วินาทีแรก…ที่ผมเจอะเจอรอยยิ้มของเธอ (จากภาพถ่าย) ผมรู้สึกเหมือนดั่งกับว่า”ต้องมนต์สะกด” โลกส่วนตัวของผมหยุดนิ่งไปชั่วขณะ (ในวินาทีนั้น) ผมไม่สามารถที่จะรับรู้ได้เลยว่า…เนิ่นนานและแสนนานเพียงใดกับเวลาที่หยุดหมุน
รอยยิ้มที่มีลักยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ได้สร้างความประทับใจให้ผมนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอะเจอ…บอกตามตรงว่าเธอคือผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมมีความรู้สึกแบบนี้
ถึงแม้ว่าโลกส่วนตัวของผมจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ แต่หัวใจของผมไม่ได้หยุดเต้นตามไปด้วย มันยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างซื่อสัตย์และชัดเจน “อยากเห็นเธอคนนี้มีรอยยิ้มแบบนี้ และขอให้มันอยู่กับเธอคนนี้ตลอดไป” นี่แหล่ะคือเสียงที่ดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของผม ที่ไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวของผมเอง
เวลาผ่านล่วงเลยเข้าสู่เดือนที่สาม ความสัมพันธ์ของเราได้พัฒนาขึ้นมาอีกในระดับหนึ่ง สารภาพตามตรงว่า... ผมแอบหนักใจเล็กน้อย เพราะว่าไลฟ์สไตล์และมุมมองของเราในบางเรื่อง บางมุม ช่างต่างกันลิบลับ…เธอค่อนข้างใจร้อน ขี้วีน และเอาแต่ใจตัวเองมากๆๆๆ ส่วนผมค่อนข้างขี้เล่น ชอบแกล้ง แต่ออกแนวทึ่มๆ เฉิ่มๆ
ในบางครั้งผมก็ถือโอกาสล่องหนไปซะดื้อๆ การเงียบหายไปของผม อาจจะทำให้เธอคิดว่า ผมเหยาะแหยะ ไม่พยายาม ไม่มีความมุ่งมั่น (นี่คือสิ่งที่ผมคิดไปเอง) การเงียบไปของผมหาได้ใช่การหนีหายไม่ แต่นั่นคือ การถอยไปเพื่อตั้งหลักศึกษายุทธศาสตร์ ”แนวรบ”…อุ๊บ!! ไม่ใช่สิ…”แนวรัก” ต่างหากล่ะ
บอกตามตรงว่า…ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเธอมาก่อนเลย หากแต่จะว่าไป ถ้าจะบอกว่าไม่เคยเจอเลยก็จะเหมือนกับว่าจะเป็นการโกหก…เพราะว่าในบางมุมของเธอในบางครั้ง เธอก็ดันไปเหมือนพระมารดาของผม…ซะงั้น ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
ยุทธศาสตร์แนวรักของผมดำเนินไปแบบช้าๆ ค่อยๆไตร่ตรองอย่างมีสติ…แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าผมจะรอบคอบสักเพียงใด ในบางครั้งระเบิดลูกใหญ่ก็ลงมาแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวตัวได้เหมือนกัน….สิบวินาทีของการตั้งรับของผม ถ้ายังสกัดเธอไม่อยู่ (พายุอารมณ์ของเธอ) สุดท้ายเมื่อเจอทางตัน ผมก็จะแกล้งเนียน แถไถ ไปเรื่อย…หากยังไม่ได้ผลผมก็จะแกล้งเนียนหลับ รึไม่ก็ตายไปซะดื้อๆ…ปล่อยให้เธอฟาดงวงฟาดงาของเธอไปตามสบาย (ซึ่งผมก็ไม่รู้นะว่าเธอจะสบายจริงๆรึป่าว หรืออาจจะกำลังคิดอยาก “บีบคอ” ผมอยู่ก็เป็นได้) …อิอิ
ทุกๆครั้งที่ผมใช้แผนยุทธศาสตร์การเนียนแล้วชิ่งหนี….ผมขอสารภาพแบบแมนๆว่ามันเกิดจากความ”ตั้งใจ”ของผมเองล้วนๆ
*ตราบใด…ที่ผมยังมีความรัก และ ความรู้สึกดีๆให้เธอคนนี้อยู่ผมจะชิ่งหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ…ตลอดไป
**หนึ่งวาจาที่เปล่งออกมาในขณะที่เรา “ลืมตัว” อาจจะทำลายล้างทุกอย่างได้ โดยเฉพาะ “ความรู้สึกดีๆที่เราเคยสร้างร่วมกันมา” นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ผมพยายามชิ่งแล้วหนีในเวลาที่เรามีมุมมองที่ไม่ตรงกัน (ซึ่งบางครั้งมันก็มีสาเหตุมาจาก เธอหึงผมมากจนเกินไปนั่นเอง) … คริคริ
นับตั้งแต่วันที่ผมรับเธอเข้ามาใน “หัวใจ” คำว่า “เหงา” สำหรับผมแล้วมันเป็นเหมือนเส้นขนานที่ผมไม่อยากให้มันเวียนมาบรรจบ…ผมมีความสุข อบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึงเธอ แค่ผมได้รู้ว่าตื่นนอนตอนเช้าได้มีใครให้ “คิดถึง”ผมก็สุขใจพอแล้ว
แต่สำหรับเธอ... เธอจะรู้สึกยังไงกับผม จะรักผมมั๊ย…จะคิดถึงผมรึป่าว ผมไม่กล้าถามเธอหรอก…ไม่ใช่ว่าผมกลัวคำตอบนะ เพราะผมก็พอจะรู้ๆอยู่ว่าคำตอบมันจะออกมายังไง
“อย่ากลัวที่จะรักใคร ในเมื่อหัวใจถูกสร้างมาเพื่อให้เราได้รัก” นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ต้องการคำตอบใดๆ
หน้าที่ๆผมควรทำและท่องจำให้ขึ้นใจคือ “หากไม่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้ ก็อย่าเพิ่มความทุกข์ให้กับเธอ” ซึ่งในบางครั้งหัวใจที่ไม่รักดีของผม มันก็ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของผมอย่างไม่น่าให้อภัย…ก็เพราะว่าในบางครั้ง มันก็ง้องแง้ง งอแง เรียกร้อง โดยที่ไม่ได้ดูว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่สมควรจะเรียกร้องรึไม่ ในบางครั้งผมก็เหนื่อยใจกับมันสุดๆ ผมกลัว และเป็นกังวลใจ เกรงว่าเธอจะรำคาญใจจนเอือมระอาผมไปในที่สุด
*ความสุขของผมคือการได้รักและเห็นเธอมีความสุข …ก็เท่านั้น หากแม้ว่าวันใดวันหนึ่ง เธออาจจะไม่มีความต้องการที่จะอยู่ตรงจุดนี้…ผมก็ยินดีนะ ยินดีกับสิ่งนั้นอย่างเต็มใจ ถ้าจะถามว่า “ทำไมผมถึงยอมปล่อยมือทั้งๆที่มีรักอยู่เต็มหัวใจ” คำตอบของผมก็คือ…รักไม่จำเป็นต้องได้ครอบครองเสมอไป
***หากทำดีที่สุดแล้ว…ไม่มีอะไรให้น่าเสียใจ
*** ทำก่อนที่จะไม่ได้ทำ…พูดก่อนที่จะไม่ได้พูด
>>>>>>>>>>>>>>>> Love you so much <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
บันทึกรักของผม>>>คุณหนูอารมณ์ร้ายกะนายเฉิ่ม
รอยยิ้มที่มีลักยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ได้สร้างความประทับใจให้ผมนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอะเจอ…บอกตามตรงว่าเธอคือผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมมีความรู้สึกแบบนี้
ถึงแม้ว่าโลกส่วนตัวของผมจะหยุดหมุนไปชั่วขณะ แต่หัวใจของผมไม่ได้หยุดเต้นตามไปด้วย มันยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างซื่อสัตย์และชัดเจน “อยากเห็นเธอคนนี้มีรอยยิ้มแบบนี้ และขอให้มันอยู่กับเธอคนนี้ตลอดไป” นี่แหล่ะคือเสียงที่ดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของผม ที่ไม่มีใครได้ยิน นอกจากตัวของผมเอง
เวลาผ่านล่วงเลยเข้าสู่เดือนที่สาม ความสัมพันธ์ของเราได้พัฒนาขึ้นมาอีกในระดับหนึ่ง สารภาพตามตรงว่า... ผมแอบหนักใจเล็กน้อย เพราะว่าไลฟ์สไตล์และมุมมองของเราในบางเรื่อง บางมุม ช่างต่างกันลิบลับ…เธอค่อนข้างใจร้อน ขี้วีน และเอาแต่ใจตัวเองมากๆๆๆ ส่วนผมค่อนข้างขี้เล่น ชอบแกล้ง แต่ออกแนวทึ่มๆ เฉิ่มๆ
ในบางครั้งผมก็ถือโอกาสล่องหนไปซะดื้อๆ การเงียบหายไปของผม อาจจะทำให้เธอคิดว่า ผมเหยาะแหยะ ไม่พยายาม ไม่มีความมุ่งมั่น (นี่คือสิ่งที่ผมคิดไปเอง) การเงียบไปของผมหาได้ใช่การหนีหายไม่ แต่นั่นคือ การถอยไปเพื่อตั้งหลักศึกษายุทธศาสตร์ ”แนวรบ”…อุ๊บ!! ไม่ใช่สิ…”แนวรัก” ต่างหากล่ะ
บอกตามตรงว่า…ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเธอมาก่อนเลย หากแต่จะว่าไป ถ้าจะบอกว่าไม่เคยเจอเลยก็จะเหมือนกับว่าจะเป็นการโกหก…เพราะว่าในบางมุมของเธอในบางครั้ง เธอก็ดันไปเหมือนพระมารดาของผม…ซะงั้น ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
ยุทธศาสตร์แนวรักของผมดำเนินไปแบบช้าๆ ค่อยๆไตร่ตรองอย่างมีสติ…แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าผมจะรอบคอบสักเพียงใด ในบางครั้งระเบิดลูกใหญ่ก็ลงมาแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวตัวได้เหมือนกัน….สิบวินาทีของการตั้งรับของผม ถ้ายังสกัดเธอไม่อยู่ (พายุอารมณ์ของเธอ) สุดท้ายเมื่อเจอทางตัน ผมก็จะแกล้งเนียน แถไถ ไปเรื่อย…หากยังไม่ได้ผลผมก็จะแกล้งเนียนหลับ รึไม่ก็ตายไปซะดื้อๆ…ปล่อยให้เธอฟาดงวงฟาดงาของเธอไปตามสบาย (ซึ่งผมก็ไม่รู้นะว่าเธอจะสบายจริงๆรึป่าว หรืออาจจะกำลังคิดอยาก “บีบคอ” ผมอยู่ก็เป็นได้) …อิอิ
ทุกๆครั้งที่ผมใช้แผนยุทธศาสตร์การเนียนแล้วชิ่งหนี….ผมขอสารภาพแบบแมนๆว่ามันเกิดจากความ”ตั้งใจ”ของผมเองล้วนๆ
*ตราบใด…ที่ผมยังมีความรัก และ ความรู้สึกดีๆให้เธอคนนี้อยู่ผมจะชิ่งหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ…ตลอดไป
**หนึ่งวาจาที่เปล่งออกมาในขณะที่เรา “ลืมตัว” อาจจะทำลายล้างทุกอย่างได้ โดยเฉพาะ “ความรู้สึกดีๆที่เราเคยสร้างร่วมกันมา” นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ผมพยายามชิ่งแล้วหนีในเวลาที่เรามีมุมมองที่ไม่ตรงกัน (ซึ่งบางครั้งมันก็มีสาเหตุมาจาก เธอหึงผมมากจนเกินไปนั่นเอง) … คริคริ
นับตั้งแต่วันที่ผมรับเธอเข้ามาใน “หัวใจ” คำว่า “เหงา” สำหรับผมแล้วมันเป็นเหมือนเส้นขนานที่ผมไม่อยากให้มันเวียนมาบรรจบ…ผมมีความสุข อบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึงเธอ แค่ผมได้รู้ว่าตื่นนอนตอนเช้าได้มีใครให้ “คิดถึง”ผมก็สุขใจพอแล้ว
แต่สำหรับเธอ... เธอจะรู้สึกยังไงกับผม จะรักผมมั๊ย…จะคิดถึงผมรึป่าว ผมไม่กล้าถามเธอหรอก…ไม่ใช่ว่าผมกลัวคำตอบนะ เพราะผมก็พอจะรู้ๆอยู่ว่าคำตอบมันจะออกมายังไง
“อย่ากลัวที่จะรักใคร ในเมื่อหัวใจถูกสร้างมาเพื่อให้เราได้รัก” นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ต้องการคำตอบใดๆ
หน้าที่ๆผมควรทำและท่องจำให้ขึ้นใจคือ “หากไม่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้ ก็อย่าเพิ่มความทุกข์ให้กับเธอ” ซึ่งในบางครั้งหัวใจที่ไม่รักดีของผม มันก็ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของผมอย่างไม่น่าให้อภัย…ก็เพราะว่าในบางครั้ง มันก็ง้องแง้ง งอแง เรียกร้อง โดยที่ไม่ได้ดูว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่สมควรจะเรียกร้องรึไม่ ในบางครั้งผมก็เหนื่อยใจกับมันสุดๆ ผมกลัว และเป็นกังวลใจ เกรงว่าเธอจะรำคาญใจจนเอือมระอาผมไปในที่สุด
*ความสุขของผมคือการได้รักและเห็นเธอมีความสุข …ก็เท่านั้น หากแม้ว่าวันใดวันหนึ่ง เธออาจจะไม่มีความต้องการที่จะอยู่ตรงจุดนี้…ผมก็ยินดีนะ ยินดีกับสิ่งนั้นอย่างเต็มใจ ถ้าจะถามว่า “ทำไมผมถึงยอมปล่อยมือทั้งๆที่มีรักอยู่เต็มหัวใจ” คำตอบของผมก็คือ…รักไม่จำเป็นต้องได้ครอบครองเสมอไป
***หากทำดีที่สุดแล้ว…ไม่มีอะไรให้น่าเสียใจ
*** ทำก่อนที่จะไม่ได้ทำ…พูดก่อนที่จะไม่ได้พูด
>>>>>>>>>>>>>>>> Love you so much <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<