กิตติรัตน์ ยันเศรษฐกิจไทยไม่ร้อนแรงเกินไป เผย 7 ปีข้างหน้ามูลค่าจีดีพีรวมของไทยแตะ 200 ล้านล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยกรณีธนาคารโลกระบุว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเติบโตรวดเร็ว แต่ไม่ยั่งยืน ว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะเติบโตเร็วและร้อนแรง เพราะแม้เศรษฐกิจไตรมาส 1 จะขยายตัว 5.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ชะลอต่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
“เศรษฐกิจของเราไม่ได้ร้อนแรงสวนกับเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นไปได้ว่าธนาคารโลกไม่เข้าใจ และเอาฐานไตรมาส 1 ที่ขยายตัว 5.3% ไปเทียบกับการขยายตัวของจีดีพีโลกที่ขยายตัวเฉลี่ย 2.2% ซึ่งเทียบกันไม่ได้ เพราะฐานแตกต่างกัน และก็เป็นธรรมดาของหน่วยงานประเมินที่ต้องมีข้อเป็นห่วง แต่ประเทศไทยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรับฟังข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะของทั้งธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) พร้อมทั้งมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามสถานการณ์และหารือเรื่องเศรษฐกิจมาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯและรมว.คลังวิจารณ์กรณีที่รัฐบาลใช้เงินนอกงบประมาณนั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การออกกฎหมายกู้เงินเพื่อลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ไม่เรียกว่า เป็นการใช้เงินนอกงบประมาณ แต่เป็นการใช้เงินที่มีกฎหมายควบคุมไม่ให้เกินวงเงินที่ตั้งไว้
“การกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมายจะควบคุมการกู้เงิน ไม่ให้เกิน 2 ล้านล้านบาทแม้แต่สลึงเดียว ในเวลา 7 ปี เพื่อนำไปใช้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคม ซึ่งส่วนนี้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะ สศช.สะท้อนว่าไทยต้องลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว” นายกิตติรัตน์กล่าว
นายกิตติรัตน์ ย้ำว่า การกู้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมวงเงิน 2 ล้านล้านบาท บางคนอาจจะบอกว่ามากเกินไป แต่เมื่อเทียบกับจีดีพีในอีก 7 ปีข้างหน้าที่จะมีมูลค่ารวมแล้วกว่า 200 ล้านล้านบาท เงิน 2 ล้านล้านบาทเป็นแค่ 1 % ของจีดีพี ส่วนภาระหนี้สาธารณะต่อจีดีพี รัฐบาลชุดนี้จะยังทำงานโดยไม่ให้เกินกรอบที่ 50%
http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99/228349/%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%877%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8200%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
ไม่ต้องห่วงหุ้นยังไทยไปได้อีกไกล จาก "ฟุ้ง7ปีข้างหน้าจีดีพีทะลุ200ล้านล้าน"
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยกรณีธนาคารโลกระบุว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในกลุ่มประเทศเติบโตรวดเร็ว แต่ไม่ยั่งยืน ว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะเติบโตเร็วและร้อนแรง เพราะแม้เศรษฐกิจไตรมาส 1 จะขยายตัว 5.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ชะลอต่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
“เศรษฐกิจของเราไม่ได้ร้อนแรงสวนกับเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นไปได้ว่าธนาคารโลกไม่เข้าใจ และเอาฐานไตรมาส 1 ที่ขยายตัว 5.3% ไปเทียบกับการขยายตัวของจีดีพีโลกที่ขยายตัวเฉลี่ย 2.2% ซึ่งเทียบกันไม่ได้ เพราะฐานแตกต่างกัน และก็เป็นธรรมดาของหน่วยงานประเมินที่ต้องมีข้อเป็นห่วง แต่ประเทศไทยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรับฟังข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะของทั้งธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) พร้อมทั้งมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามสถานการณ์และหารือเรื่องเศรษฐกิจมาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯและรมว.คลังวิจารณ์กรณีที่รัฐบาลใช้เงินนอกงบประมาณนั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การออกกฎหมายกู้เงินเพื่อลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ไม่เรียกว่า เป็นการใช้เงินนอกงบประมาณ แต่เป็นการใช้เงินที่มีกฎหมายควบคุมไม่ให้เกินวงเงินที่ตั้งไว้
“การกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กฎหมายจะควบคุมการกู้เงิน ไม่ให้เกิน 2 ล้านล้านบาทแม้แต่สลึงเดียว ในเวลา 7 ปี เพื่อนำไปใช้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคม ซึ่งส่วนนี้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะ สศช.สะท้อนว่าไทยต้องลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว” นายกิตติรัตน์กล่าว
นายกิตติรัตน์ ย้ำว่า การกู้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมวงเงิน 2 ล้านล้านบาท บางคนอาจจะบอกว่ามากเกินไป แต่เมื่อเทียบกับจีดีพีในอีก 7 ปีข้างหน้าที่จะมีมูลค่ารวมแล้วกว่า 200 ล้านล้านบาท เงิน 2 ล้านล้านบาทเป็นแค่ 1 % ของจีดีพี ส่วนภาระหนี้สาธารณะต่อจีดีพี รัฐบาลชุดนี้จะยังทำงานโดยไม่ให้เกินกรอบที่ 50%
http://www.posttoday.com/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99/228349/%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%877%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8200%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99