ดูมาแล้วกับ "ประชาธิป′ ไทย(Paradoxocracy)" (ไม่สปอย ไม่รู้จะสปอยยังไง 555)
นี่คือหนังสารคดีที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเรื่องการเมืองของประเทศไทยล้วนๆ โดยสารคดีนี้มีรูปแบบการนำเสนอโดยการนำบทสัมภาษณ์ของนักวิชาการทุกฝั่งทุกฝ่ายมาให้เราได้รับรู้รับฟังในแง่มุมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองของเราโดยเริ่มตั้งแต่สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยในช่วงปีพ.ศ.2475เป็นต้นมา จนถึงช่วงปี2540ที่อยู่ในยุคของนายกทักษิณ
ถึงแม้จะพูดถึงเรื่องการเมืองทั้งเรื่องแต่ตัวหนังนั้นก็ไม่ได้จะเครียดตลอดเวลา มีบางมุมที่ขำบ้างเป็นระยะทำให้หนังดูสบายและไม่น่าเบื่อจากคำศัพท์ต่างๆของนักวิชาการมากนัก ซึ่งต้องชมทีมตัดต่อที่ทำการบ้านมาดี ทำให้เราดูหนังสารคดีเรื่องนี้จบลงโดยไม่น่าเบื่อเลย แต่จะขอติอยู่เรื่องคือน่าจะมีการแนะนำวิทยากรที่มาพูดให้ผู้ชมรู้จักกันเสียหน่อย บางคนผมก็ยังไม่รู้จักเลยขนาดว่าผมก็ติดตามและสนใจเรื่องการเมืองพอสมควร
ส่วนตัวคิดว่านี่คือหนังที่คนไทยสมควรดูจริงๆนะ มันไม่ใช่หนังที่ยุยงให้คนในชาติเกลียดชังกัน ทะเลาะกัน แตกแยกกันอย่างที่หลายฝ่ายกังวล แต่หนังจะทำให้เราเข้าใจแง่มุมต่างๆของประชาธิปไตยในประเทศไทยมากขึ้น จากบุคคลหลายๆฝ่าย ข้อมูลหลายๆด้าน ที่ทำให้เราเข้าใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศของเรามากขึ้น มากกว่าที่จะมามัวเกลียดชังกันแต่จะเป็นการเข้าใจแทนที่
สรุปนี่คือหนังสำหรับคอการเมืองอย่างแน่นอนใครที่ชอบการเมืองคงดูรู้เรื่องดูเข้าใจแต่จะถูกใจหรือไม่ก็อีกเรื่อง ส่วนคนที่ไม่สนใจการเมืองเลยอาจจะงงๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่จะดูไม่รู้เรื่องหรอก อยากแนะนำให้คนไทยทุกคนได้ดูหนังสารคดีเรื่องนี้ มันมีแง่คิดอะไรดีๆมากมายเกี่ยวกับเรื่องการเมือง จะว่าไปนี่คือหนังที่จุดประกายความปรองดองของคนในชาติได้เลย และหวังว่าจะจุดประกายให้คนไทยไม่ทำร้ายกันเองอีก
ผมรู้สึกอย่างนั้นนะ
#คุยเรื่องหนัง
www.facebook.com/talkthemovie
www.twitter.com/talkthemovie
ดูมาแล้วกับ "ประชาธิป′ ไทย(Paradoxocracy)"
ดูมาแล้วกับ "ประชาธิป′ ไทย(Paradoxocracy)" (ไม่สปอย ไม่รู้จะสปอยยังไง 555)
นี่คือหนังสารคดีที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเรื่องการเมืองของประเทศไทยล้วนๆ โดยสารคดีนี้มีรูปแบบการนำเสนอโดยการนำบทสัมภาษณ์ของนักวิชาการทุกฝั่งทุกฝ่ายมาให้เราได้รับรู้รับฟังในแง่มุมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองของเราโดยเริ่มตั้งแต่สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยในช่วงปีพ.ศ.2475เป็นต้นมา จนถึงช่วงปี2540ที่อยู่ในยุคของนายกทักษิณ
ถึงแม้จะพูดถึงเรื่องการเมืองทั้งเรื่องแต่ตัวหนังนั้นก็ไม่ได้จะเครียดตลอดเวลา มีบางมุมที่ขำบ้างเป็นระยะทำให้หนังดูสบายและไม่น่าเบื่อจากคำศัพท์ต่างๆของนักวิชาการมากนัก ซึ่งต้องชมทีมตัดต่อที่ทำการบ้านมาดี ทำให้เราดูหนังสารคดีเรื่องนี้จบลงโดยไม่น่าเบื่อเลย แต่จะขอติอยู่เรื่องคือน่าจะมีการแนะนำวิทยากรที่มาพูดให้ผู้ชมรู้จักกันเสียหน่อย บางคนผมก็ยังไม่รู้จักเลยขนาดว่าผมก็ติดตามและสนใจเรื่องการเมืองพอสมควร
ส่วนตัวคิดว่านี่คือหนังที่คนไทยสมควรดูจริงๆนะ มันไม่ใช่หนังที่ยุยงให้คนในชาติเกลียดชังกัน ทะเลาะกัน แตกแยกกันอย่างที่หลายฝ่ายกังวล แต่หนังจะทำให้เราเข้าใจแง่มุมต่างๆของประชาธิปไตยในประเทศไทยมากขึ้น จากบุคคลหลายๆฝ่าย ข้อมูลหลายๆด้าน ที่ทำให้เราเข้าใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศของเรามากขึ้น มากกว่าที่จะมามัวเกลียดชังกันแต่จะเป็นการเข้าใจแทนที่
สรุปนี่คือหนังสำหรับคอการเมืองอย่างแน่นอนใครที่ชอบการเมืองคงดูรู้เรื่องดูเข้าใจแต่จะถูกใจหรือไม่ก็อีกเรื่อง ส่วนคนที่ไม่สนใจการเมืองเลยอาจจะงงๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่จะดูไม่รู้เรื่องหรอก อยากแนะนำให้คนไทยทุกคนได้ดูหนังสารคดีเรื่องนี้ มันมีแง่คิดอะไรดีๆมากมายเกี่ยวกับเรื่องการเมือง จะว่าไปนี่คือหนังที่จุดประกายความปรองดองของคนในชาติได้เลย และหวังว่าจะจุดประกายให้คนไทยไม่ทำร้ายกันเองอีก
ผมรู้สึกอย่างนั้นนะ
#คุยเรื่องหนัง
www.twitter.com/talkthemovie