น้ำเดินตอน 32 สัปดาห์ แต่หมอไม่ยอมให้คลอด ตอนนี้น้ำเดินมา 5 วันแล้ว

เป็นเรื่องของน้องสาวนะคะ แต่ก็ทำเอาเราเครียดแทนน้องสาวไปด้วย เนื่องจาก น้องสาวตั้งครรภ์ แอดมิต ครั้งแตกตอน 29 สัปดาห์ เนื่องจากมีอาการท้องแข็ง เข้าที่ รพ.เพชรเวช หมอให้นอนเพื่อฉีดยายับยั้งการคลอด และยาเข้าปอดเด็ก ตอนนั้นน้องนอนอยู่ 2 คืน และเนื่องจากสิทธิ์บัตรทองถูกย้ายไป รพ.แพทย์ปัญญา และประกอบกับเรารับน้องมาอยู่กับเราแถวปิ่นเกล้าด้วย จึงพาน้องไปฝากท้องกับ รพ.ศิริราช วันที่ไปฝากท้องก็เกิดอาการท้องแข็งอีก หมอสูติ ให้แอดมิต เตรียมตัวเผื่อคลอดก่อนกำหนด แต่พอขึ้นไปห้องคลอดสามัญ กลับโดนคุณหมอดุ และว่าน้องเราต่าง ๆ นา ๆ ถึงเรื่องค่าใช้จ่าย ประมาณว่าค่าใช้จ่ายมันสูง ให้กับไปใช้ รพ.ตามสิทธิ์ และพูดย้ำว่า เธอพึ่งท้องได้ 31 สัปดาห์ 2 วัน ถึงเธอจะมาที่นี่อีก ฉันก็จะฉีดยายับย้้งการคลอด เธอจะต้องรอจนกว่า 34 สัปดาห์ ถ้ามาก่อน อย่าหวังว่าจะได้คลอดนะ เราก็พาน้องกลับ แต่พอกลับบ้านมาได้ไม่กี่วัน ปรากฏว่า คืนวันที่ 3 กค. น้องเราเกิดน้ำเดิน แบบว่าไหลตามขา นองพื้นเต็มไปหมดเลย เราก็รีบพาน้องมา รพ.ศิริราช เพราะใกล้ด้วย ตกใจทำอะไรไม่ถูก พอมาถึง น้องเราชุดเปียกไปหมดเลยนะ แต่ก็ปรากฎว่าเจอคุณหมอ นางเดิม เราไม่รู้ชื่อจริง ๆ น้องเราก็ไม่เห็นเพราะเค้าจะใส่ชุดเขียวคลุม เค้าก็ว่า ๆๆๆๆ และบอกว่าจะให้กลับไป รพ.แพทย์ปัญญา และเรามารู้อีกวันนึงว่า นางก็ด่าน้องเราด้วยประโยคเดิม ๆ คือเรื่อง เงิน เรื่องตู้อบไม่พอ และก็ได้ฉีดยายับยั้งการคลอดให้น้องเราอีก พร้อมกับฉีดยาเข้าปอดเด็ก พอตอนสาย ๆ เราไปเยี่ยมน้องเราขออนุญาติเข้าไปเยี่ยม ปรากฎว่าน้องเราเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง เค้าบอกว่าตัวมันชา ๆ ร้อน ๆ ไปหมด เราก็คิดว่าเดี๋ยวให้น้องนอนพัก พอเย็นไปใหม่อีกรอบ คราวนี้หนักกว่าเดิม น้องเราพูดแทบไม่ได้เลย และเค้าบอกว่าตาลืมไม่ได้ เราก็เลยถาม ๆ อาการ และขั้นตอนว่าน้องเราจะต้องทำอะไรยังไง บ้าง แต่ไม่รู้คุณนางพยาบาลไปสื่อสารกันอีท่าไหน หมอออกมา 2 คน และคิดว่าเป็นพยาบาลอีก 1 คน มาแว๊ดๆๆๆ ใส่เราว่า คุณมีอะไร ข้องใจและสงสัยอะไร แบบสีหน้าท่าทางโกรธเราสุดฤทธิ์ เราเห็นแบบนี้ก็เลยโมโห ขึ้นเสียงไปเหมือนกันว่า คุณก็ต้องเข้าใจนะว่าเราก็ต้องเป็นห่วงน้องเราเป็นธรรมดา มาแต่ละที ได้รับข้อมูลไม่เคยตรงกันเลย ว่าจะทำยังไงกับน้องเรา เค้าก้อเลย ลดอารมณ์ลงมาหน่อยนึง และก็อธิบายกับเราว่า ที่ต้องยับยั้งการคลอดเนื่องจาก เด็กพึ่ง 32 สัปดาห์ กลัวว่าปอดจะยังทำงานไม่เต็มที่ ให้ยายับย้้งเพื่อจะได้มีเวลาในการฉีดยาเข้าปอดเด็ก ซึ่งฉีด 4 เข็ม เข็มละ 12 ชม. แต่พอพ้น จาก 48 ชม.น้องสาวคุณจะเข้าสู่ภาวะการคลอด ซึ่งไม่น่าจะเกิน 2-3 วัน เพราะน้ำคร่ำเค้าได้ออกมาเยอะแล้ว โอเค เราก้อสบายใจ ก่อนจะกลับอุตสาห์ยกมือไหว้ เพื่อแสดงให้เค้ารู้ว่าเราไม่ได้ไปวีนเค้า แต่เราแค่ต้องการสอบถามอาการ และการรักษาน้องเรา แต่....คุณนางบาล กับสะบัดบ๊อบใส่เรา ไม่รับไหว้ ด้วย คือเราโกรธมาก พยายามมองชื่อ แต่ก็เห็นแค่ ฐิ...อะไรซักอย่างแค่นี้แหล่ะ และสรุปคือหมอให้ยาน้องเราแรงเกินขนาด จนถึงที่ว่าน้องเราต้องให้ออกซิเจน เพื่อช่วยให้เด็กในท้องหายใจสะดวกขึ้น และถ้าน้องเราเป็นอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไร หมอก็ไม่ได้มาคุยอะไรกับเรา ได้แต่ขอโทษน้องเรา พูดติดขำ ๆ ว่า คุณตัวเล็กเนอะ หอมไม่ทันคิด และปัญหาที่เกิดตอนนี้คือ น้องเราอยู่ รพ.มาตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 3 จนถึงขณะนี้ และน้ำคร่ำก็ยังไหลตลอด และเมื่อคืนวันที่ 5 น้องเราต้องตกใจตื่นตอนประมาณ ตี 1 เนื่องจากมี พยาบาลและหมอ มาทำไรไม่รู้เต็มไปหมด ซึ่งรู้ทีหลังคือ สายสะดือพันคอเด็ก ทำให้เด็กหายใจอ่อนแรง ก็ให้น้องเรานอนตะแคง เขย่า ๆ คนสายสะดือหลุดออกจากคอ และเด็กกลับมาหายใจปกติ และเมื่อวันก่อน หมอก็ได้บอกกับน้องเราว่า ตอนนี้รอคุณเจ็บท้องคลอดแล้วกันนะ เพราะตอนนี้เด็กในท้องสามารถหายใจได้เอง และปอดทำงานปกติแล้ว สามารถคลอดได้แล้ว แต่สิ่งที่เราและน้องเราทุกข์ใจและกังวลคือ จากข้อมูลที่เราหา ๆ มา อ่าน ๆ มา เราทราบมาก็คือว่า ถ้าเริ่มน้ำเดิน จะต้องทำการคลอด ถ้าปากมดลูกไม่เปิดก็จะต้องทำการผ่าตัด เพราะถ้าน้ำคร่ำในท้องเหลือน้อยเด็กก็จะเป็นอันตราย แต่ทำไม หมอที่นี่กลับบอกว่าไม่เป็นอะไร ทั้ง ๆ ที่ทุกครั้งมาตรวจน้องเราก็จะพูดว่า น้ำคร่ำไหลเยอะแล้วเนอะ พอน้องเราถาม เค้าก็พูดแค่ว่า รอคุณเจ็บท้องก่อน ค่อยคลอด คือเราสับสนมากเลย กลัวเด็กในท้องจะเป็นอันตราย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เอ่อ...รู้สึกว่าข้อมูลที่จขกท.เล่ามันแปลกๆ นะคะ ไม่เคยได้ยินเรื่องการฉีดยาเข้าปอดเด็กค่ะ มีแต่การฉีดยาเพื่อเร่งการเจริญของปอด เป็นยาฉีดที่ให้ในแม่เพื่อส่งผลต่อลูกในท้อง แล้วก็ไม่มีการเขย่าๆ ทำให้สายสะดือหลุดจากคอเด็กด้วย น่าจะมีการกดทับเลือดที่ไปเลี้ยงเด็กหรือเด็กหลับแล้วทำให้ชีพจรเด็กที่ monitor อยู่ผิดปกติ การที่หมอพยาบาลเขย่าเป็นการปลุกเด็กค่ะ ให้แม่นอนตะแคงเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงเด็กได้ดีขึ้น ถ้าทำแล้วชีพจรเด็กไม่กลับมาเป็นปกติ หมอก็คงให้คลอด แต่นี่คงกลับมาปกติถึงรอได้
     บางครั้งการที่มีอารมณ์มากเกินไป อาจทำให้ได้รับข้อมูลบางอย่างคลาดเคลื่อนไปมากได้ ปกติแล้วถ้าในแม่มีน้ำเดิน หรือเจ็บท้องก่อนกำหนดนานๆ ทางสูติแพทย์จะต้องประเมินก่อนค่ะว่าถึงเวลาจะคลอดรึยัง ถ้าพอยับยั้งได้ก็ยับยั้งก่อน ให้ยากระตุ้นปอดเด็กก่อน เพราะการที่เด็กคลอดก่อนกำหนดนานๆ เด็กอาจจะมีภาวะอันตรายมากๆได้
     ภาวะน้ำเดินก่อนคลอดนานๆ มีความเสี่ยงก็จริง แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการให้เด็กออกมาเร็วแล้วมีปัญหาเรื่องปอด เรื่องสมอง เพราะฉะนั้นคุณหมอถึงเลือกที่จะประคับประคองให้เด็กอยู่ในท้องให้นานที่สุด แต่ก็เฝ้าติดตามเด็กในท้องอย่างใกล้ชิดด้วย และคงร่วมกับให้ยาฆ่าเชื้อในแม่ด้วย ถ้าเด็กเริ่มมีอาการแสดงที่บอกว่าไม่ค่อยดี หรือ แม่เริ่มมีอาการของการติดเชื้อ คุณหมอก็คงต้องตัดสินใจให้คลอดในเวลาที่เหมาะสม
      อยากจะบอกว่าไม่ใช่ทุกรพ. ที่จะรับรักษาคนไข้ที่มีความเสี่ยงแบบน้องสาวคุณ บางที่อาจปฏิเสธไม่ยอมรับให้นอนเลยด้วยซ้ำ อยากให้มองรพ. คุณหมอที่รักษาในมุมกว้างๆ แล้วก็ให้ความเชื่อถือหน่อยเถอะค่ะ ยังไงหมอทุกคนก็อยากให้คนไข้ปลอดภัยอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่