กระทู้รวบรวมเนื้อหา +:+งานแต่งงานต้องยกเลิก...แต่ดิฉันกลับขอบคุณแฟนด้วยหัวใจ+:+

กระทู้คำถาม
ขออนุญาตรวบรวมเนื้อหาไว้ที่กระทู้นี้ สำหรับบุคคลที่ไม่สามารถไล่ตามความคิดเห็นที่เกิน 1000 ไปแล้วได้

ขอความกรุณาอย่าแทรกใดใดนะครับ จะได้ต่อเนื่องกันไป

สำหรับเจ้าของกระทู้ เชิญกระทู้เก่าได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะเป็นคนไป copy มาวางเองเรื่อย ... Rating จะได้อยู่ที่กระทู้นั้นอันเดียว

มิได้มีเจตนาแบ่งแยกความสนใจมาที่กระทู้นี้ เพียงแต่รู้สึกว่ากระทู้นั้นเป็นเกมส์มากไป สำหรับผู้ที่สนใจอ่านอย่างต่อเนื่อง .... เชิญเลยครับผม ยิ้ม

.........................................................................................................


ดิฉันตัดสินใจอยู่นาน..ว่าจะเล่าเรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์สำหรับลูกผู้หญิงคนอื่นๆ หรือเลือกเก็บมันไว้ในความทรงจำดี
แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจ..เผื่อว่าเรื่องของดิฉันอาจจะเป็นประโยชน์ในการเรียก "ความเชื่อมั่น" ในตัวของผู้หญิงบางคนกลับคืนมาก็เป็นได้

เริ่มเรื่องจาก...ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ...แต่เล็กจนโตก็จะใช้ชีวิต..
ดำเนินไปตามแบบแผนที่พ่อแม่วางไว้ให้...
คือ เรียน ทำงาน แล้วก็เรียน เรียน เรียน จนสูงที่สุดเท่าที่พ่อแม่จะส่งได้
ประสบการณ์เรื่องอื่นๆ นอกจากเรื่องเรียน กับทำงาน ค่อนข้างน้อย
ตอนเรียนมีคนมาชอบเยอะ...มีเพื่อนเยอะ..แต่ดิฉันก็ยังหาคนที่ถูกใจไม่เจอ..
ไม่ใช่ว่าเลือกมากนะคะ..แต่ยังไม่เจอคนที่ "ใช่" จริงๆ สักที

จนวันนึง...ดิฉันเจอกับแฟนใน Class คลาสนึง
เรียนจบคอร์สไปแล้ว...แฟนไปหาเบอร์โทรมาจากไหนก็ไม่ทราบตามจีบอยู่พักนึง
ดิฉันเคยให้สัญญากับพ่อแม่ไว้ว่า...ถ้ามีคนมาจีบ..พ่อกับแม่ขอให้พามาให้ทางบ้านรู้จัก
คุยกันได้สักพัก...ดิฉันก็พาแฟนมาเจอครอบครัว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 53
สุดท้ายเราให้แง่คิดกับคุณผู้อ่านนะคะ
อย่าคบเพราะผู้ใหญ่เห็นว่าดี...เหมาะสม..เพราะคำว่าเหมาะสมไม่ใช่คำตอบเสมอไป

อย่าทนเพราะ...คำถาม..ที่หลายๆ คนชอบถาม...เมื่อไหร่จะแต่งงงาน  น่าจะแต่งงานได้แล้วนะ

และอย่าทน..เพียงเพราะแค่คำว่า “เหงา” เพราะเหงา...อย่างเก่ง ก็แค่ อารมณ์เศร้าแต่ไม่ทุกข์

อย่าลืมว่า..การแต่งงานเป็นแค่บทเริ่มต้น...เราจะได้ไม่ต้องมาโพสเรื่องแบบนี้ซ้ำซากในห้องชานเรือน
เมื่อเรากับเค้า...แต่งงานกันไปแล้ว...

ขอให้คนอ่าน..พบเจอรักแท้...เจอคนดี..อย่าได้เป็นเหมือนดิฉันนะคะ


ต่อนี้ไปดิฉัน...ต้องเตรียมตอบคำถามคนรอบข้าง..ที่เค้าจะถามว่า
“เมื่อไหร่จะแต่งงงาน..”  เลือกเยอะ...ไม่มีใครเอาหรือเปล่า
ขอรับรองว่าจะตอบอย่างมีสติค่ะ..มีสติ...

ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องของเรานะคะ...ขอบคุณจากหัวใจ.

ปล. มีเพื่อนที่เคยรู้จักแอบมาทักหลังไมค์ด้วย...จุ๊ๆ เหยียบไว้นะ...เค้าเขินนะ 555
ความคิดเห็นที่ 60
อ่ะ มีต่อ ยิ้ม
...............................

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นที่เค้ามาให้กำลังใจนะคะ..

มาเข้าโหมดเรื่องการบอกยกเลิกงานแต่ง..ครอบครัวเรา..เราจัดการเอง
บอกก่อนนะคะ...ที่บ้านรู้เรื่องเดียวคือ..เค้าไปจีบคุณหมอ..แค่นั้นจริงๆ
เพราะเรา..ถ้าไม่ถึงที่สุด..เราจะไม่..บอกพ่อแม่ค่ะ...พ่อป่่วย..กลัวเค้าไม่สบายใจ

เราชิงบอกครอบครัวเราไปก่อนที่เค้าจะโวยวายแล้วค่ะ...
อย่างที่บอกวันที่เราร้องไห้...น้ำตาแทบเป็นสายเลือด..

เรากลับบ้านไม่ไหว..จำเป็นต้องไปอาศัยนอนคอนโดเพื่อน..
ตอนที่โทรไปบอกที่บ้าน

เรา: แม่ฝนตก..หนัก...ขับรถลำบาก..นอนบ้านน้อง...นะ

แม่: จับน้ำเสียงได้...เป็นอะไรอ่ะร้องไห้เหรอ

เรา: พรุ่งนี้จะรีบกลับนะ..บอกพ่อด้วย..


หลัง..จากวันนั้นสองสามวัน..
น้ำตาเริ่มแห้ง..เริ่มเข้มแข็ง..รู้ใจต้วเองแล้วว่า..
ยังไงก็รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้....

พอดีญาติโทรมาเรื่องรับปริญญาค่ะ
เค้าจะเลี้ยงฉลองให้หลาน...ให้พาแฟนมาด้วย

เราเลยดึงมือแม่มานั่งบนเตียง...
กอดเอวแม่..มองหน้าแม่แล้วพูดว่า

เรา: แม่จะไม่มีงานแต่งอะไรใดๆ แล้วนะ
แม่: หน้าถอดสี..อะไรมีไร...พี่เค้าทำไรให้
เรา: แม่...พี่เค้าไปเที่ยวโสเภณี
แม่: ทำหน้าตกใจ...แล้วหนูไปรู้ได้ไง..

แม่ดึงเราเข้ามากอด..ลูบหัวแล้วบอกว่า
"หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูกนะ..ไม่ต้องตามใจแม่..
แค่เป็นแบบที่ผ่านมาแม่ก็ภูมิใจมากพอแล้ว...


" แม่ดีใจ...ที่ได้เป็นแม่ของหนูนะ"



เฮ้ย...หนูสิต้องดีใจ..ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่...

บอกแล้วไง..ว่ามีครอบครัวดี...มีกัลยาณมิตรดี ^^
ความคิดเห็นที่ 42

ขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ค่ะ


พาพันขอบคุณ

ความคิดเห็นที่ 63
ไปตอบในกระทู้ดั้งเดิมมาแล้ว ขอยกมาตอบอีกครั้งนะคะ ยิ้ม

ยินดีด้วยกับคุณเจ้าของเรื่องที่หลุดออกมาจากสิ่งที่ไม่ใช่สำหรับคุณค่ะ ^_______________^

และอยากจะขอแชร์ความคิดของตัวเองที่ผ่านการใช้ชีวิตมา 32 ปี ดังนี้....

เรื่องการเที่ยวผู้หญิง การมีกิ๊ก การเล่น social แล้วหลีหญิงนั้น ในมุมมองของดิฉันเข้าใจว่า ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ค่ะ (ผู้หญิงก็อาจจะด้วย)
ความเจ้าชู้ ออกนอกลู่นอกทางนั้น อาจเป็นพฤติกรรมส่วนใหญ่ที่ตีคู่กับความเป็นผู้ชาย
ดังนั้น หากคิดจะมีคู่รัก คุณถามตัวเองก่อนว่า รับความเป็นจริงข้อนี้ได้ไหม
สิ่งที่ดิฉันคิด ไม่ใช่การคิดลอยๆโดยไร้ข้อมูลหรือประสบการณ์ ไม่ว่าจากเพื่อน คนรอบข้าง ดารา/นักร้อง/บุคคลสาธารณะ หรือกระทั่งจากตัวเองที่เคยเจอเรื่องประเภทนี้
หรือข้อดีบางอย่างที่หาได้อยากในตัวคนๆนึง พอจะทำให้มองข้ามข้อเสียที่คุณประสบได้ไหม
ไม่จำเป็นต้องทนรับทุกครั้งไปค่ะ ยังไงก็ยังเชียร์ว่า ชีวิตเป็นของเรา เราควรเป็นผู้ขีดเส้นให้กับชีวิตเรา ทำให้ตัวเรามีความสุขโดยไม่เบียดเบียนใคร
ถึงแม้อาจต้องแลกกับความเหงาในบางคราวบ้างก็ตาม ยิ้ม

ทั้งนี้ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากศีลข้อต้นๆค่ะ คือ มุสาฯ หรือการโกหก ดิฉันเชื่อว่า การโกหกเป็นจุดเริ่มต้นของทางไปสู่หายนะค่ะ

ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
เป็นสัจธรรมข้อหนึ่งที่มิอาจปฏิเสธได้

ขออวยพรให้คุณเจอคนที่ใช่ พอดี ในเวลาจังหวะที่เหมาะสมค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
เราอึ้งมาก...สักพักเลยส่งข้อความไปว่า
หนูแค่เป็นห่วงค่ะ...ถึงบ้านเพื่อนแล้วส่งข้อความมาบอกด้วยนะ..จะได้ไม่กังวล

สักห้าทุ่มโทรมาค่ะ...เสียงปกติ..บอกว่าอยู่บ้านเพื่อนแล้ว
เราเอง..รู้สึกแปร่งๆ ไม่ค่อยกล้าคุยกับเค้าเหมือนเดิมเท่าไหร่
ในใจมีความสงสัย...แต่ไม่อยากถาม...เลยบอกเค้าว่ามีอะไรจะบอกเรามั้ย

เค้าบอกว่า...ช่วงนี้เค้าเหนื่อ่ยมากๆ เรื่องนั่น นู่นนี่...ให้เราเข้าใจเค้านะ...
เค้ากดดันหลายเรื่อง...เราจะเป็นคู่ชีวิตของเค้าเราต้องเค้าใจเค้า...
เราไม่เซ้าซี้นะคะ...ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ..

เพื่อนๆ เชื่อในเรื่องของการอธิษฐานจิตกันมั้ยคะ..
เราติดไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน...
ระยะหลัง...เราแผ่เมตตาให้พี่เค้า..แล้วอธิษฐานจิตว่า

ถ้าเราจะเป็นคู่กัน..ขอให้เราคบกันตลอดรอดฝั่ง
แต่ถ้าหากเราไม่ใช่คู่กันแล้ว..ขอให้เราได้รู้ความจริงก่อนที่อะไรมันสายเกินไป


(ปล. เป็นปัจจัตตังนะคะ..กรุณาใช้วิจารณญาณ ^^)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่