่มีกินเป็นอย่างไร ตัวนี้ก็จะเป็นตัวช่วยให้
ประคบรักกันอันนี้ประการหนึ่ง พอหลังจากนั้น คำว่า วันอีดิ๊ลฟิตรี นั้นก็คือการเฉลิมฉลองหลังจากที่ถือศีลอดมาครบ 1 เดือน 29 วัน
หรือ 30 วัน แล้ววันถัดมาเรียกว่าฮารีรายอ ก็จะฉลองกันด้วยการสวดมนต์เรียกว่าการละหมาดอีดิ๊ลฟิตรี หลังจากนั้นก็จะมีการเยี่ยม
ญาติกันการบริจาคสิ่งของให้กับคนยากจนรวมทั้งการให้กำลังใจกับเด็ก ๆ เช่น แจกสตางค์

การถือศีลอดใน 1 เดือน เหมือนเป็นการฝึกอบรมตนเอง หลักการถือศีลอดมีอยู่ 4 หลักการ คือ
          1.การมีพลังและความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยว เราถือยอมรับว่าอดอาหารนะหิว อดน้ำก็กระหายน้ำแต่ด้วยพลังและความตั้งใจ
อันเด็ดเดี่ยวก็อยู่ได้
          2.เป็นการฝึกระเบียบว่าถ้าถือศีลอดไม่ใช่แค่อดน้ำอดอาหารต้องฝึกระเบียบกับตัวเองด้วยไม่พูดปดไม่ทะเลาะวิวาท
          3.เป็นการสร้างความปองดองรักใคร่เพราะเมื่อถือศีลอดแล้วจะรู้แล้วว่าคนที่ยากจนคนที่หิวโหยเป็นอย่างไร
          4.เกิดความเมตตาเห็นอกเห็นใจก็อยากที่จะช่วยเหลือคนยากจน อยากที่จะช่วยเหลือคนที่ไม่มีอาหารกิน
          การถือศีลอดหนึ่งเดือนกำลังดี ถ้ามากไปกว่านี้มันก็จะเกินกำลังของคนโดยปกติทั่วไป คนบางคนอาจจะอดได้นานกว่านั้นแต่
ว่าอะไรก็ตามถ้าถูกบัญญัติเกินกว่านั้นคนจะไม่ให้ความสำคัญก็คือจะถือก็ได้ไม่ถือก็ได้ แต่ถ้า 1 เดือนมันเหมือนกับว่า 1 ปีมีแค่ครั้ง
เดียว 1 เดือนเท่านั้นที่จะได้เข้าใกล้ความเมตตาของพระเจ้ามากที่สุด การถือศีลอดเป็นบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติกับมุสลิม
ทุกคนเหมือนกันทั่วทั้งโลก เมื่อคนที่ถือศีลอดนั้น ก็คือการมีความยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้าเมื่อคนมีความยำเกรงแล้วสิ่งที่จะเกิด
ตามมาคือมันมีผลในด้านสุขภาพร่างกายกับตัวของคน ๆ นั้นด้วย ในประการต่อมาเมื่อถือศีลอดแล้วทำให้เรารู้ความสุขเป็นอย่างไร
ความกระหายเป็นอย่างไร ก็จะทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจคนยากคนจน ในการถือศีลอดศาสนายังให้บริจาคสิ่งของซึ่งเป็นอาหาร
ประจำชาติของแต่ละชาติให้กับคนยากคนจนด้วย นั่นจะทำให้เกิดความเมตตากัน เกิดความปรองดองรักใคร่กัน นี่เป็นภาษาอิสลาม
เรียกว่าฮิตมะ หรือเป็นเหตุผลที่อิสลามกำหนดการถือศีลอดให้กับมุสลิม


การยกเว้นสำหรับบุคคลกลุ่มใดบ้าง
          1.คนชราภาพไม่ต้องถือศีลอด
          2.สตรีที่ตั้งครรภ์ สตรีที่มีประจำเดือน
          3.เด็ก
          นอกจากนี้คนที่เดินทางไกลศาสนาก็อนุญาตให้ไม่ต้องถือศีลอดแต่ทั้งสตรีที่ตั้งครรภ์ สตรีที่มีประจำเดือนและคนที่เดินทาง
ไกลเมื่อพ้นจากการถือศีลอดแล้วก็ทำการถือชดใช้ในเดือนถัด ๆ ไป


           การถือศีลอดมิใช่ความอดอยากเพราะการถือศีลอดมีจุดมุ่งหมายและหลักปฏิบัติอย่างชัดเจน การที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารและ
น้ำดื่มเป็นเวลานานกว่า 12 – 13 ชั่วโมง ทางการแพทย์กล่าวไว้ว่าการถือศีลอด คือการงดเว้นจากการบริโภค การละเมิดกฏกติกา
มารยาท และการปฏิบัติตามอารมณ์ ใฝ่ต่ำนับตั้งแต่แสงรุ่งอรุณจนถึงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า การถือศีลอดจะใช้ระยะเวลาในการละ
เว้นจากสิ่งต้องห้ามโดยเฉลี่ยประมาณ 13 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งโดยปกติเราทุกคนมีการอดอาหารอยู่แล้วครั้งละ 10 – 12 ชั่วโมง คือ
หลังอาหารเย็นจนถึงมื้อแรกในเช้าวันรุ่งขึ้น ในการตรวจวินิจฉัยโรคบางอย่างแพทย์ต้องวินิจฉัยจากผลเลือด การเจาะเลือดนั้นผู้ป่วย
ก็ต้องอดอาหารมาเป็นระยะเวลา 10 – 12 ชั่วโมง
             ดังนั้นจะเห็นว่าระยะเวลาของการถือศีลอดไม่ขัดต่อหลักการทางการแพทย์แต่
จะมีความแตกต่างกันอยู่ที่ช่วงเวลาที่เป็นกลางวันหรือกลางคืน ซึ่งการถือศีลอดยึดเอาช่วงเวลากลางวันเป็นหลักก็เพราะมีจุด
ประสงค์มากกว่าการอดอาหารทั่วไป เมื่อไม่ได้บริโภคอาหารและน้ำเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ร่างกายต้องขาดพลังงานจากสาร
อาหารและต้องสูญเสียน้ำจากการขับถ่ายออกจากร่างกาย การสูญเสียน้ำมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวจะทำให้รู้สึก
กระหายน้ำ และเมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดและเซลล์ลดลงก็จะทำให้รู้สึกหิว ซึ่งจะเกิดอาการหลังจากการอดอาหารไป
แล้วประมาณ 6 – 12 ชั่วโมง ซึ่งเรียกว่าระยะหิวโหยสำหรับคนที่มีร่างกายปกติมีเจตนาอย่างแน่วแน่และมีความเชื่อมั่นในระบบ
ต่าง ๆ ในร่างกายจะช่วยประสานงานกันโดยอัตโนมัติเพื่อที่จะรักษาสมดุลให้เกิดขึ้นในร่างกายในระยะแรกร่างกายจะเริ่มมีการ
สลายพลังงานในรูปของไกโคเจนที่เก็บสะสมไว้ในตับและกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงาน ต่อมไตก็จะถูกกระตุ้นให้หลั่งเอพิเนฟรินเพิ่ม
มากขึ้น และมีผลทำให้เซลล์ใช้พลังงานลดน้อยลงถ้าพลังงานที่ได้รับจากการสลายไกลโคเจนไม่เพียงพอก็จะสลายพลังงานสำรอง
ในรูปของไขมันซึ่งกรดของไขมันอิสระออกมาสู่กระแสเลือดและจะถูกเปลี่ยนไปเป็นกลูโคสเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานต่อไป


นางสาววลัยพร  จูฑะจันทร์   ผู้เรียบเรียง
(เรียบเรียงเนื้อหาจากบทวิทยุกระจายเสียง ปี 2551)

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่