สวัสดีครับพี่ๆน้องๆห้องจักรยาน
หลังจากผมมาสิงห้องจักรยานอยู่ในช่วงเดือนสิงหา 55 จนในที่สุดก็ได้หมอบประกอบมั่วซั่วมาครอบครองช่วงต้นพฤศจิกา
http://topicstock.ppantip.com/ratchada/topicstock/2012/11/V12921522/V12921522.html
ช่วงนั้นผมติดจักรยานงอมแงมมาก ถึงแม้จะทำงานโรงงานไม่ค่อยมีเวลา
ในวันทำงานผมก็ตื่นตีห้าเพื่อปั่นจักรยาน 1 ชม.ระยะทางสัก 20 กม. ก่อนที่จะกลับมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
วันเสาร์ก็ปั่นรอบอ่างเก็บน้ำบางพระวกเข้าเขาเขียวกับก๊วนเล็กๆ เก็บระยะทาง 35-50 กม.
วันนัตขัตฤกษ์ปั่นยาวๆจากศรีราชาไปพัทยาบ้าง ชลบุรีบ้าง
ยิ่งช่วงหลังพี่ที่ให้ทำงานเอาจักรยานใส่หลังรถแกไปปั่นหลังเลิกงานอีก
จากแรกๆเป็นคนกลัวเนิน หลังๆอัดเข้าใส่เลยครับ (ช่วงนั้นใครเห็นหมอบขาอ่อนดูดเสือภูเขา Orbea แถวอีสเทิร์นซีบอร์ด นั่นแหล่ะผม ฮ่าๆ)
ช่วงนั้นชีวิตผมเปลี่ยนไปพอสมควร จากเป็นคนสังสรรค์กับเพื่อนๆแบบถึงไหนถึงกันในวันศุกร์
กลับเป็นกินจิบๆกลับไวเพื่อเตรียมตัวออกไปปั่นจักรยานตอนเช้า
จากเตะบอลสนามหญ้าเทียมเกมส์ละ 10 นาที (ต่อทีม) วิ่งไปขาอ่อนไป หยุดหอบเป็นพักๆ เปลี่ยนเป็นไล่บอลได้ทั้งเกมส์
ที่สำคัญจากหนัก 90 กก. ลดลงมาเหลือ 83 กก. หลังจากปั่นมาได้ 3 เดือน
เช้าวันเสาร์ที่ 15 ธันวา 2555 ผมออกไปปั่นกับพี่ๆก๊วนเดิม
เส้นทางคือวนรอบเก็บน้ำบางพระ วกเข้าไปหน้าสวนสัตว์เปิดเขาเขียว
แต่วันนั้นเราตกลงกันระหว่างทางว่าวันนี้จะเข้าไปปั่นดูสัตว์ในสวนสัตว์กัน
ระหว่างที่ขี่เข้าไปในสวนสัตว์ พวกเราก็เพลิดเพลินกับสิงสาราสัตว์
จนกระทั่งถึงจุดชมไฮยีน่า ผมเริ่มคึกเนื่องจากเคยเป็นคนกลัวเนิน แต่หลังจากซ้อมปั่นมาระยะนึง ขาเริ่มมีแรงเลยปั่นขึ้นเนินด้วยความคะนอง
แต่ชีวิตมีขึ้นมีลงฉันใด เนินก็เช่นกันผมยังคงคึกกดลูกบันไดต่อแม้จะเป็นช่วงลงเนิน
ผ่านหุบเสือมาเป็นโค้งซ้ายผมเข้าโค้งตามทฤษฎียูทูป คือออกนอกแล้วตัดมุมโค้งให้ชิดที่มุมที่สุด
แต่พอพ้นโค้งซ้ายมาเจอทางลงเนินชันแล้วตบโค้งขวา ผมยังเหยียบส่งจนถึงจุดนึงรู้ตัวว่าเฮ้ย เร็วไปแล้ว
มือสองข้างกำเบรคแน่นล้่อหยุดแต่รถไม่หยุด ยางรถยังคงไถลไปกับถนน
รถพุ่งตรงลงไปติดกับร่องน้ำส่วนตัวผมลอยม้วนตัวตีลังกาแค่ครึ่งรอบข้ามรถเอาหัวฟาดกับพื้น นอนหงายขาขึ้นไปพาดกับเนิน
ผมมึนอยู่พักนึง ก่อนที่จะพยายามขยับพลิกตัว แต่ผมขยับไม่ได้ ขยับได้แต่แขนแต่ปวดมากทั้งซ้ายและขวา
โชคดีมากที่ผมไม่สลบ เพราะจุดที่ผมลงไปนอนคล้ายกับเป็นจุดบอด คนจะไม่มองมาทางซ้าย เขาจะมองทางขวาเพื่อระวังรถทางขวา
ผมเลยตะโกน ช่วยด้วยครับๆ จนมีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
สรุปค่าใช้จ่ายกรรมจากความประมาทครั้งนั้น กระดูกไหปลาร้าขวาหัก คอหัก บาดเจ็บไขสันหลัง C6, C7 ความเห็นแพทย์คืออัมพาตถาวร
ยังไม่รวมเดือดร้อนพ่อแม่ เพื่อนฝูง ที่ต้องมาดูแล และตกงานด้วยครับ
จากเหตุการณ์ตรั้งนี้ผมสรุปของผมเองว่า สิ่งจำเป็นสำหรับมือใหม่คือ
1. อย่าคึกคะนองโดยเฉพาะบนเส้นทางที่เราไม่คุ้นเคย
2.อุปกรณ์เซฟตี้ทั้งหมด ต้องใส่ครับ หัวผมฟาดอย่างแรงถ้าไม่มีหมวกกันน็อก ป่านนี้คงไปไหนต่อไหนละครับ
3. เทคนิคการเบรคอันนี้ไม่แน่ใจนะ พี่แกมาสอนผมทีหลังว่าการเบรคควรจะกำเบรคหน้าหลวมๆ เบรคหลังเป็นหลัก
เพราะถ้ากำเบรคหน้าแน่นจะบังคับรถไม่ได้และรถจะยกหลัง ถ้าผมทำตามนี้รถจะล้มแบบสไลด์ แค่แขนหักขาหัก
4. ควรติดเอกสารที่ยืนยันตัวตนเช่น บัตรประชาชนและบัตรประกันติดตัวด้วยครับ เพราะผมเสียเวลากับขั้นตอนนี้ทีโรงพยาบาลมากๆ
อาการผมจากที่นอนเป็นผัก ผ่านไปหกเดือน ตอนนี้เริ่มนั่งได้ ขาซ้ายขยับได้บ้าง ขาขวานิ่งสนิท จากหน้าอกลงไปยังรับรู้อุณหภูมิกับความเจ็บปวดไม่ค่อยได้ มือยังกำคลายไม่ได้ทั้งสองข้าง
เขียนมาตั้งนานด้วยนิ้วโป้งแค่สองนิ้ว แค่อยากให้สมน้ำหน้ากัน เอ้ย อยากให้เป็นอุทาหรณ์ครับ
เหตุการณ์ครั้งนี้ผมมีคนที่ต้องกราบขอบพระคุณเยอะมาก แต่โพสนี้ในห้องจักรยาน ขอบขอบพระคุณพี่ป้อก Santa Rosa กับ พี่เส DKR ที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดีครับ
ขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านครับ...อย่าลืมใส่หมวกนะครับ
*** เพิ่มเติม ***
เข้ามาดูอีกทีมีกำลังใจให้ผมเยอะแยะเลยครับ ขอบคุณมากๆครับ
ขอพูดเรื่องกำลังใจนิดนึงนะครับ
เดิมทีก่อนหน้าที่ผมยังไม่ป่วย ผมไม่ค่อยไปเยี่ยมใครเวลาป่วยสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจคำว่ากำลังใจ
แต่เมื่อวันที่ฉันป่วย ขอบอกเลยครับ ผมเหมือนเทพซุสที่กลืนกินการสวดมนต์จากมนุษย์โลกมาเป็นพลัง (เว่อร์ไหมครับ)
ผมจะมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากๆ เมื่อเห็นเพื่อน ญาติพี่น้องมาเยี่ยม
วันไหนที่ผมท้อแท้มากๆ ผมจะนั่งอ่านคอมเม้นต์ของเพื่อนๆในเฟสผม แล้วจะฮึดทำกายภาพจนจบคอร์ส
อยากจะฝากทุกคนช่วยบุสท์กำลังใจให้คนป่วยใกล้ๆตัวท่านด้วยนะครับ ไม่ว่าเป็นทางคำพูด ตัวอักษร
มันมีผลมากๆครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าผมเข้มแข็ง จริงๆแล้วถ้าถามว่าผมเสียใจไหม? ร้องไห้ไหม?
ผมบอกตามตรงครับ เสียใจมาก ร้องไห้ทั้งแอบ ทั้งเปิดเผย
แต่มันทำลายกำลังใจพ่อแม่ คนที่ดูแลผม ผมเลือกที่จะหยุดทำ
อีกเรื่องอยากให้ดูสภาพหมวกกันน็อคหลังเกิดเหตุ แล้วจินตนาการเป็นกระโหลกมนุษย์แทนครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ
แชร์ประสพการณ์จักรยาน รอดตายเพราะหมวกกันน็อค แต่...
หลังจากผมมาสิงห้องจักรยานอยู่ในช่วงเดือนสิงหา 55 จนในที่สุดก็ได้หมอบประกอบมั่วซั่วมาครอบครองช่วงต้นพฤศจิกา
http://topicstock.ppantip.com/ratchada/topicstock/2012/11/V12921522/V12921522.html
ช่วงนั้นผมติดจักรยานงอมแงมมาก ถึงแม้จะทำงานโรงงานไม่ค่อยมีเวลา
ในวันทำงานผมก็ตื่นตีห้าเพื่อปั่นจักรยาน 1 ชม.ระยะทางสัก 20 กม. ก่อนที่จะกลับมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
วันเสาร์ก็ปั่นรอบอ่างเก็บน้ำบางพระวกเข้าเขาเขียวกับก๊วนเล็กๆ เก็บระยะทาง 35-50 กม.
วันนัตขัตฤกษ์ปั่นยาวๆจากศรีราชาไปพัทยาบ้าง ชลบุรีบ้าง
ยิ่งช่วงหลังพี่ที่ให้ทำงานเอาจักรยานใส่หลังรถแกไปปั่นหลังเลิกงานอีก
จากแรกๆเป็นคนกลัวเนิน หลังๆอัดเข้าใส่เลยครับ (ช่วงนั้นใครเห็นหมอบขาอ่อนดูดเสือภูเขา Orbea แถวอีสเทิร์นซีบอร์ด นั่นแหล่ะผม ฮ่าๆ)
ช่วงนั้นชีวิตผมเปลี่ยนไปพอสมควร จากเป็นคนสังสรรค์กับเพื่อนๆแบบถึงไหนถึงกันในวันศุกร์
กลับเป็นกินจิบๆกลับไวเพื่อเตรียมตัวออกไปปั่นจักรยานตอนเช้า
จากเตะบอลสนามหญ้าเทียมเกมส์ละ 10 นาที (ต่อทีม) วิ่งไปขาอ่อนไป หยุดหอบเป็นพักๆ เปลี่ยนเป็นไล่บอลได้ทั้งเกมส์
ที่สำคัญจากหนัก 90 กก. ลดลงมาเหลือ 83 กก. หลังจากปั่นมาได้ 3 เดือน
เช้าวันเสาร์ที่ 15 ธันวา 2555 ผมออกไปปั่นกับพี่ๆก๊วนเดิม
เส้นทางคือวนรอบเก็บน้ำบางพระ วกเข้าไปหน้าสวนสัตว์เปิดเขาเขียว
แต่วันนั้นเราตกลงกันระหว่างทางว่าวันนี้จะเข้าไปปั่นดูสัตว์ในสวนสัตว์กัน
ระหว่างที่ขี่เข้าไปในสวนสัตว์ พวกเราก็เพลิดเพลินกับสิงสาราสัตว์
จนกระทั่งถึงจุดชมไฮยีน่า ผมเริ่มคึกเนื่องจากเคยเป็นคนกลัวเนิน แต่หลังจากซ้อมปั่นมาระยะนึง ขาเริ่มมีแรงเลยปั่นขึ้นเนินด้วยความคะนอง
แต่ชีวิตมีขึ้นมีลงฉันใด เนินก็เช่นกันผมยังคงคึกกดลูกบันไดต่อแม้จะเป็นช่วงลงเนิน
ผ่านหุบเสือมาเป็นโค้งซ้ายผมเข้าโค้งตามทฤษฎียูทูป คือออกนอกแล้วตัดมุมโค้งให้ชิดที่มุมที่สุด
แต่พอพ้นโค้งซ้ายมาเจอทางลงเนินชันแล้วตบโค้งขวา ผมยังเหยียบส่งจนถึงจุดนึงรู้ตัวว่าเฮ้ย เร็วไปแล้ว
มือสองข้างกำเบรคแน่นล้่อหยุดแต่รถไม่หยุด ยางรถยังคงไถลไปกับถนน
รถพุ่งตรงลงไปติดกับร่องน้ำส่วนตัวผมลอยม้วนตัวตีลังกาแค่ครึ่งรอบข้ามรถเอาหัวฟาดกับพื้น นอนหงายขาขึ้นไปพาดกับเนิน
ผมมึนอยู่พักนึง ก่อนที่จะพยายามขยับพลิกตัว แต่ผมขยับไม่ได้ ขยับได้แต่แขนแต่ปวดมากทั้งซ้ายและขวา
โชคดีมากที่ผมไม่สลบ เพราะจุดที่ผมลงไปนอนคล้ายกับเป็นจุดบอด คนจะไม่มองมาทางซ้าย เขาจะมองทางขวาเพื่อระวังรถทางขวา
ผมเลยตะโกน ช่วยด้วยครับๆ จนมีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
สรุปค่าใช้จ่ายกรรมจากความประมาทครั้งนั้น กระดูกไหปลาร้าขวาหัก คอหัก บาดเจ็บไขสันหลัง C6, C7 ความเห็นแพทย์คืออัมพาตถาวร
ยังไม่รวมเดือดร้อนพ่อแม่ เพื่อนฝูง ที่ต้องมาดูแล และตกงานด้วยครับ
จากเหตุการณ์ตรั้งนี้ผมสรุปของผมเองว่า สิ่งจำเป็นสำหรับมือใหม่คือ
1. อย่าคึกคะนองโดยเฉพาะบนเส้นทางที่เราไม่คุ้นเคย
2.อุปกรณ์เซฟตี้ทั้งหมด ต้องใส่ครับ หัวผมฟาดอย่างแรงถ้าไม่มีหมวกกันน็อก ป่านนี้คงไปไหนต่อไหนละครับ
3. เทคนิคการเบรคอันนี้ไม่แน่ใจนะ พี่แกมาสอนผมทีหลังว่าการเบรคควรจะกำเบรคหน้าหลวมๆ เบรคหลังเป็นหลัก
เพราะถ้ากำเบรคหน้าแน่นจะบังคับรถไม่ได้และรถจะยกหลัง ถ้าผมทำตามนี้รถจะล้มแบบสไลด์ แค่แขนหักขาหัก
4. ควรติดเอกสารที่ยืนยันตัวตนเช่น บัตรประชาชนและบัตรประกันติดตัวด้วยครับ เพราะผมเสียเวลากับขั้นตอนนี้ทีโรงพยาบาลมากๆ
อาการผมจากที่นอนเป็นผัก ผ่านไปหกเดือน ตอนนี้เริ่มนั่งได้ ขาซ้ายขยับได้บ้าง ขาขวานิ่งสนิท จากหน้าอกลงไปยังรับรู้อุณหภูมิกับความเจ็บปวดไม่ค่อยได้ มือยังกำคลายไม่ได้ทั้งสองข้าง
เขียนมาตั้งนานด้วยนิ้วโป้งแค่สองนิ้ว แค่อยากให้สมน้ำหน้ากัน เอ้ย อยากให้เป็นอุทาหรณ์ครับ
เหตุการณ์ครั้งนี้ผมมีคนที่ต้องกราบขอบพระคุณเยอะมาก แต่โพสนี้ในห้องจักรยาน ขอบขอบพระคุณพี่ป้อก Santa Rosa กับ พี่เส DKR ที่ช่วยเหลือเป็นอย่างดีครับ
ขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านครับ...อย่าลืมใส่หมวกนะครับ
*** เพิ่มเติม ***
เข้ามาดูอีกทีมีกำลังใจให้ผมเยอะแยะเลยครับ ขอบคุณมากๆครับ
ขอพูดเรื่องกำลังใจนิดนึงนะครับ
เดิมทีก่อนหน้าที่ผมยังไม่ป่วย ผมไม่ค่อยไปเยี่ยมใครเวลาป่วยสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจคำว่ากำลังใจ
แต่เมื่อวันที่ฉันป่วย ขอบอกเลยครับ ผมเหมือนเทพซุสที่กลืนกินการสวดมนต์จากมนุษย์โลกมาเป็นพลัง (เว่อร์ไหมครับ)
ผมจะมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากๆ เมื่อเห็นเพื่อน ญาติพี่น้องมาเยี่ยม
วันไหนที่ผมท้อแท้มากๆ ผมจะนั่งอ่านคอมเม้นต์ของเพื่อนๆในเฟสผม แล้วจะฮึดทำกายภาพจนจบคอร์ส
อยากจะฝากทุกคนช่วยบุสท์กำลังใจให้คนป่วยใกล้ๆตัวท่านด้วยนะครับ ไม่ว่าเป็นทางคำพูด ตัวอักษร
มันมีผลมากๆครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าผมเข้มแข็ง จริงๆแล้วถ้าถามว่าผมเสียใจไหม? ร้องไห้ไหม?
ผมบอกตามตรงครับ เสียใจมาก ร้องไห้ทั้งแอบ ทั้งเปิดเผย
แต่มันทำลายกำลังใจพ่อแม่ คนที่ดูแลผม ผมเลือกที่จะหยุดทำ
อีกเรื่องอยากให้ดูสภาพหมวกกันน็อคหลังเกิดเหตุ แล้วจินตนาการเป็นกระโหลกมนุษย์แทนครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ