คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ทำไมคุณต้องตัดสินใจเองละ
ก็ในเมื่อ เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง
ก็หาท่านให้พบแล้วให้ท่านตัดสินใจเลือกให้
เพราะหลังจากเดินเส้นทางของพระเจ้า เรื่องอื่นในชีวิตก็ต้องให้พระเจ้าตัดสินใจนะไม่งั้นจะเรียกว่า เดินเส้นทางเดียวกับพระเจ้าหรือ
ไม่ใช่เชื่อ คุณต้องพบกับพระเจ้า พระเจ้าจึงเป็นจริงๆในชีวิต ไม่ต้องเชื่อ
มันไม่ใช่เรื่องพิธีกรรมความเชื่อของคนอื่นอะไรแบบนั้น ไม่มีศาสนาเทียม อันนั้นเรื่องของคนอื่นๆ
อย่ามองว่า ตายไปพระเจ้าจะเมตตาในความเขลาของเราไหม ให้มีชีวิตรับใช้พระเจ้าตั้งแต่มีชีวิต เป็น ทูตสวรรค์ตั้งแต่มีชีวิต
เมื่อคุณทำดีให้แก่ใครในพระนามพระเจ้าคุณก็เป็น ทูตสวรรค์ แก่คนๆนั้นเดียวนั้น
ถ้าทำชั่ว บาป คุณก็เป็น มาร แก่คนๆนั้นเดียวนั้น ไม่ต้องรอตาย
นี้เป็นเรื่องคุณกับพระเจ้า สองบุคคลที่จะเดินไปในทางร่วมกัน พระเจ้าเป็นจริงในชีวิตคุณ แล้วจึงไปรวมกับคนอื่นๆ
ส่วนเมื่อตายแล้วจะกลัวอะไร
ก็เมื่อตอนเป็นๆอยู่พระเจ้าอยู่กับคุณ ตายแล้วก็แล้วแต่พระเจ้าพิพากษา
เพราะตอนเป็นๆก็แล้วแต่พระเจ้าอยู่แล้ว
ซาตานก็ไม่ต้องไปกลัวนักหรอก กลัวตัวเอง กลัวความชั่วตัวเอง ก่อน
เพราะซาตานมันอยู่ในทุกที่ทุกศาสนาก็มีฝ่ายไม่ดี แต่ที่ลงมือทำนะ ตัวเองทั้งนั้นค่อยๆก่อเหตุปัจจัยไปที่ละหน่อยๆ
สะสมมากๆๆๆๆๆกว่าซาตานจะทำอะไรจริงๆจังๆได้ ถ้าไม่ทำชั่วเล็กๆน้อยๆค่อยๆสะสมมา
เดินอยู่บนทางของพระเจ้าจะแบบไหนศาสนาไหนๆ ตามความเชื่อในศาสนานั้นๆ ซาตานก็ไม่มาทำรุนแรงอะไรหรอก
คนเราดีด้านหนึ่งก็เสียด้านหนึ่งอย่าให้มากไปเกินเลยไปกว่าปรติการอยู่ร่วมกัน ทั่วไปก็ใจดีอภัยให้ได้
ยกตัวอย่าง-------------------
นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา (โรมันคาทอลิก 2453-2540)
"ฉันเห็นพระเจ้าในมนุษย์ทุกคน เมื่อฉันล้างบาดแผลของโรคเรื้อนฉันรู้สึกว่าฉันกำลังดูแลพระเจ้าเอง ไม่ใช่ประสบการณ์ที่สวยงามใช่หรือไม่?"
"ความคิดของฉันคืออะไร ฉันเห็นพระเยซูเจ้าในมนุษย์ทุกคน ฉันพูดกับตนเองว่า พระเยซูเจ้าหิว ฉันต้องให้อาหารพระองค์ พระเยซูเจ้าไม่สบาย คนนี้เป็นโรคเรื้อน หรือเนื้อตายเน่า ฉันต้องล้างแผลให้ ดูแลเขา ฉันรับใช้เพราะฉันรักพระเยซูเจ้า"
"การแสวงหาพระพักตร์พระเจ้าในทุกสิ่ง ทุกคน ตลอดเวลา
และแสวงหาพระหัตถ์ของพระองค์ในทุกเหตุการณ์ นี่คือสิ่งที่มีความหมาย ที่เราต้องไตร่ตรองในใจ
การมองและการนมัสการการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า เป็นพิเศษในที่ขาดอาหาร ในคนจนที่กำลังมีทุกข์"
----------------------------
มีคนแบบนี้อยู่ในทุกศาสนา
ศาสนานะเรื่องของเด็กๆที่ยังไม่ได้แสวงหาพระเจ้า พระเจ้าอยู่ทุกที่เพียงคุณหาก็พบ
คนที่โตๆแล้วรับใช้พระเจ้า เพราะ........แล้วแต่เลยแต่สิ่งนั้นๆจะเป็นไปตามพระประสงค์ศาสนาเป็นแนวทางเบื้องต้น เป็นตัวอย่างของคนอื่นๆ
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ไม่ใช่กาย ไม่ใช่พฤติกรรมอย่างเดียว
ก็ในเมื่อ เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง
ก็หาท่านให้พบแล้วให้ท่านตัดสินใจเลือกให้
เพราะหลังจากเดินเส้นทางของพระเจ้า เรื่องอื่นในชีวิตก็ต้องให้พระเจ้าตัดสินใจนะไม่งั้นจะเรียกว่า เดินเส้นทางเดียวกับพระเจ้าหรือ
ไม่ใช่เชื่อ คุณต้องพบกับพระเจ้า พระเจ้าจึงเป็นจริงๆในชีวิต ไม่ต้องเชื่อ
มันไม่ใช่เรื่องพิธีกรรมความเชื่อของคนอื่นอะไรแบบนั้น ไม่มีศาสนาเทียม อันนั้นเรื่องของคนอื่นๆ
อย่ามองว่า ตายไปพระเจ้าจะเมตตาในความเขลาของเราไหม ให้มีชีวิตรับใช้พระเจ้าตั้งแต่มีชีวิต เป็น ทูตสวรรค์ตั้งแต่มีชีวิต
เมื่อคุณทำดีให้แก่ใครในพระนามพระเจ้าคุณก็เป็น ทูตสวรรค์ แก่คนๆนั้นเดียวนั้น
ถ้าทำชั่ว บาป คุณก็เป็น มาร แก่คนๆนั้นเดียวนั้น ไม่ต้องรอตาย
นี้เป็นเรื่องคุณกับพระเจ้า สองบุคคลที่จะเดินไปในทางร่วมกัน พระเจ้าเป็นจริงในชีวิตคุณ แล้วจึงไปรวมกับคนอื่นๆ
ส่วนเมื่อตายแล้วจะกลัวอะไร
ก็เมื่อตอนเป็นๆอยู่พระเจ้าอยู่กับคุณ ตายแล้วก็แล้วแต่พระเจ้าพิพากษา
เพราะตอนเป็นๆก็แล้วแต่พระเจ้าอยู่แล้ว
ซาตานก็ไม่ต้องไปกลัวนักหรอก กลัวตัวเอง กลัวความชั่วตัวเอง ก่อน
เพราะซาตานมันอยู่ในทุกที่ทุกศาสนาก็มีฝ่ายไม่ดี แต่ที่ลงมือทำนะ ตัวเองทั้งนั้นค่อยๆก่อเหตุปัจจัยไปที่ละหน่อยๆ
สะสมมากๆๆๆๆๆกว่าซาตานจะทำอะไรจริงๆจังๆได้ ถ้าไม่ทำชั่วเล็กๆน้อยๆค่อยๆสะสมมา
เดินอยู่บนทางของพระเจ้าจะแบบไหนศาสนาไหนๆ ตามความเชื่อในศาสนานั้นๆ ซาตานก็ไม่มาทำรุนแรงอะไรหรอก
คนเราดีด้านหนึ่งก็เสียด้านหนึ่งอย่าให้มากไปเกินเลยไปกว่าปรติการอยู่ร่วมกัน ทั่วไปก็ใจดีอภัยให้ได้
ยกตัวอย่าง-------------------
นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา (โรมันคาทอลิก 2453-2540)
"ฉันเห็นพระเจ้าในมนุษย์ทุกคน เมื่อฉันล้างบาดแผลของโรคเรื้อนฉันรู้สึกว่าฉันกำลังดูแลพระเจ้าเอง ไม่ใช่ประสบการณ์ที่สวยงามใช่หรือไม่?"
"ความคิดของฉันคืออะไร ฉันเห็นพระเยซูเจ้าในมนุษย์ทุกคน ฉันพูดกับตนเองว่า พระเยซูเจ้าหิว ฉันต้องให้อาหารพระองค์ พระเยซูเจ้าไม่สบาย คนนี้เป็นโรคเรื้อน หรือเนื้อตายเน่า ฉันต้องล้างแผลให้ ดูแลเขา ฉันรับใช้เพราะฉันรักพระเยซูเจ้า"
"การแสวงหาพระพักตร์พระเจ้าในทุกสิ่ง ทุกคน ตลอดเวลา
และแสวงหาพระหัตถ์ของพระองค์ในทุกเหตุการณ์ นี่คือสิ่งที่มีความหมาย ที่เราต้องไตร่ตรองในใจ
การมองและการนมัสการการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้า เป็นพิเศษในที่ขาดอาหาร ในคนจนที่กำลังมีทุกข์"
----------------------------
มีคนแบบนี้อยู่ในทุกศาสนา
ศาสนานะเรื่องของเด็กๆที่ยังไม่ได้แสวงหาพระเจ้า พระเจ้าอยู่ทุกที่เพียงคุณหาก็พบ
คนที่โตๆแล้วรับใช้พระเจ้า เพราะ........แล้วแต่เลยแต่สิ่งนั้นๆจะเป็นไปตามพระประสงค์ศาสนาเป็นแนวทางเบื้องต้น เป็นตัวอย่างของคนอื่นๆ
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ไม่ใช่กาย ไม่ใช่พฤติกรรมอย่างเดียว
แสดงความคิดเห็น
เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะนับถือ ศาสนาอิสลาม หรือศาสนาคริสต์