คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
วงการฟุตบอลไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้นำสูงสุดกลายเป็นบุคคลที่สังคมรังเกียจ ถูกแฟนบอลประท้วงขับไล่ไปทั่ว แต่ครั้นถึงการเลือกตั้งทีไร ดันได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งกลับเข้ามายึดครองอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างเป็นสิ่งที่สวนทางกับความต้องการของผู้คนทั้งแผ่นดิน อันนี้ก็คงเพราะการจัดการเลือกตั้งที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนั้น มันมีเรื่องไม่ปกติ
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงจำนวนไม่น้อยไม่ได้มาปรากฏตัวด้วนตนเอง แต่มีการนำใบมอบฉันทะที่ลงนามมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาใช้สิทธิ์แทน ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ มีความเกี่ยวข้องกับสโมสรสมาชิกหรือไม่ ไม่ยักมีผู้ใดให้ความสนใจ และทางสมาคมฯก็จัดการตรวจความถูกต้องของผู้มาใช้สิทธิ์กันอย่างลับๆ ภายในกันเองโดยมิให้ผู้อื่นได้รู้เห็นเลย อันนี้มันแตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วๆ ไป อย่างเช่น การเลือกตั้ง ส.ส.อย่างสิ้นเชิง และเป็นการเปิดโอกาสให้กระทำทุจริตได้ง่าย
ใน ธรรมนูญมาตรฐาน ที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา เขียนเป็นต้นแบบให้ชาติสมาชิกนำไปใช้เป็นโครงของธรรมนูญ หรือ ข้อบังคับของสมาคมฯตอนนั้น ในมาตรา 21 ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเป็นผู้แทนสโมสรสมาชิกและการลงคะแนนเสียงได้ระบุไว้ในข้อ 2 ว่า Delegates must belong to the Member that they represent and be appointed or elected by the appropriate body of the Member คือ ผู้แทนของสโมสรสมาชิกที่จะมาร่วมประชุมหรือลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ (Congress) ต้องเป็นคนที่สังกัดอยู่ในสโมสรสมาชิกที่ตนมาทำหน้าที่แทน และต้องได้รับมอบหมายจากบุคคลที่มีอำนาจด้วย เช่น ประธานสโมสร ไม่ใช่ นาย ก. นาย ข. จากที่ไหนก็ไม่รู้ รับจ้างมาเป็นตัวแทน
มาตราเดียวกัน ข้อ 3 บอกว่า Only the delegates present are entitled to vote. Voting by proxy or by letter is not permitted คือ ให้เฉพาะผู้แทนที่มาปรากฏตัวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ลงคะแนน ใครไม่มาก็ห้ามใช้สิทธิ์ และไม่อนุญาติให้ทำการลงคะแนนเสียงด้วยการมอบฉันทะหรือด้วยจดหมาย อันนี้ชัดเจนนะครับ เรื่องอึมครึมที่เคยทำมานั้น ฟีฟา ห้ามครับ
ที่กล่าวมานั้นก็เป็นหลักของความเจริญ ความถูกต้อง ที่เราต้องปรับตัวให้ทันกับโลก อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการจะใช้ธรรมนูญเดิม หรือ ธรรมนูญมาตรฐาน แต่การเลือกตั้งที่สุจริต โปร่งใส่ มันต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ช่วยกันมุบมิบทำทุกขั้นตอนเพื่อประโยชน์ในการฮุบอำนาจสมาคมที่เป็นตัวแทนของชาติ
งานสมาคมเป็นงานอาสา แต่วันนี้ผลประโยชน์ที่ผูกประสานโยงใยกันหลายฝ่าย มันยั่วยวนเกินกว่าจะยอมผละทิ้งไปง่ายๆ แม้ทีมงานกรรมการบริหารต้องอยู่ท่ามกลางเสียงสาปแช่ง ก่นด่า ขับไล่จากคนทั่วประเทศก็ไม่ยี่หระ เรื่องเล่ห์กลไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งที่ทำมาแล้วและกำลังจะเกิดขึ้น ต้องจับตามอง
อ้อ! ตอนนี้การกีฬาแห่งประเทศไทยออกมาช่วยยืนยันคำของผมอย่างชัดเจนว่า ข้อบังคับของแต่ละสมาคมกีฬา ถือเป็นกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ นะครับ ผมอยากเตือนสติทั้งคุณวรวีร์ และคุณวีระ ซึ่งเป็นนักกฎหมายแท้ๆ ยังไม่รู้ได้อย่างไร ผมเรียนรัฐศาสตร์ และลงทะเบียนเรียนวิชากฎหมายเบื้องต้นแค่ 2 เทอมเท่านั้นครับ ยังไงใครคิดจะทำอะไรก็ขออย่าให้ วรวีร์ บริสุทธิ์เต็ม 100 เพอร์เซ็นท์ ก็แล้วกัน เปิดทางให้ หมู หมา กา ไก่ แมว และโดยเฉพาะ ตะกวด ได้เข้ามาปะปนบ้าง เผื่อฟุตบอลไทยจะได้พัฒนาขึ้น
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000080443
วรวีร์ บริสุทธิ์เต็มร้อย ไม่มีตะกวดปน / กษิติ กมลนาวิน
วงการฟุตบอลไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผู้นำสูงสุดกลายเป็นบุคคลที่สังคมรังเกียจ ถูกแฟนบอลประท้วงขับไล่ไปทั่ว แต่ครั้นถึงการเลือกตั้งทีไร ดันได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งกลับเข้ามายึดครองอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างเป็นสิ่งที่สวนทางกับความต้องการของผู้คนทั้งแผ่นดิน อันนี้ก็คงเพราะการจัดการเลือกตั้งที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนั้น มันมีเรื่องไม่ปกติ
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงจำนวนไม่น้อยไม่ได้มาปรากฏตัวด้วนตนเอง แต่มีการนำใบมอบฉันทะที่ลงนามมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาใช้สิทธิ์แทน ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ มีความเกี่ยวข้องกับสโมสรสมาชิกหรือไม่ ไม่ยักมีผู้ใดให้ความสนใจ และทางสมาคมฯก็จัดการตรวจความถูกต้องของผู้มาใช้สิทธิ์กันอย่างลับๆ ภายในกันเองโดยมิให้ผู้อื่นได้รู้เห็นเลย อันนี้มันแตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วๆ ไป อย่างเช่น การเลือกตั้ง ส.ส.อย่างสิ้นเชิง และเป็นการเปิดโอกาสให้กระทำทุจริตได้ง่าย
ใน ธรรมนูญมาตรฐาน ที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา เขียนเป็นต้นแบบให้ชาติสมาชิกนำไปใช้เป็นโครงของธรรมนูญ หรือ ข้อบังคับของสมาคมฯตอนนั้น ในมาตรา 21 ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเป็นผู้แทนสโมสรสมาชิกและการลงคะแนนเสียงได้ระบุไว้ในข้อ 2 ว่า Delegates must belong to the Member that they represent and be appointed or elected by the appropriate body of the Member คือ ผู้แทนของสโมสรสมาชิกที่จะมาร่วมประชุมหรือลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ (Congress) ต้องเป็นคนที่สังกัดอยู่ในสโมสรสมาชิกที่ตนมาทำหน้าที่แทน และต้องได้รับมอบหมายจากบุคคลที่มีอำนาจด้วย เช่น ประธานสโมสร ไม่ใช่ นาย ก. นาย ข. จากที่ไหนก็ไม่รู้ รับจ้างมาเป็นตัวแทน
มาตราเดียวกัน ข้อ 3 บอกว่า Only the delegates present are entitled to vote. Voting by proxy or by letter is not permitted คือ ให้เฉพาะผู้แทนที่มาปรากฏตัวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ลงคะแนน ใครไม่มาก็ห้ามใช้สิทธิ์ และไม่อนุญาติให้ทำการลงคะแนนเสียงด้วยการมอบฉันทะหรือด้วยจดหมาย อันนี้ชัดเจนนะครับ เรื่องอึมครึมที่เคยทำมานั้น ฟีฟา ห้ามครับ
ที่กล่าวมานั้นก็เป็นหลักของความเจริญ ความถูกต้อง ที่เราต้องปรับตัวให้ทันกับโลก อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการจะใช้ธรรมนูญเดิม หรือ ธรรมนูญมาตรฐาน แต่การเลือกตั้งที่สุจริต โปร่งใส่ มันต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ช่วยกันมุบมิบทำทุกขั้นตอนเพื่อประโยชน์ในการฮุบอำนาจสมาคมที่เป็นตัวแทนของชาติ
งานสมาคมเป็นงานอาสา แต่วันนี้ผลประโยชน์ที่ผูกประสานโยงใยกันหลายฝ่าย มันยั่วยวนเกินกว่าจะยอมผละทิ้งไปง่ายๆ แม้ทีมงานกรรมการบริหารต้องอยู่ท่ามกลางเสียงสาปแช่ง ก่นด่า ขับไล่จากคนทั่วประเทศก็ไม่ยี่หระ เรื่องเล่ห์กลไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งที่ทำมาแล้วและกำลังจะเกิดขึ้น ต้องจับตามอง
อ้อ! ตอนนี้การกีฬาแห่งประเทศไทยออกมาช่วยยืนยันคำของผมอย่างชัดเจนว่า ข้อบังคับของแต่ละสมาคมกีฬา ถือเป็นกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์ นะครับ ผมอยากเตือนสติทั้งคุณวรวีร์ และคุณวีระ ซึ่งเป็นนักกฎหมายแท้ๆ ยังไม่รู้ได้อย่างไร ผมเรียนรัฐศาสตร์ และลงทะเบียนเรียนวิชากฎหมายเบื้องต้นแค่ 2 เทอมเท่านั้นครับ ยังไงใครคิดจะทำอะไรก็ขออย่าให้ วรวีร์ บริสุทธิ์เต็ม 100 เพอร์เซ็นท์ ก็แล้วกัน เปิดทางให้ หมู หมา กา ไก่ แมว และโดยเฉพาะ ตะกวด ได้เข้ามาปะปนบ้าง เผื่อฟุตบอลไทยจะได้พัฒนาขึ้น
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000080443