หมู่เกาะอ่างทอง
นี่ก็เป็นอีกครั้งนึง ที่การเดินทางของผม เกิดขึ้นจากการที่ได้เห็นรูปภาพเพียงใบเดียว ในภาพนั้น ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกเสียจาก ท้องฟ้า ทะเล และ หมู่เกาะอ่างทอง ที่ทอดตัวเรียงราย ท่ามกลาง ทะเลอ่าวไทย จนสุดสายตา
ไม่นานนัก ต่อม อยากเที่ยวของผมมันก็เริ่มทำงานทันที โดยเริ่มต้นจาก หาข้อมูล ต่างๆ นาๆ วางแผน หาวันเหมาะๆเพียง ประเดี๋ยว ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
หลายวันต่อมา กระเป๋าใหญ่ สิบใบ คนสิบคน ก็ได้มาเจอกันโดยนัดหมาย นี่แหละคือจุดเริ่มต้นการเดินทางในทริปนี้
พวกเราใช้เวลาจาก กรุงเทพ ที่แสนวุ่นวาย หนีลงใต้ สู่จังหวัด สุราษฎร์ธานี รวมทั้งสิ้น เก้าชั่วโมง หลังจาก รถจอด ที่ท่าเรือ พวกเราไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งลงจากรถ คว้ากระเป๋า แล้วซื้อตั๋วเรือรอบแรก เวลา หกโมงเช้าทันที เพราะนี่มันเวลา ตีห้า ห้าสิบ
พระเจ้า! อีกสิบนาทีเรือจะออก ถ้าเราพลาดเรือรอบนี้ ทกอย่างพังหมดแน่นอนครับ แต่เราก็วิ่งมาลงเรือด้วยความฉิวเฉียด
เมื่อพวกเราขึ้นเรือเรียบร้อย วางเป้และ สัมภาระ ลง ไม่นานนัก เรือก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากท่า พวกเราทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วต่างยิ้มและหัวเราะ “
…ทันว่ะ” ผมเอ่ยกับเพื่อนๆ
เรือค่อยๆเคลื่อนออกมาจากฝั่ง และไม่นาน รอบๆตัวพวกเราเริ่มเปลี่ยนไป ผืนดิน ค่อยๆ จางลงและแทนที่ด้วยผืนน้ำ พวกเราต่างคนต่างเดินเล่นรอบๆ เรือราวกับไม่เคยขึ้นเรือ กันมาก่อนหยั่งไงหยั่งงั้น และจะ พลาด การถ่ายรูปเล่นกันบนเรือเสียได้อย่างไร การถ่ายรูปเล่นบนเรือก็เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับพวกเรา ท้องฟ้า ค่อยๆ เปลี่ยน สีจาก ดำ เป็น ส้มสลัวๆ นั่นไง ดวงอาทิตย์ เริ่มทำงานแล้ว เราเราก็ยังทำงานของเรากันต่อ ถ่ายรูปกันไม่หยุด สิครับ! เมื่อท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีฟ้า ก็ได้เวลาเหมาะ ๆ ที่จะมานั่งหลบ แดด ล้างหน้าแปรงฟันกันเสียที หลังจาก กิจกรรมแรกๆ บนเรือ เริ่มหมด มุมถ่ายภาพ
พวกเรานั่ง เรือมาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง แล้ว ตอนนี้ เรือก็กำลังจะเข้าท่า ที่ฝั่ง สมุย แต่ที่นี่ ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของเราสำหรับวันนี้ เมื่อเรือเทียบท่าเรียบร้อย พวกเราก็ต้อง ขนข้าวขนของ และ ออกเดินกันสักพักเพื่อที่จะมายังเรือลำต่อไป ที่จอดรอเราอยู่ ใกล้ๆกัน และเรือ ลำนี้จะพาพวกเรา มุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะอ่างทอง
“เชิญกินอาหารเช้า ได้ตามสบายกันเลยนะครับ” เสียงจากไกด์บนเรือของพวกเราเอ่ยขึ้น เป็นการดีเยี่ยมเลยครับสำหรับอาหารมื้อเช้าของวัน ถึงแม้นมันจะดูไม่ค่อยหนักท้องสักเท่าไหร่ แต่มันดีตรงที่กินได้แบบ unlimited นี่ละครับ ค่อยยังชั่ว
ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ ขบวนรถตู้หลายคันก็ได้มาจอดเทียบท่าพร้อมกับ นำ นักท่องเที่ยว ผมสีทองบ้าง สีดำบ้าง มาส่งขึ้นเรือ ลำที่พวกเรากำลังนั่งอยู่ และนี่คือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะออกเรือไปพร้อมกับพวกเรา
เวลา แปดโมง กว่า ได้เวลาที่เรือจะต้องออกเดินทางกันล่ะครับ พวกนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ คงแปลกใจกันไม่น้อยเมื่อเห็น สัมภาระ ของพวกเรา เพราะปกติ พวกนักท่องเที่ยวจะ ไปกันแบบตัวปล่าว เพราะถึงอย่างไร ตอนเย็น พวกเขาต้องกลับมายังที่ฝั่งและเข้าพักยัง ที่พักของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากพวกเราโดยสิ้นเชิง คืนนี้ที่พักของพวกเรา คือที่ เกาะวัวตาหลับ
เมื่อ เรือแล่นผ่านกลางทะเลมาได้พักใหญ่ๆ “ทุกคนครับมารวมกันทางนี้สักนิดนึงครับ” เสียง จากไกด์ของเรือพูดขึ้นมาพร้องกับ นำฟิวเจอร์บอร์ด ขนาดกำลังเหมาะ ติดรูป เกาะต่างๆ ไว้อย่างสวยงาม นำมาอธิบายให้พวกเราฟัง ซึ่งก็ขณะที่พูดก็ พลางเอามือชี้รูปแต่ละรูปพร้อมกับคำอธิบาย โดยเกาะแรกที่พวกเราจะแวะกันก็คือ เกาะแม่เกาะ โดยภายในเกาะ จะมีทะเลใน ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็ม เมื่อเรือเทียบท่าพวกเราไม่รีรอ ดิ่งไปยังทะเลในกันเลย ที่เกาะนี้ ทางเดิน และขั้นบันได้ถูกทำได้เรียบร้อย ไม่ต้องปีบป่ายอะไรให้ยาก แล้วแม้ว่า บันไดและทางเดินได้ถูกจัดเรียงไว้แล้วก็ตาม แต่มันชัน มว๊ากกก…ต้องระวังกันเป็นพิเศษ หลังจากเดินมาสักพัก ภาพที่เราเห็นกันเบื้องหน้า เราก็คือทะเลใน น้ำใส นิ่งสนิท โอบล้อมด้วย เขา โอ้ววแม่เจ้า แต่น้ำในนี้ทางอุทยานไม่ให้กระโดด ลงเล่นน้ำนะครับ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมเอาไว้ ให้ลูกหลานมาดูบ้าง พวกเราเดินเล่นกันสักพักและก็เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวมุมสูงของเกาะ ด้านหน้าของเราคือทะเลในมุมสูง ครับ แต่ผม ตะลึงกับ ภาพ ด้านหลังมากกว่า เป็นหมู่เกาะอ่างทองมุมสูงมุมแรกที่พวกเราได้เห็น เหล่าเกาะเล็กเกาะน้อย ถูกจัดเรียงกันตามแบบของธรรมชาติ ได้เวลานัดหมาย สำหรับการล่ำลา เกาะนี้แล้วครับ พวกเรากลับขึ้นเรืออีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยัง จุดหมายต่อไป อ๋อ ลืมสนิท อาหารเที่ยง! ไม่ต้องกังวลไป เพราะ หลังจากเราขึ้นเรือ ทางไกด์ได้เตรียมอาหาร และน้ำดื่มไว้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยมเลย พวกเรากินมื้อเที่ยงกันบนเรือ พร้อมกับการออกเดินทางไป เกาะวัวตาหลับ
โอ่ว…. คนเต็มเลย ผมคิดในใจ เมื่อเรือ เข้าใกล้เกาะวัวตาหลับ แต่ผมไม่สน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็กลับกันหมดแล้ว และต่อไป ชายหาดก็จะเป็นหาดส่วนตัว เพราะคืนนี้เราจะพักกันที่นี่ ผมคิดในใจ
เวลาประมาณ บ่ายแก่ๆ ผู้คนที่ก็เริ่มค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ รวมทั้งจำนวนเรือที่ทอดสมอกันอยู่มากมากเริ่มหายไปที่ละลำสองลำ จน เหลืออยู่ไม่กี่ลำ รวมทั้งเรือที่เราใช้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ด้วย หลังจากนี้เรามีเวลาบนเกาะนี้อีก 24 ชั่วโมงเต็มๆ แล้วเรือลำเดิมก็จะกลับมารับเรา
พวกเราไม่รอช้า รีบขึ้นไปชมจุดชมวิวซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ ของที่นี่กัน หนทางชั่งลำบากยิ่งนัก ช่วงแรกๆแค่เรียกน้ำจิ้ม แต่ไอ้ห้าสิบเมตร ก่อนถึงจุดชมวิวนี่สิ หยั่งกะงานตรุษจีน ให้เดินผ่านมีดปลายแหลมๆ เป็นร้อยๆเล่ม แต่คุ้มคับ ต้องลองไปโดนเองกันบ้าง ฮ่าๆๆๆ ควรเตรียมถุงมือและใส่รองเท้ากันนะครับ
หลังจากชื่นชมความงาม จนสู้กับความร้อนของแสงแดดไม่ไหว พวกเราก็ตัดสินใจลงมาด้านล่างหากิจกรรมอย่างอื่น ทำกันต่อ คือเล่นน้ำครับ ผูกเปล กางเต้นท์ จัดที่นอน
ส่วนเรื่องอาหารเย็นไม่ต้องห่วง ครับบนเกาะมีร้านอาหารบริการ สบายไป มีตังซะอย่าง แต่ร้านอาหารบนเกาะจะเปิดปิดเป็นเวลานะครับ คือ เช้า กลางวัน เย็น หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จ พวกเราเริ่มหาทำเลเหมาะๆ นั่งคุยกันก่อนจะแยกย้ายกันนอน บนเกาะตอนกลางคืนเงียบมากครับ และจะดับไฟประมาณ สี่ทุ่ม สภาพอกาศค่อนข้างร้อน โชคดีของผมที่ เอาเปลไปผูกนอน จึงสบายไป
รุ่งเช้าพวกเราทำธุระและกินข้าวเรียบร้อย ก็ได้เวลาหากิจกรรมทำกันละครับ พวกเราได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ให้ไปลองเหมาเรือไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ และดำน้ำตื้นกัน มีหรือที่พวกเราจะไม่จัด ลุย!
พอเที่ยงกว่าๆ เรือลำเดิมกับเมื่อวานที่พวกเรามาก็มาจอดอยู่หน้าชายหาด นั่นเป็นสัญญาณว่าเราควรจะเก็บของและเตรียมตัวที่จะกลับกันได้แล้ว บาย…วัวตาหลับ.
[CR] (Review) หมู่เกาะอ่างทอง เมืองร้อยเกาะ กับการรีวิวครั้งแรก
หมู่เกาะอ่างทอง
นี่ก็เป็นอีกครั้งนึง ที่การเดินทางของผม เกิดขึ้นจากการที่ได้เห็นรูปภาพเพียงใบเดียว ในภาพนั้น ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกเสียจาก ท้องฟ้า ทะเล และ หมู่เกาะอ่างทอง ที่ทอดตัวเรียงราย ท่ามกลาง ทะเลอ่าวไทย จนสุดสายตา
ไม่นานนัก ต่อม อยากเที่ยวของผมมันก็เริ่มทำงานทันที โดยเริ่มต้นจาก หาข้อมูล ต่างๆ นาๆ วางแผน หาวันเหมาะๆเพียง ประเดี๋ยว ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
หลายวันต่อมา กระเป๋าใหญ่ สิบใบ คนสิบคน ก็ได้มาเจอกันโดยนัดหมาย นี่แหละคือจุดเริ่มต้นการเดินทางในทริปนี้
พวกเราใช้เวลาจาก กรุงเทพ ที่แสนวุ่นวาย หนีลงใต้ สู่จังหวัด สุราษฎร์ธานี รวมทั้งสิ้น เก้าชั่วโมง หลังจาก รถจอด ที่ท่าเรือ พวกเราไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งลงจากรถ คว้ากระเป๋า แล้วซื้อตั๋วเรือรอบแรก เวลา หกโมงเช้าทันที เพราะนี่มันเวลา ตีห้า ห้าสิบ
พระเจ้า! อีกสิบนาทีเรือจะออก ถ้าเราพลาดเรือรอบนี้ ทกอย่างพังหมดแน่นอนครับ แต่เราก็วิ่งมาลงเรือด้วยความฉิวเฉียด
เมื่อพวกเราขึ้นเรือเรียบร้อย วางเป้และ สัมภาระ ลง ไม่นานนัก เรือก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากท่า พวกเราทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วต่างยิ้มและหัวเราะ “…ทันว่ะ” ผมเอ่ยกับเพื่อนๆ
เรือค่อยๆเคลื่อนออกมาจากฝั่ง และไม่นาน รอบๆตัวพวกเราเริ่มเปลี่ยนไป ผืนดิน ค่อยๆ จางลงและแทนที่ด้วยผืนน้ำ พวกเราต่างคนต่างเดินเล่นรอบๆ เรือราวกับไม่เคยขึ้นเรือ กันมาก่อนหยั่งไงหยั่งงั้น และจะ พลาด การถ่ายรูปเล่นกันบนเรือเสียได้อย่างไร การถ่ายรูปเล่นบนเรือก็เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับพวกเรา ท้องฟ้า ค่อยๆ เปลี่ยน สีจาก ดำ เป็น ส้มสลัวๆ นั่นไง ดวงอาทิตย์ เริ่มทำงานแล้ว เราเราก็ยังทำงานของเรากันต่อ ถ่ายรูปกันไม่หยุด สิครับ! เมื่อท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีฟ้า ก็ได้เวลาเหมาะ ๆ ที่จะมานั่งหลบ แดด ล้างหน้าแปรงฟันกันเสียที หลังจาก กิจกรรมแรกๆ บนเรือ เริ่มหมด มุมถ่ายภาพ
พวกเรานั่ง เรือมาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง แล้ว ตอนนี้ เรือก็กำลังจะเข้าท่า ที่ฝั่ง สมุย แต่ที่นี่ ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของเราสำหรับวันนี้ เมื่อเรือเทียบท่าเรียบร้อย พวกเราก็ต้อง ขนข้าวขนของ และ ออกเดินกันสักพักเพื่อที่จะมายังเรือลำต่อไป ที่จอดรอเราอยู่ ใกล้ๆกัน และเรือ ลำนี้จะพาพวกเรา มุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะอ่างทอง
“เชิญกินอาหารเช้า ได้ตามสบายกันเลยนะครับ” เสียงจากไกด์บนเรือของพวกเราเอ่ยขึ้น เป็นการดีเยี่ยมเลยครับสำหรับอาหารมื้อเช้าของวัน ถึงแม้นมันจะดูไม่ค่อยหนักท้องสักเท่าไหร่ แต่มันดีตรงที่กินได้แบบ unlimited นี่ละครับ ค่อยยังชั่ว
ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ ขบวนรถตู้หลายคันก็ได้มาจอดเทียบท่าพร้อมกับ นำ นักท่องเที่ยว ผมสีทองบ้าง สีดำบ้าง มาส่งขึ้นเรือ ลำที่พวกเรากำลังนั่งอยู่ และนี่คือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะออกเรือไปพร้อมกับพวกเรา
เวลา แปดโมง กว่า ได้เวลาที่เรือจะต้องออกเดินทางกันล่ะครับ พวกนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ คงแปลกใจกันไม่น้อยเมื่อเห็น สัมภาระ ของพวกเรา เพราะปกติ พวกนักท่องเที่ยวจะ ไปกันแบบตัวปล่าว เพราะถึงอย่างไร ตอนเย็น พวกเขาต้องกลับมายังที่ฝั่งและเข้าพักยัง ที่พักของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากพวกเราโดยสิ้นเชิง คืนนี้ที่พักของพวกเรา คือที่ เกาะวัวตาหลับ
เมื่อ เรือแล่นผ่านกลางทะเลมาได้พักใหญ่ๆ “ทุกคนครับมารวมกันทางนี้สักนิดนึงครับ” เสียง จากไกด์ของเรือพูดขึ้นมาพร้องกับ นำฟิวเจอร์บอร์ด ขนาดกำลังเหมาะ ติดรูป เกาะต่างๆ ไว้อย่างสวยงาม นำมาอธิบายให้พวกเราฟัง ซึ่งก็ขณะที่พูดก็ พลางเอามือชี้รูปแต่ละรูปพร้อมกับคำอธิบาย โดยเกาะแรกที่พวกเราจะแวะกันก็คือ เกาะแม่เกาะ โดยภายในเกาะ จะมีทะเลใน ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็ม เมื่อเรือเทียบท่าพวกเราไม่รีรอ ดิ่งไปยังทะเลในกันเลย ที่เกาะนี้ ทางเดิน และขั้นบันได้ถูกทำได้เรียบร้อย ไม่ต้องปีบป่ายอะไรให้ยาก แล้วแม้ว่า บันไดและทางเดินได้ถูกจัดเรียงไว้แล้วก็ตาม แต่มันชัน มว๊ากกก…ต้องระวังกันเป็นพิเศษ หลังจากเดินมาสักพัก ภาพที่เราเห็นกันเบื้องหน้า เราก็คือทะเลใน น้ำใส นิ่งสนิท โอบล้อมด้วย เขา โอ้ววแม่เจ้า แต่น้ำในนี้ทางอุทยานไม่ให้กระโดด ลงเล่นน้ำนะครับ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมเอาไว้ ให้ลูกหลานมาดูบ้าง พวกเราเดินเล่นกันสักพักและก็เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวมุมสูงของเกาะ ด้านหน้าของเราคือทะเลในมุมสูง ครับ แต่ผม ตะลึงกับ ภาพ ด้านหลังมากกว่า เป็นหมู่เกาะอ่างทองมุมสูงมุมแรกที่พวกเราได้เห็น เหล่าเกาะเล็กเกาะน้อย ถูกจัดเรียงกันตามแบบของธรรมชาติ ได้เวลานัดหมาย สำหรับการล่ำลา เกาะนี้แล้วครับ พวกเรากลับขึ้นเรืออีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยัง จุดหมายต่อไป อ๋อ ลืมสนิท อาหารเที่ยง! ไม่ต้องกังวลไป เพราะ หลังจากเราขึ้นเรือ ทางไกด์ได้เตรียมอาหาร และน้ำดื่มไว้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยมเลย พวกเรากินมื้อเที่ยงกันบนเรือ พร้อมกับการออกเดินทางไป เกาะวัวตาหลับ
โอ่ว…. คนเต็มเลย ผมคิดในใจ เมื่อเรือ เข้าใกล้เกาะวัวตาหลับ แต่ผมไม่สน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็กลับกันหมดแล้ว และต่อไป ชายหาดก็จะเป็นหาดส่วนตัว เพราะคืนนี้เราจะพักกันที่นี่ ผมคิดในใจ
เวลาประมาณ บ่ายแก่ๆ ผู้คนที่ก็เริ่มค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ รวมทั้งจำนวนเรือที่ทอดสมอกันอยู่มากมากเริ่มหายไปที่ละลำสองลำ จน เหลืออยู่ไม่กี่ลำ รวมทั้งเรือที่เราใช้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้ด้วย หลังจากนี้เรามีเวลาบนเกาะนี้อีก 24 ชั่วโมงเต็มๆ แล้วเรือลำเดิมก็จะกลับมารับเรา
พวกเราไม่รอช้า รีบขึ้นไปชมจุดชมวิวซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ ของที่นี่กัน หนทางชั่งลำบากยิ่งนัก ช่วงแรกๆแค่เรียกน้ำจิ้ม แต่ไอ้ห้าสิบเมตร ก่อนถึงจุดชมวิวนี่สิ หยั่งกะงานตรุษจีน ให้เดินผ่านมีดปลายแหลมๆ เป็นร้อยๆเล่ม แต่คุ้มคับ ต้องลองไปโดนเองกันบ้าง ฮ่าๆๆๆ ควรเตรียมถุงมือและใส่รองเท้ากันนะครับ
หลังจากชื่นชมความงาม จนสู้กับความร้อนของแสงแดดไม่ไหว พวกเราก็ตัดสินใจลงมาด้านล่างหากิจกรรมอย่างอื่น ทำกันต่อ คือเล่นน้ำครับ ผูกเปล กางเต้นท์ จัดที่นอน
ส่วนเรื่องอาหารเย็นไม่ต้องห่วง ครับบนเกาะมีร้านอาหารบริการ สบายไป มีตังซะอย่าง แต่ร้านอาหารบนเกาะจะเปิดปิดเป็นเวลานะครับ คือ เช้า กลางวัน เย็น หลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จ พวกเราเริ่มหาทำเลเหมาะๆ นั่งคุยกันก่อนจะแยกย้ายกันนอน บนเกาะตอนกลางคืนเงียบมากครับ และจะดับไฟประมาณ สี่ทุ่ม สภาพอกาศค่อนข้างร้อน โชคดีของผมที่ เอาเปลไปผูกนอน จึงสบายไป
รุ่งเช้าพวกเราทำธุระและกินข้าวเรียบร้อย ก็ได้เวลาหากิจกรรมทำกันละครับ พวกเราได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ให้ไปลองเหมาเรือไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ และดำน้ำตื้นกัน มีหรือที่พวกเราจะไม่จัด ลุย!
พอเที่ยงกว่าๆ เรือลำเดิมกับเมื่อวานที่พวกเรามาก็มาจอดอยู่หน้าชายหาด นั่นเป็นสัญญาณว่าเราควรจะเก็บของและเตรียมตัวที่จะกลับกันได้แล้ว บาย…วัวตาหลับ.