USS Enterprise (CVN-65) เริ่มต้นจนลาจาก

15 พฤษจิกายน 1957 อู่ต่อเรือ Newport News ได้รับสัญญาที่มีความหมายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
สัญญาต่อเรือ USS Enterprise (CVN 65) ชื่อที่เคยถูกใช้ในเหล่าบรรดาเรือที่มีประวัติยุทธนาวีในประวัติศาสตร์
กองทัพเรืออเมริกัน Enterprise เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดตั้งเตาปฏิกรณ์ นิวเคลียร์
สัญญาต่อเรือลำนี้เป็นสัญญาฉบับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งในด้านวิศวกรรมและโครงสร้างสำรับการสร้างเรือหนึ่งลำ มันเป็นจุดเริ่มต้น
ของยุคที่เรือรบจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์๋ เริ่มต้นจากEnterprise เรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกันทุกๆลำต่อไปนี้
จะต้องขับเคลื่องด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์และต่อจากอู่ต่อเรือ Newport News


           เรือถูกสร้างเพื่อประกาศความกล้าหาญ พลัง และความเฉลียวฉลาดแห่งอเมริกา ในยุคที่โลกถูกปกคลุมด้วยวิกฤตการคุกคาม
ทางสงครามอาวุธนิวเคลียร์ เรือได้ถูกวางกระดูกงูในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 1958 ระยะเวลาการสร้างทั้งสิ้นสามปีภายใต้
กฎการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดนั้นก่อให้เกิดประสบการณ์ในการต่อเรืออย่างมาก เรือลำนี้โดดเด่นด้วยระบบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ซึ่งมีการปกป้องเป็นอย่างดีขั้นตอนในการต่อเรือได้ถูกปกปิดเป็นความลับ อย่างไรก็ตามได้มีข้อมูลและภาพถ่ายบางส่วนของ CVN-65
หลุดออกไปสู่สาธารณะชน เนื่องด้วยการเเข่งขันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนิวเคลียร์เป็นสิ่งสำคัญมาก การรักษาความปลอดภัย
ในพื้นที่อู่ต่อเรือจึงมีความสำคัญสูงสุด


           เมื่อเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 25พฤษจิกายน1961 เลขาธิการกองทัพเรือ John B. Connally Jr.
ได้กล่าวว่า "Enterprise จะเป็นราชินีแห่งท้องทะเลไปอีกนานแสนนาน" คำพูดของเขาได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริง
เป็นที่ยอมรับในกองทัพเรือ มีทหารเรือ 250000 คนโดยประมาณที่เคยเป็นลูกเรือของ Enterprise เรือลำนี้ได้เข้าไปมีส่วน
ในความขัดแย้งและสงครามทุกครั้งนับตั้งแต่เข้าประจำการ ปี1962 เพียงหนึ่งปีหลังจากเข้าประจำการ เธอได้เข้าร่วมปฏิบัติการปิดล้อม
คิวบา ระหว่างวิกฤตการ ขีปนาวุธคิวบา ระหว่างสงครามเวียดนาม "BigE" กลายเป็นเรือรบนิวเคลียร์ลำแรกที่เข้าร่วมการต่อสู้
และทำยอดรวมการเข้าสู่สมรภูมทั้งสิ้น6ครั้งตลอดระยะเวลาที่เข้าประจำการ


           หลังจากผ่านไป50ปี USS Enterprise ยังคงความเป็นสุดยอดแห่งเรือบรรทุกเครื่องบิน เธอยังคงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่
ยาวที่สุดด้วยความยาว 1123feet เธอยังคงเป็นที่ตั้งของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์8ตัว เป็นเรือลำเดียวที่มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มากกว่า2ตัว
และยังคงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่มัน้ำหนักมากที่สุดรองจากเรือชั้น Nimitz 10ลำ ที่ถูกสร้างขึ้นต่อจากเธอ ที่สำคัญที่สุด เธอยัง
คงมีชื่อเสียงไปตลอดการด้วยการเป็นเรือรบที่ขับเคลื่อนด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เป็นลำแรก  เมื่อเธอกลับเข้าสู่การเติมเชื้อเพลิงครั้งแรก
ในปี1964 เธอเดินทางมาแล้วมากกว่า200000ไมล์ และเดินทางรอบโลกในเวลา64วัน ตราบจนวันนี้ผ่านมากว่า50ปีEnterprise
ยังคงเป็นเรือที่เปี่ยมประสิทธิภาพ วันที่1ธันวาคม2012 มีการเฉลิมฉลองครบรอบ51ปีอย่างเป็นทางการ ในการที่เธอรับใช้อเมริกา








             CVN-65 ตำนานบทที่8แห่ง Uss Enterprise ได้ครอบครองฉายา "BigE" ต่อจาก  Uss Enterprise
(CV-6) เรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามที่ต่อจากอู่ต่อเรือ Newport News เข้าประจำการในปี1938 เรือบรรทุกเครื่องบิน
Enterpriseลำแรก ได้เข้าร่วมสมรภูมและสร้างชื่อเสียงจากสมรภูมิแปซิฟิกในสงครามโลกครั้งที่สอง


              สัญญาถูกเซ็นในวันที่15พฤษจิกายน1957 โดยเป็นอู่ต่อเรือNewport Newsได้รับมอบหมายให้สร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นเป็นลำแรก  กระดูกงูถูกวางในอู่แห้งหมายเลข11 วันที่14กุมภาพันธ์1958 เริ่มต้น USS Enterprise (CVN-65)


              งานโครงสร้างดำเนินไปในอู่แห้ง 23มิถุนายน1958


              อีกหนึ่งจุดเด่นคือตัวโดมมันถูกประกอบเข้ากับเรือในวันที่ 6กันยายน1960


              เรือถูกสร้างด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มากถึง8เตา


              Enterpriseถูกปล่อยลงน้ำวันที่ 24กันยายน1960 พร้อมกับที่อู่Newport Newsได้ส่งมอบเรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำแรก
เรือดำน้ำติดตั้งขีปนาวุธ USS Robert E. Lee (SSBN-601) ซึ่งได้ถูกจัดแสดงเคียงข้างเรือบรรทุกเครื่องบิน

          
              Enterpriseถูกเคลื่อนไปยังท่าเรือเพื่อตกแต่งขั้นสุดท้าย วันที่ 25กันยายน1960


              Enterprise ผ่านการทดสอบการเดินทะเลที่ Fort Monroe ในเดือนตุลาคม1961 เธอเข้าประจำการในปีเดียวกันนั้น
ในวันที่ 25พฤษจิกายน


              Enterpriseส่ง A-5A Vigilante(ซ้าย) และ F-8 Crusader(ขวา) ขึ้นสู่ฟ้า สองลำนี้เป็นเครื่องฝูงแรก
ที่ประจำการบนEnterprise


               USS Enterprise (CVN-65)(ล่างสุด) USS Long Beach (CGN-9)(กลาง) และUSS Bainbridge (DLGN-25)(บนสุด)
วันที่31กรกฎาคม1964 เรือรบพลังงานนิวเคลียร์ทั้งสามเดินทางรอบโลกใน65วันโดยปราศจากการเติมเชื้อเพลิง "ภารกิจSea-Orbit"
เป็นการสาธิตประสิทธิภาพของเรือรบผิวน้ำพลังงานนิวเคลียร์


               ภาพถ่ายของEnterpriseคู่กับเรือสำราญ SS United States ภาพนี้ถ่ายขึ้นเมื่อEnterpriseกลับสู่อู่Newport News เพื่อ
เติมเชื้อเพลิง ในเดือนพฤษจิกายน1964


               Enterprise ถูกสร้างขึ้นมาประจำการในatlantic แต่ถูกย้ายฝั่งมายังแปซิฟิก เมื่อกันยายน1965
พร้อมกับการปรับปรุงระบบเรดาร์


               ระหว่างเครื่องบินบินปฏิบัตการเหนือฮาวายเพื่อสนับสนุนการรบในเวียดนาม ได้เกิดอุบัติเหตุบนดาดฟ้าเรือที่ลุกลามเป็น
ลูกไฟขนาดยักษ์ในวันที่14มกราคม1969


               หลุมจอด5หลุมเหนือดาดฟ้าถูกไฟใหม้ Enterprise เสียลูกเรือไป25นาย


               Enterpriseกลับสู่Newport News เพื่อเติมเชื้อเพลิงในวันที่10คุลาคม1969


               ภาพEnterpriseในปี1975 มันปฏิบัติการอยู่ในPacificจนถึงปี1990


               รอยต่อของช่วงยุค70-80 เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ๆจะใช้ใช้เรดาห์แบบเสา ซึ่งไม่ต้องมีโดมหรือรังผึ้งอีกต่อไป
Enterprise จึงเป็นลำสุดท้ายที่ยังใช้เรดาห์แบบเก่า


               Enterprise กลับสู่ Newport News อีกครั้งในเดือนตุลาคม1990 เป็นการเข้าอู่ครั้งที่3 เพื่อทำการ เติมเชื้อเพลิง
และยกเครื่อง เธอเข้าอู่แห้งหมายเลข11ในวันที่16มีนาคม1991 เรือถูกส่งมอบกลับให้กองทัพเรืออีกครั้งปี1994 และเป็นการกลับคืน
สู่กองเรือแอตแลนติกอีกครั้งหนึ่งด้วย รูปถ่ายโดยChris Oxley


               Enterprise ถูกใช้เคลื่อนกำลังพลถึง25ครั้งตลอดอายุการใช้งาน51ปี  ภารกิจเหล่านี้รวมไปถึง วิกฤติขีปนาวุธคิวบา1962
สงครามเวียดนาม ภารกิจปลดปล่อยคืนเสรีภาพให้อิรัคอันสุดท้ายขออนุญาติเม่าเซย์โนเม่าเซย์โน


               Enterprise กลับสู่ Newport Newsเพื่อซ่อมบำรุงทั้งสิ้นสามครั้งในทศวรรษที่ผ่านมา รูปถ่ายโดยChris Oxley


               เมื่อถึงคราวต้องเข้าอู่แห้งเพื่อซ่อมบำรุงหรือทำอย่างอื่น คนงานในอู่ถึงกับกล่าวว่าเรือบรรทุกเครื่องบินพวกนี้เป็นเรือของพวกเค้า
รูปถ่ายโดยJohn Whalen



               เหตุการณ์ที่สำคัญมากมายเกิดขึ้นในระหว่างช่วงเวลายาวนานที่เธอประจำการ ในภาพคือการลงจอดครั้งที่400000บนเรือ
Enterpriseเมื่อ24พฤษภาคม2011โดยเครื่องF/A18-F SuperHornet


               Enterpriseปฏิบัติภารกิจเป็นครั้งสุดท้ายในปี2012 และกลับสู่Northfolkในวันที่4พฤษจิกายน


              Enterpriseในมุมผ่อนคลายระหว่างการเฉลิมฉลอง ณ ฐานทัพเรือNorthfolkวันที่1ธันวาคม2012
รูปถ่ายโดยChris Oxley


               พระเอกของเราได้กลับสู่ Newport News เป็นครั้งสุดท้ายในฤดูใบไม้ผลิ2013 เตาปฏิกรณ์ทั้ง8เตาจะถูกทำให้เสื่อมสภาพ
เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้จะถูกปลดประจำการอย่างเป็นทางการ


               ตำนานแห่งEnterpriseจะคงยังดำเนินต่อไปเรือชั้น Gerald R.Ford Classลำที่สามได้ยืนยันแล้วว่าจะ
ใช้ชื่อ Enterprise(CVN-80)โดยเลขาธิการกองทัพเรือเมื่อ1ธันวาคม2012 กำหนดการการสร้างEnterprise
ลำใหม่จะเริ่มที่Newport News ในทศวรรษหน้า



จบแล้วครับ
เครดิตแปลเค้ามา  http://nns.huntingtoningalls.com/events/cvn65/construction
เอื้อเผื้อรูปถ่าย      http://nns.huntingtoningalls.com/employees/pub/gallery/cvn65/

เพิ่งลองแปลแนะนำติชมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ป.ล.1 มีส่วนไหนที่แปลพลาดรบกวนช่วยโพสบอกด้วยนะครับจะรีบแก้ไขทันที
ป.ล.2 อยากให้แปลเรื่องอะไรโพสในกระทู้ได้เลยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่