เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา
ผมปั่นจากบ้านไปสวนหลวง ร.9 เพื่อจะไปปั่นตามปกติ
ออกจากหมู่บ้านลัดไปทะลุซอยวัดตะกล่ำ เพื่อข้ามถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ไปฝั่งตรงข้าม
เพื่อปั่นเลาะมาสวนหลวง
พอข้ามถนนมาได้ ก็ปั่นมาสัก 50 เมตร เจอรถสองแถวจอดรับผู้โดยสาร
ผมจอดห่างๆ รถไม่มีทีท่าว่าจะออก
ผมเลยหันหลังไปมองรถ เพื่อที่จะแซงสองแถวไป
ก็ออกตัวช้าๆ (เสือภูเขา + นน ผม 100) เพื่อจะแซง มาจนถึงท้ายรถสองแถวด้านขวาแล้ว
รถสองแถวก็ออกทันทีและเปลี่ยนเลนไปในตัว ผมเลยต้องเบรครถ
แต่ไม่มีรถตามหลังมา ผมรีบกระเถิบชิดซ้ายและปั่นต่อ
มีคนเรียก หลังจากสองแถววิ่งไปได้ประมาณ 5 เมตร สองแถวหยุดทันที
ผมก็ต้องเบรค (ดีว่าผมออกตัวได้ช้า ไม่งั้นคงหัวทิ่ม)
สองแถวหักหัวมานิดนึงเพื่อรับคน ผมหันหลังดู เห็นว่าไม่มีรถ จึงพยายามจะแซงไปอีกครั้ง
เมื่อปั่นมาถึงบริเวณคนขับสองแถว กำลังจะแซงพ้น
สองแถวออกตัวทันที พร้อมหักขวา คราวนี้ผมต้องเบรคหัวทิ่ม
เพราะถ้าไม่เบรคก็ต้องโดนเบียดล้มแน่ๆ
ระยะ 5-7 เมตร ผมต้องเบรค 3 ครั้ง หัวทิม 1 ครั้ง
ผมเอง ยังเป็นมือใหม่มากๆ ครับ การควบคุมรถยังทำได้ไม่ดีนัก
จึงยังไม่กล้าออกถนนใหญ่นัก ได้แต่ออกระยะสั้นๆ ไม่ถึงกิโลเพราะกลัวเหตุการณ์แบบนี้
และกลัวการควบคุมรถที่ยังไม่ดีของผมจะสร้างปัญหา
ทางสั้นๆ ผมก็ยังเจอได้เหมือนกันแฮะ ถึงจะเล็กๆ น้อยๆ
ผมเอง เมื่อคราวที่ยังไม่ได้หัดปั่นจักรยาน ก็เคยขับรถมาก่อน
คราวนี้ เริ่มรู้ซึ้งแล้ว ว่าจักรยานหรือมอเตอร์ไซด์
ก็ล้วนเป็นรถที่คนขับรถยนต์ควรต้องมองเห็นหัวด้วย
จะว่าไป มันก็เป็นเรื่องดีนะครับ ที่ทำให้ผมย้อนกลับไปคิด
ถึงพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ของตัวเองที่ผ่านมา
เราทำร้ายคนอื่นไปแค่ไหนแล้ว เราเห็นแก่ตัวไปแค่ไหนแล้ว
เราทำให้คนอื่นลำบากโดยที่เราไม่รู้ตัวมากี่ครั้งแล้ว
หลายครั้ง ที่ผมปั่นจักรยานข้ามถนนหน้าสวนหลวง
ผมจะรอจนรถว่างจริงๆ แล้วปั่นมาหยุดรอที่กลางถนน
บางครั้ง รถยนต์บางคันก็หยุดให้เลย เพื่อให้รถเล็กอย่างเราข้ามถนน
บางทีเรื่องเล้กๆ แค่นี้ สมัยผมขับรถยนต์ ผมยังทำบ้างไม่ทำบ้าง
คราวนี้คงจะได้ทำมากขึ้น
วันก่อนเจอมาด้วยตัวเอง (เล็กๆ) ถึงเริ่มเข้าใจ
ผมปั่นจากบ้านไปสวนหลวง ร.9 เพื่อจะไปปั่นตามปกติ
ออกจากหมู่บ้านลัดไปทะลุซอยวัดตะกล่ำ เพื่อข้ามถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ไปฝั่งตรงข้าม
เพื่อปั่นเลาะมาสวนหลวง
พอข้ามถนนมาได้ ก็ปั่นมาสัก 50 เมตร เจอรถสองแถวจอดรับผู้โดยสาร
ผมจอดห่างๆ รถไม่มีทีท่าว่าจะออก
ผมเลยหันหลังไปมองรถ เพื่อที่จะแซงสองแถวไป
ก็ออกตัวช้าๆ (เสือภูเขา + นน ผม 100) เพื่อจะแซง มาจนถึงท้ายรถสองแถวด้านขวาแล้ว
รถสองแถวก็ออกทันทีและเปลี่ยนเลนไปในตัว ผมเลยต้องเบรครถ
แต่ไม่มีรถตามหลังมา ผมรีบกระเถิบชิดซ้ายและปั่นต่อ
มีคนเรียก หลังจากสองแถววิ่งไปได้ประมาณ 5 เมตร สองแถวหยุดทันที
ผมก็ต้องเบรค (ดีว่าผมออกตัวได้ช้า ไม่งั้นคงหัวทิ่ม)
สองแถวหักหัวมานิดนึงเพื่อรับคน ผมหันหลังดู เห็นว่าไม่มีรถ จึงพยายามจะแซงไปอีกครั้ง
เมื่อปั่นมาถึงบริเวณคนขับสองแถว กำลังจะแซงพ้น
สองแถวออกตัวทันที พร้อมหักขวา คราวนี้ผมต้องเบรคหัวทิ่ม
เพราะถ้าไม่เบรคก็ต้องโดนเบียดล้มแน่ๆ
ระยะ 5-7 เมตร ผมต้องเบรค 3 ครั้ง หัวทิม 1 ครั้ง
ผมเอง ยังเป็นมือใหม่มากๆ ครับ การควบคุมรถยังทำได้ไม่ดีนัก
จึงยังไม่กล้าออกถนนใหญ่นัก ได้แต่ออกระยะสั้นๆ ไม่ถึงกิโลเพราะกลัวเหตุการณ์แบบนี้
และกลัวการควบคุมรถที่ยังไม่ดีของผมจะสร้างปัญหา
ทางสั้นๆ ผมก็ยังเจอได้เหมือนกันแฮะ ถึงจะเล็กๆ น้อยๆ
ผมเอง เมื่อคราวที่ยังไม่ได้หัดปั่นจักรยาน ก็เคยขับรถมาก่อน
คราวนี้ เริ่มรู้ซึ้งแล้ว ว่าจักรยานหรือมอเตอร์ไซด์
ก็ล้วนเป็นรถที่คนขับรถยนต์ควรต้องมองเห็นหัวด้วย
จะว่าไป มันก็เป็นเรื่องดีนะครับ ที่ทำให้ผมย้อนกลับไปคิด
ถึงพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ของตัวเองที่ผ่านมา
เราทำร้ายคนอื่นไปแค่ไหนแล้ว เราเห็นแก่ตัวไปแค่ไหนแล้ว
เราทำให้คนอื่นลำบากโดยที่เราไม่รู้ตัวมากี่ครั้งแล้ว
หลายครั้ง ที่ผมปั่นจักรยานข้ามถนนหน้าสวนหลวง
ผมจะรอจนรถว่างจริงๆ แล้วปั่นมาหยุดรอที่กลางถนน
บางครั้ง รถยนต์บางคันก็หยุดให้เลย เพื่อให้รถเล็กอย่างเราข้ามถนน
บางทีเรื่องเล้กๆ แค่นี้ สมัยผมขับรถยนต์ ผมยังทำบ้างไม่ทำบ้าง
คราวนี้คงจะได้ทำมากขึ้น