(คำเตือน: เรื่องยาวมาก)
เริ่มสับสนในตัวเอง
เริ่มหวั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดมาตลอด มันจะเป็นแค่อุดมคติที่ไม่มีวันเป็นจริง
กลัวว่าที่จริงแล้ว เราก็มันก็แค่คนไม่เอาไหน ไม่อดทน อีโก้สูง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เราได้งาน Front ของคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่
เป็นคลินิกที่ค่อนข้างหรูหราและไฮเทค ค่าบริการค่อนข้างแพง
ที่เราสมัครไป เพราะเห็นว่าได้ใช้ภาษาอังกฤษพูดกับลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาติ
เป้าหมายของเรา คือได้ฝึกภาษาและได้เงินพอเลี้ยงตัวเอง (เราไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเท่าไหร่)
และเราคิดว่างาน Front คงไม่ได้หนักหนาปวดกบาลอะไรมากมาย (ซึ่งผิดมหันต์เลย)
คลินิกนี้เรียกเราไปสัมภาษณ์เมื่อวาน โดยคุณหมอเป็นคนสัมภาษณ์
พูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง คุณหมอตกลงที่จะรับเราเข้าทำงาน
เราเรียกเงินเดือนไป 10k ซึ่งเราคิดว่ามันสมเหตุสมผลกับหน้าที่ที่เขาอธิบาย แถมยังต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักด้วย
(ใจจริงอยากได้มากกว่านี้ แต่คิดว่าคงไม่ได้ เพราะงานเชียงใหม่งกเงินเดือนมาก)
ปรากฏว่าคุณหมอขอต่อเงินเดือนเราเหลือ 9k ซึ่งเราก็โอเค เพราะยังพออยู่ได้ แม้จะแทบไม่เหลือเก็บเลยก็ตาม
งานทำเป็นกะ
หมอบอกว่าทำงาน 8 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมง
แต่บางวันอาจได้ทำงานนานถึง 12-13 ชั่วโมง (บังคับทำ แล้วแต่เขาจัดตารางให้ มีค่าโอที)
มีวันหยุดแค่เดือนละ 4 วัน ไม่หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่มีสวัสดิการอื่นนอกจากประกันสังคม
ที่ยิ่งกว่านั้นคือ หมอต้องการให้เราเริ่มงานทันทีในวันรุ่งขึ้น ไม่มีเวลาให้เตรียมตัวใดๆ ทั้งสิ้น
พอเราเริ่มงานวันนี้ ปรากฏว่า
อนุญาตให้พักเที่ยงรับประทานอาหารได้เพียง 30 นาทีเท่านั้น!
และไม่มีการพักใดๆ อีก สรุปคือ 1 กะได้พักเพียง 30 นาที (ผิดกฎหมายหรือไม่??)
แต่คิดว่ากฎหมายคงทำอะไรไม่ได้ เพราะที่นี่ไม่มีร่างกฎเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีเวลาพักเที่ยงที่ตายตัว
พนักงานจะผลัดกันพัก แต่ไม่เกิน 30 นาที รู้กันเองว่าห้ามเกิน
พนักงาน Front ที่นี่ไม่มีสัญญาว่าจ้าง เป็นสัญญาปากเปล่า
เขาไม่ได้ขอเก็บเอกสารของเราด้วยซ้ำไป (สำเนาบัตร ทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา ฯลฯ)
ไม่มี HR คอยดูแลพนักงาน เรื่องเงินเดือนและเรื่องประกันสังคม คุณหมอเป็นจัดการทุกอย่าง
ไม่มีบัตรประจำตัวพนักงาน ไม่มีสวัสดิการอื่นๆ
"หน้าที่ของ Front ที่เราทำนั้น เป็นหน้าที่ที่รับผิดชอบทุกสิ่งอย่าง
ตั้งแต่ต้อนรับ เก็บประวัติคนไข้ ทำทะเบียนคนไข้เก่าใหม่ re-check แฟ้มคนไข้ทั้งหมด (คาดว่าเป็นหมื่นคน เปิดคลินิกมาเป็นสิบปี)
ทำตารางนัดของคนไข้ โทรนัด รับโทรศัพท์ทั้งสายนอกจากคนไข้และสายในจากทันตแพทย์ ส่งเมลล์ เปิดเมลล์
ติดต่อประสานงานทุกแผนก จัดการปัญหาตารางคิวของหมอและคนไข้ จัดการใบรับรองแพทย์ จ่ายยาตามใบสั่ง(แต่ไม่มีคุณหมอมาดู ให้รุ่นพี่สอนยารุ่นน้องเอง) เช็คประวัติการรักษาคนไข้ (แพ้ยาอะไร หรือทานยาอะไรอยู่) คิดเงิน
นอกจากนี้ Front ยังต้องจำชื่อจริง ชื่อเล่นและเฉพาะทางของคุณหมอฟันทั้งหมดสิบกว่าท่านให้ได้
จำตารางงานของคุณหมอทุกคน พยายามจำให้ได้ว่าแต่ละวัน มีคนไข้ชื่ออะไรและนัดกับคุณหมอท่านไหน
รู้ขั้นตอนกระบวนการทันตกรรมต่างๆ เช่นก่อนจะรักษารากฟันต้องทำอะไรก่อน ถ้าหากมีคุณหมอมาถามอะไรต้องตอบได้หมด ห้ามตอบช้า
ลูกค้าถามอะไร ต้องตอบได้ ห้ามตอบช้า เพราะมันดูไม่ฉลาด
จำราคาของบริการแต่ละอย่างได้แม่นยำ รวมถึงประเภทวัสดุและความแตกต่างของแต่ละอย่างได้"
อันนี้คือเท่าที่เรารู้มาจากวันนี้ แต่คาดว่างานคงมีเยอะกว่านี้อีก
(และต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่ด้วย ศัพท์เทคนิค ศัพท์เฉพาะเยอะมาก)
ยอมรับเลยว่าเราท้อมาก ขอบเขตรับผิดชอบมันกว้างและเยอะเหลือเกิน
งานธุรการแทนที่จะจ้างคนมาทำ กลับให้ Front ทำงานเอกสารทุกอย่างหมด
เราคิดว่าถ้างานมันต้องรับผิดชอบมากขนาดนี้ เงินเดือนแค่ 9k มันไม่เหมาัะสม และเอารัดเอาเปรียบมากๆ (ขั้นต่ำสุดของแรงงานเลย)
เราคุยเรื่องนี้กับพ่อ เราบอกเลยว่าเราท้อมาก และได้บอกสิ่งที่เราไม่พอใจตามข้างบน
แต่พ่อเราไม่ยอมรับความคิดเรา พ่อบอกว่าเราอยู่แต่โลกอุดมคติ ทุกสิ่งต้องเป็นไปตามที่เราคาดหวัง
เราไม่อดทนกับงาน แล้วแบบนี้จะใช้ชีวิตรอดเหรอ
พ่อบอกว่า พ่อไม่ได้อยากให้เราทำงานนี้ไปจนตาย แต่อยากให้เราผ่านโปรก่อน ให้เรารู้งานนี้แบบทะลุก่อน
ถึงตอนนั้นจะออก พ่อก็ไม่ว่า
แต่สำหรับเรา เราเห็นว่าเรากำลังถูกเอาเปรียบ และมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะดันทุรังทำงานนี้ต่อไปอีกสี่เดือน
ทำไมเราต้องทนให้เขาเอาเปรียบเรา ทนแล้วได้อะไรคุ้มค่า???
จะว่าเราอีโก้สูงก็ได้ แต่เราเชื่อว่า เรามีปัญญาหางานที่ยุติธรรมกับเราและพัฒนาเราได้มากกว่างานนี้
เราไม่ได้รังเกียจเงินน้อย ไม่งั้นก็ไม่รับทำงานนี้ตั้งแต่แรกหรอก แต่เราเกลียดการถูกเอาเปรียบมากที่สุด
ขอบเขตงานแบบนี้มันหนักเกินไปสำหรับเงินแค่ 9k
เราทนทำงานลักษณะแบบนี้ได้นะ ถ้าเราได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า (ทั้งเงินและการพัฒนาตัวเอง)
แล้วเราก็ไม่เข้าใจว่า ที่พ่อต้องการให้เราทำงานนี้ต่อไปจนมองเห็นงานนี้ทะลุปรุโปร่งน่ะ
พ่อเอาอะไรมาวัดว่าต้องไปทำอีกสามสี่เดือน? เราถามพ่อ พ่อก็ไม่ตอบเรา แต่เริ่มสั่งสอนเราเรื่องความอดทนอีก
จนเราเริ่มกังวล ว่าเราไม่มีทางทำงานรอดเหมือนที่พ่อพูดไว้หรือเปล่า?
ที่แท้แล้วเราแค่ไม่อดทนหรือเปล่า?? งานมันไม่ได้หนักหนาเอาเปรียบอะไรเลยหรือเปล่า??
เราต้องทนทำงานหนักที่ไม่คุ้มค่าเหมือนคนอื่นหรือเปล่า เราถึงจะประสบความสำเร็จได้?? (ทีคนอื่นเขายังทนทำได้เลย)
มันจะมีบ้างไหม งานที่ตรงกับใจเราทุกอย่าง เงินไ่ม่เยอะก็ได้ ขอแค่สมน้ำสมเนื้อ ไม่เอาเปรียบกัน
ตอนนี้เราอึดอัดมากค่ะ เพิ่งทำงานได้วันเดียว เรากลับรู้สึกแย่ขนาดนี้ (ซึ่งไม่รู้ว่าเราคิดไปเอง หรือมันเอาเปรียบจริงๆ?)
บอกตรงๆ ว่าเราไม่อยากทำแล้ว เราไม่สนุกกับงานเอกสาร
แต่เรากลัวพ่อ เกรงใจพ่อมาก พ่อไม่ยอมรับเราแน่นอน
ถ้าเราออกจากงานแล้วมีงานรองรับ เราก็ไม่ห่วงพ่อด่าเท่าไหร่ เรารับผิดชอบตัวเองได้
แต่ถ้าออกตอนนี้ ก็ยังหางานไม่ได้ แบมือขอเงินพ่อใช้ เราละอายใจตัวเองค่ะ
ถ้าจะบอกว่าก็ทำไปจนกว่าจะหางานใหม่ได้สิ...เราไม่มีเวลาไปสัมภาษณ์งานอื่นเลยค่ะ
ตารางงานเดือนนี้คือเข้า 8.30 ออก 17.30 ทุกวัน (ยกเว้นอาทิตย์)
เฮ้อ นี่คงเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตครั้งใหญ่สินะ เด็กจบใหม่หลายคนเป็นเหมือนเราบ้างหรือเปล่า? สันสนจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ รู้ตัวว่าเวิ่นเว้อยาวมาก อึดอัดใจไม่รู้จะระบายให้ใครฟัง
อยากให้คำแนะนำจากผู้มี ปสก. ในนี้ด้วยค่ะ เราจะได้เห็นทางสว่างในชีวิตบ้าง
++แล้วจะต้องทนกับงานนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่???++
เริ่มสับสนในตัวเอง
เริ่มหวั่นใจว่าสิ่งที่เราคิดมาตลอด มันจะเป็นแค่อุดมคติที่ไม่มีวันเป็นจริง
กลัวว่าที่จริงแล้ว เราก็มันก็แค่คนไม่เอาไหน ไม่อดทน อีโก้สูง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เราได้งาน Front ของคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่
เป็นคลินิกที่ค่อนข้างหรูหราและไฮเทค ค่าบริการค่อนข้างแพง
ที่เราสมัครไป เพราะเห็นว่าได้ใช้ภาษาอังกฤษพูดกับลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาติ
เป้าหมายของเรา คือได้ฝึกภาษาและได้เงินพอเลี้ยงตัวเอง (เราไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเท่าไหร่)
และเราคิดว่างาน Front คงไม่ได้หนักหนาปวดกบาลอะไรมากมาย (ซึ่งผิดมหันต์เลย)
คลินิกนี้เรียกเราไปสัมภาษณ์เมื่อวาน โดยคุณหมอเป็นคนสัมภาษณ์
พูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง คุณหมอตกลงที่จะรับเราเข้าทำงาน
เราเรียกเงินเดือนไป 10k ซึ่งเราคิดว่ามันสมเหตุสมผลกับหน้าที่ที่เขาอธิบาย แถมยังต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักด้วย
(ใจจริงอยากได้มากกว่านี้ แต่คิดว่าคงไม่ได้ เพราะงานเชียงใหม่งกเงินเดือนมาก)
ปรากฏว่าคุณหมอขอต่อเงินเดือนเราเหลือ 9k ซึ่งเราก็โอเค เพราะยังพออยู่ได้ แม้จะแทบไม่เหลือเก็บเลยก็ตาม
งานทำเป็นกะ หมอบอกว่าทำงาน 8 ชั่วโมง พัก 1 ชั่วโมง
แต่บางวันอาจได้ทำงานนานถึง 12-13 ชั่วโมง (บังคับทำ แล้วแต่เขาจัดตารางให้ มีค่าโอที)
มีวันหยุดแค่เดือนละ 4 วัน ไม่หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่มีสวัสดิการอื่นนอกจากประกันสังคม
ที่ยิ่งกว่านั้นคือ หมอต้องการให้เราเริ่มงานทันทีในวันรุ่งขึ้น ไม่มีเวลาให้เตรียมตัวใดๆ ทั้งสิ้น
พอเราเริ่มงานวันนี้ ปรากฏว่า อนุญาตให้พักเที่ยงรับประทานอาหารได้เพียง 30 นาทีเท่านั้น!
และไม่มีการพักใดๆ อีก สรุปคือ 1 กะได้พักเพียง 30 นาที (ผิดกฎหมายหรือไม่??)
แต่คิดว่ากฎหมายคงทำอะไรไม่ได้ เพราะที่นี่ไม่มีร่างกฎเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีเวลาพักเที่ยงที่ตายตัว
พนักงานจะผลัดกันพัก แต่ไม่เกิน 30 นาที รู้กันเองว่าห้ามเกิน
พนักงาน Front ที่นี่ไม่มีสัญญาว่าจ้าง เป็นสัญญาปากเปล่า
เขาไม่ได้ขอเก็บเอกสารของเราด้วยซ้ำไป (สำเนาบัตร ทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา ฯลฯ)
ไม่มี HR คอยดูแลพนักงาน เรื่องเงินเดือนและเรื่องประกันสังคม คุณหมอเป็นจัดการทุกอย่าง
ไม่มีบัตรประจำตัวพนักงาน ไม่มีสวัสดิการอื่นๆ
"หน้าที่ของ Front ที่เราทำนั้น เป็นหน้าที่ที่รับผิดชอบทุกสิ่งอย่าง
ตั้งแต่ต้อนรับ เก็บประวัติคนไข้ ทำทะเบียนคนไข้เก่าใหม่ re-check แฟ้มคนไข้ทั้งหมด (คาดว่าเป็นหมื่นคน เปิดคลินิกมาเป็นสิบปี)
ทำตารางนัดของคนไข้ โทรนัด รับโทรศัพท์ทั้งสายนอกจากคนไข้และสายในจากทันตแพทย์ ส่งเมลล์ เปิดเมลล์
ติดต่อประสานงานทุกแผนก จัดการปัญหาตารางคิวของหมอและคนไข้ จัดการใบรับรองแพทย์ จ่ายยาตามใบสั่ง(แต่ไม่มีคุณหมอมาดู ให้รุ่นพี่สอนยารุ่นน้องเอง) เช็คประวัติการรักษาคนไข้ (แพ้ยาอะไร หรือทานยาอะไรอยู่) คิดเงิน
นอกจากนี้ Front ยังต้องจำชื่อจริง ชื่อเล่นและเฉพาะทางของคุณหมอฟันทั้งหมดสิบกว่าท่านให้ได้
จำตารางงานของคุณหมอทุกคน พยายามจำให้ได้ว่าแต่ละวัน มีคนไข้ชื่ออะไรและนัดกับคุณหมอท่านไหน
รู้ขั้นตอนกระบวนการทันตกรรมต่างๆ เช่นก่อนจะรักษารากฟันต้องทำอะไรก่อน ถ้าหากมีคุณหมอมาถามอะไรต้องตอบได้หมด ห้ามตอบช้า
ลูกค้าถามอะไร ต้องตอบได้ ห้ามตอบช้า เพราะมันดูไม่ฉลาด
จำราคาของบริการแต่ละอย่างได้แม่นยำ รวมถึงประเภทวัสดุและความแตกต่างของแต่ละอย่างได้"
อันนี้คือเท่าที่เรารู้มาจากวันนี้ แต่คาดว่างานคงมีเยอะกว่านี้อีก
(และต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่ด้วย ศัพท์เทคนิค ศัพท์เฉพาะเยอะมาก)
ยอมรับเลยว่าเราท้อมาก ขอบเขตรับผิดชอบมันกว้างและเยอะเหลือเกิน
งานธุรการแทนที่จะจ้างคนมาทำ กลับให้ Front ทำงานเอกสารทุกอย่างหมด
เราคิดว่าถ้างานมันต้องรับผิดชอบมากขนาดนี้ เงินเดือนแค่ 9k มันไม่เหมาัะสม และเอารัดเอาเปรียบมากๆ (ขั้นต่ำสุดของแรงงานเลย)
เราคุยเรื่องนี้กับพ่อ เราบอกเลยว่าเราท้อมาก และได้บอกสิ่งที่เราไม่พอใจตามข้างบน
แต่พ่อเราไม่ยอมรับความคิดเรา พ่อบอกว่าเราอยู่แต่โลกอุดมคติ ทุกสิ่งต้องเป็นไปตามที่เราคาดหวัง
เราไม่อดทนกับงาน แล้วแบบนี้จะใช้ชีวิตรอดเหรอ
พ่อบอกว่า พ่อไม่ได้อยากให้เราทำงานนี้ไปจนตาย แต่อยากให้เราผ่านโปรก่อน ให้เรารู้งานนี้แบบทะลุก่อน
ถึงตอนนั้นจะออก พ่อก็ไม่ว่า
แต่สำหรับเรา เราเห็นว่าเรากำลังถูกเอาเปรียบ และมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะดันทุรังทำงานนี้ต่อไปอีกสี่เดือน
ทำไมเราต้องทนให้เขาเอาเปรียบเรา ทนแล้วได้อะไรคุ้มค่า???
จะว่าเราอีโก้สูงก็ได้ แต่เราเชื่อว่า เรามีปัญญาหางานที่ยุติธรรมกับเราและพัฒนาเราได้มากกว่างานนี้
เราไม่ได้รังเกียจเงินน้อย ไม่งั้นก็ไม่รับทำงานนี้ตั้งแต่แรกหรอก แต่เราเกลียดการถูกเอาเปรียบมากที่สุด
ขอบเขตงานแบบนี้มันหนักเกินไปสำหรับเงินแค่ 9k
เราทนทำงานลักษณะแบบนี้ได้นะ ถ้าเราได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า (ทั้งเงินและการพัฒนาตัวเอง)
แล้วเราก็ไม่เข้าใจว่า ที่พ่อต้องการให้เราทำงานนี้ต่อไปจนมองเห็นงานนี้ทะลุปรุโปร่งน่ะ
พ่อเอาอะไรมาวัดว่าต้องไปทำอีกสามสี่เดือน? เราถามพ่อ พ่อก็ไม่ตอบเรา แต่เริ่มสั่งสอนเราเรื่องความอดทนอีก
จนเราเริ่มกังวล ว่าเราไม่มีทางทำงานรอดเหมือนที่พ่อพูดไว้หรือเปล่า?
ที่แท้แล้วเราแค่ไม่อดทนหรือเปล่า?? งานมันไม่ได้หนักหนาเอาเปรียบอะไรเลยหรือเปล่า??
เราต้องทนทำงานหนักที่ไม่คุ้มค่าเหมือนคนอื่นหรือเปล่า เราถึงจะประสบความสำเร็จได้?? (ทีคนอื่นเขายังทนทำได้เลย)
มันจะมีบ้างไหม งานที่ตรงกับใจเราทุกอย่าง เงินไ่ม่เยอะก็ได้ ขอแค่สมน้ำสมเนื้อ ไม่เอาเปรียบกัน
ตอนนี้เราอึดอัดมากค่ะ เพิ่งทำงานได้วันเดียว เรากลับรู้สึกแย่ขนาดนี้ (ซึ่งไม่รู้ว่าเราคิดไปเอง หรือมันเอาเปรียบจริงๆ?)
บอกตรงๆ ว่าเราไม่อยากทำแล้ว เราไม่สนุกกับงานเอกสาร
แต่เรากลัวพ่อ เกรงใจพ่อมาก พ่อไม่ยอมรับเราแน่นอน
ถ้าเราออกจากงานแล้วมีงานรองรับ เราก็ไม่ห่วงพ่อด่าเท่าไหร่ เรารับผิดชอบตัวเองได้
แต่ถ้าออกตอนนี้ ก็ยังหางานไม่ได้ แบมือขอเงินพ่อใช้ เราละอายใจตัวเองค่ะ
ถ้าจะบอกว่าก็ทำไปจนกว่าจะหางานใหม่ได้สิ...เราไม่มีเวลาไปสัมภาษณ์งานอื่นเลยค่ะ
ตารางงานเดือนนี้คือเข้า 8.30 ออก 17.30 ทุกวัน (ยกเว้นอาทิตย์)
เฮ้อ นี่คงเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตครั้งใหญ่สินะ เด็กจบใหม่หลายคนเป็นเหมือนเราบ้างหรือเปล่า? สันสนจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ รู้ตัวว่าเวิ่นเว้อยาวมาก อึดอัดใจไม่รู้จะระบายให้ใครฟัง
อยากให้คำแนะนำจากผู้มี ปสก. ในนี้ด้วยค่ะ เราจะได้เห็นทางสว่างในชีวิตบ้าง