โรงแรม 5 ดาวในบ้านเราเดี๋ยวนี้ก็มักจะมี Afternoon High Tea ไว้บริการลูกค้า ทั้งลูกค้าโรงแรม และลูกค้าทั่วไป กันแทบจะทุกที่แล้ว สำหรับรีวิวฉบับนี้เราก็ไปกันที่ โรงแรม St. Regis ถนนราชดำริ ที่ห้อง The Drawing Room ซึ่งเป็นห้องแบบคล้าย ๆ ห้องนั่งเล่น สั่งของกินเล่น, เครื่องดื่ม ได้ทั้งวัน ของทางโรงแรม และเป็นห้องที่เพิ่งจะเริ่มมี Afternoon Tea Buffet เพิ่มขึ้นมาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกัน ห้องอาหาร หรือไม่อาหารก็แล้วแต่ของ โรงแรม St. Regis แห่งนี้ก็มีทั้งหมด 4 ห้อง (เท่าที่ผมรู้) ประกอบด้วย Jojo ที่ขายอาหารอิตาเลียน, VIU ที่ขายอาหารนานาชาติและเน้นเป็นบุฟเฟ่ต์ซะมาก , Decanter ที่เหมือนเป็นห้องไว้จิบไวน์, ชิมไวน์ และก็ The Drawing Room แห่งนี้นี่เอง ก็โรงแรมแห่งนี้ จากที่พิมพ์ไปก็พอจะรู้สึกได้มั้ยครับว่า ดูจะเน้นความเป็นตะวันตก, ความเป็นฝรั่งมาก ๆ ตัว Afternoon High Tea ที่เพิ่งเปิดมานี้ก็เลยมีความเป็นฝรั่งค่อนข้างจ๋าด้วยเช่นกัน
รายละเอียดของ Afternoon High Tea แห่งนี้ก็คือ จะมีเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ และก็จะเริ่มตั้งแต่ 14.00 - 18.00 น. สนนราคาต่อคนก็จะอยู่ที่ 650++ บาท แต่ถ้ามากัน 2 คนก็จะเป็น 1,200++ บาท ประหยัดไป 100++ บาทโดยประมาณ โดยราคานี้เราจะสามารถตักเค้ก, ของหวาน ในไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ค่อนข้างอลังการได้ไม่อั้น (อลังการเมื่อเทียบว่ามีเฉพาะของหวานนะครับ) และก็จะได้ตัวชุด Afternoon High Tea มา 1 set พร้อม เครื่องดื่ม ชา, กาแฟ ที่สามารถสั่งได้อีกคนละอย่าง (รู้สึกจะยกเว้นแค่ตัว White Tea อย่างเดียวที่ไม่สามารถสั่งได้ นอกนั้นสามารถสั่งได้หมดเลย) อืม ก็ราคาก็อาจจะแพง แต่เมื่อเทียบกับความหลากหลายของของหวาน, ตัวคุณภาพของชาที่ใช้ (เป็นชาฝรั่งเศส ยี่ห้อ Palais du Dauphine) ราคานี้ก็ดูคุ้มค่าขึ้นมาพอสมควรเลยว่ามั้ยครับ
ตัวการบริการของห้องนี้ แน่นอน โรงแรมระดับ 5 ดาว (หรือที่ทางโรงแรมเอง claim เอาไว้ว่าเป็น 6 ดาว) นั้นไม่มีผิดหวังอยู่แล้ว บริการดีทุกระดับประทับใจมาก ไร้ที่ติ ส่วนบรรยากาศของห้อง Drawing Room - St. Regis แห่งนี้ก็จะมีอยู่ 2 ส่วน คือส่วน indoor ที่จะตกแต่งหรูหราและแบ่งเป็นหลาย zone มีทั้ง โซนติดกระจกที่ถ้าไปกินตอนบ่ายก็จะมีการปิดม่านลงมา เพราะว่าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกพอดี แต่ก็จะได้แสงอ่อน ๆ ของดวงอาทิตย์เข้ามาเพิ่มความ.. ความอะไรดี ความคลาสสิคให้กับห้องมากขึ้น หรือโซนที่นั่งรายล้อม line buffet ของหวานอีกโซนนึง ส่วนโซน outdoor ของทางห้องนึง เนื่องจากว่ามันเป็นฝั่งตะวันตกพอดีในช่วงเวลาที่กิน มันก็เลยแบบได้รับแดดเต็ม ๆ แดดแรงเกินกว่าที่คนไทยอย่างพวกผมจะไปนั่งกันได้ แต่ผมก็เห็นฝรั่ง 1-2 โต๊ะไปนั่งรับแดดกันอย่างเต็มที่ และก็น่าจะชิลเหมือนกันเพราะว่า ลมพัดโกรกตลอดเวลา ตามนั้น
เครื่องดื่มในมื้อนี้ก็จะมีทั้งหมด 3 อย่างครับ
- Earl Grey Tea, Special Blend India (One of the most famous creations of blended Black tea from with natural bergamot peels, Earl Grey Tea is fabulously refreshing and can be taken with milk and sugar - 220 บาท) : ชาโปรดของผม ก็ไม่ผิดหวังครับ ขมนิด ๆ หอมหน่อย ๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทางร้านใช้ชาของ ฝรั่งเศส ยี่ห้อ Palais du Dauphine (ที่ผมอ่านไม่ออกนี่) รสชาติมาตรฐานชาพรีเมียมทั่วไป
- English Breakfast Tea, Special Blend from India and Sri Lanka (This premium English Breakfast tea is blended with tea leaves from the famous estates in India and Sri Lanka that produce the finest black tea in the world. Highly invigorating, this tea goes well with milk and sugar or lemon - 220 บาท) : รสชาติมาตรฐาน แต่แอบเทใจให้ตัว Earl Grey มากกว่า
- Jasmine Tea (Fragrant and refreshing tea from Fujian China, Probably on eof the best know teas worldwide - 220 บาท) : ตัวนี้กลิ่นมะลิหอมชัดเจนดีครับ
ส่วนตัวของหวานในมื้อนี้ไล่ตามไลน์ไปก็จะมี
German butter cake
Sacher cake
Hazelnut cream cake
Assorted macaron
Black Forest cake
Assorted homemade chocolate praline
Chocolate chip cookie
Oreo cake
Carrot cake
Homemade marshmallows
Hazelnut roll
Grandmama apple tart
Mixed fruit cake
Assorted cup cakes
Tiramisu cake
Almond meringue cake with fresh fruit
Lemon meringue cake
Rinzer cake
Mixed fruit tart
ชองหวานใน line buffet นี้ค่อนข้างจะอลังการและมีให้เยอะดีครับ รสชาติเค้กโดยรวมพอใช้ได้ แต่เหมือนกับว่าทางร้านเค้าทำมารสชาติฝรั่ง ๆ เนื้อเค้กจะออกแน่นหนักแบบยุโรปเลย หากใครชื่นชอบเค้กสไตล์เอเชีย แบบเค้กญี่ปุ่นเนื้อนุ่ม ๆ (เหมือนผม) ก็อาจจะไม่ชอบเนื้อเค้กแบบนี้ แต่ก็มีอันที่โดดเด่นกินแล้วชอบก็คือพวก tart ต่าง ๆ เช่น Mixed Fruit Tart อะไรงี้ครับ
ส่วนตัว Afternoon High Tea Set ก็จะมี Scone 4 ชิ้น และก็พวกของคาวกินเล่น เช่น ครัวซองต์, แซนด์วิช อะไรพวกนี้ ซึ่งตัว Scone นี่ค่อนข้างธรรมดา ๆ ครับ แต่ว่าของคาวที่ให้มาหลากหลายอย่างนี่อร่อยดีทีเดียวเลย กินแล้วรู้สึกว่าแบบเป็นของกินเล่นคุณภาพดี ที่ตั้งใจทำออกมาอย่างมาก ปราณีตมากเลย
สรุป สำหรับมื้อกลางวันแบบชิลล์ ๆ (หรืออาจจะไม่ชิลล์สำหรับใครที่จัดหนัก) ที่ห้อง The Drawing Room ของโรงแรม St. Regis มื้อนี้ก็ค่อนข้างประทับใจนะครับ ประทับใจในความอลังการของไลน์บุฟเฟ่ต์, การบริการ, บรรยากาศร้าน และอะไรต่าง ๆ นา ๆ อาจจะติดเรื่องเดียวเรื่องรสชาติเค้กที่อย่างที่บอกว่ามันรสชาติฝรั่งไปหน่อย แค่นั้น ใครที่อยากจะจัดหนักจัดเต็มกับของหวานสักมื้อนึง ที่โรงแรม St. Regis แห่งนี้ ไม่น่าผิดหวังครับ
[SR] Sweet Afternoons Buffet เค้กและของหวานแบบจัดเต็มพร้อมชา Premium ที่ The St. Regis Bangkok
รายละเอียดของ Afternoon High Tea แห่งนี้ก็คือ จะมีเฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ และก็จะเริ่มตั้งแต่ 14.00 - 18.00 น. สนนราคาต่อคนก็จะอยู่ที่ 650++ บาท แต่ถ้ามากัน 2 คนก็จะเป็น 1,200++ บาท ประหยัดไป 100++ บาทโดยประมาณ โดยราคานี้เราจะสามารถตักเค้ก, ของหวาน ในไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ค่อนข้างอลังการได้ไม่อั้น (อลังการเมื่อเทียบว่ามีเฉพาะของหวานนะครับ) และก็จะได้ตัวชุด Afternoon High Tea มา 1 set พร้อม เครื่องดื่ม ชา, กาแฟ ที่สามารถสั่งได้อีกคนละอย่าง (รู้สึกจะยกเว้นแค่ตัว White Tea อย่างเดียวที่ไม่สามารถสั่งได้ นอกนั้นสามารถสั่งได้หมดเลย) อืม ก็ราคาก็อาจจะแพง แต่เมื่อเทียบกับความหลากหลายของของหวาน, ตัวคุณภาพของชาที่ใช้ (เป็นชาฝรั่งเศส ยี่ห้อ Palais du Dauphine) ราคานี้ก็ดูคุ้มค่าขึ้นมาพอสมควรเลยว่ามั้ยครับ
ตัวการบริการของห้องนี้ แน่นอน โรงแรมระดับ 5 ดาว (หรือที่ทางโรงแรมเอง claim เอาไว้ว่าเป็น 6 ดาว) นั้นไม่มีผิดหวังอยู่แล้ว บริการดีทุกระดับประทับใจมาก ไร้ที่ติ ส่วนบรรยากาศของห้อง Drawing Room - St. Regis แห่งนี้ก็จะมีอยู่ 2 ส่วน คือส่วน indoor ที่จะตกแต่งหรูหราและแบ่งเป็นหลาย zone มีทั้ง โซนติดกระจกที่ถ้าไปกินตอนบ่ายก็จะมีการปิดม่านลงมา เพราะว่าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกพอดี แต่ก็จะได้แสงอ่อน ๆ ของดวงอาทิตย์เข้ามาเพิ่มความ.. ความอะไรดี ความคลาสสิคให้กับห้องมากขึ้น หรือโซนที่นั่งรายล้อม line buffet ของหวานอีกโซนนึง ส่วนโซน outdoor ของทางห้องนึง เนื่องจากว่ามันเป็นฝั่งตะวันตกพอดีในช่วงเวลาที่กิน มันก็เลยแบบได้รับแดดเต็ม ๆ แดดแรงเกินกว่าที่คนไทยอย่างพวกผมจะไปนั่งกันได้ แต่ผมก็เห็นฝรั่ง 1-2 โต๊ะไปนั่งรับแดดกันอย่างเต็มที่ และก็น่าจะชิลเหมือนกันเพราะว่า ลมพัดโกรกตลอดเวลา ตามนั้น
เครื่องดื่มในมื้อนี้ก็จะมีทั้งหมด 3 อย่างครับ
- Earl Grey Tea, Special Blend India (One of the most famous creations of blended Black tea from with natural bergamot peels, Earl Grey Tea is fabulously refreshing and can be taken with milk and sugar - 220 บาท) : ชาโปรดของผม ก็ไม่ผิดหวังครับ ขมนิด ๆ หอมหน่อย ๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทางร้านใช้ชาของ ฝรั่งเศส ยี่ห้อ Palais du Dauphine (ที่ผมอ่านไม่ออกนี่) รสชาติมาตรฐานชาพรีเมียมทั่วไป
- English Breakfast Tea, Special Blend from India and Sri Lanka (This premium English Breakfast tea is blended with tea leaves from the famous estates in India and Sri Lanka that produce the finest black tea in the world. Highly invigorating, this tea goes well with milk and sugar or lemon - 220 บาท) : รสชาติมาตรฐาน แต่แอบเทใจให้ตัว Earl Grey มากกว่า
- Jasmine Tea (Fragrant and refreshing tea from Fujian China, Probably on eof the best know teas worldwide - 220 บาท) : ตัวนี้กลิ่นมะลิหอมชัดเจนดีครับ
ส่วนตัวของหวานในมื้อนี้ไล่ตามไลน์ไปก็จะมี
German butter cake
Sacher cake
Hazelnut cream cake
Assorted macaron
Black Forest cake
Assorted homemade chocolate praline
Chocolate chip cookie
Oreo cake
Carrot cake
Homemade marshmallows
Hazelnut roll
Grandmama apple tart
Mixed fruit cake
Assorted cup cakes
Tiramisu cake
Almond meringue cake with fresh fruit
Lemon meringue cake
Rinzer cake
Mixed fruit tart
ชองหวานใน line buffet นี้ค่อนข้างจะอลังการและมีให้เยอะดีครับ รสชาติเค้กโดยรวมพอใช้ได้ แต่เหมือนกับว่าทางร้านเค้าทำมารสชาติฝรั่ง ๆ เนื้อเค้กจะออกแน่นหนักแบบยุโรปเลย หากใครชื่นชอบเค้กสไตล์เอเชีย แบบเค้กญี่ปุ่นเนื้อนุ่ม ๆ (เหมือนผม) ก็อาจจะไม่ชอบเนื้อเค้กแบบนี้ แต่ก็มีอันที่โดดเด่นกินแล้วชอบก็คือพวก tart ต่าง ๆ เช่น Mixed Fruit Tart อะไรงี้ครับ
ส่วนตัว Afternoon High Tea Set ก็จะมี Scone 4 ชิ้น และก็พวกของคาวกินเล่น เช่น ครัวซองต์, แซนด์วิช อะไรพวกนี้ ซึ่งตัว Scone นี่ค่อนข้างธรรมดา ๆ ครับ แต่ว่าของคาวที่ให้มาหลากหลายอย่างนี่อร่อยดีทีเดียวเลย กินแล้วรู้สึกว่าแบบเป็นของกินเล่นคุณภาพดี ที่ตั้งใจทำออกมาอย่างมาก ปราณีตมากเลย
สรุป สำหรับมื้อกลางวันแบบชิลล์ ๆ (หรืออาจจะไม่ชิลล์สำหรับใครที่จัดหนัก) ที่ห้อง The Drawing Room ของโรงแรม St. Regis มื้อนี้ก็ค่อนข้างประทับใจนะครับ ประทับใจในความอลังการของไลน์บุฟเฟ่ต์, การบริการ, บรรยากาศร้าน และอะไรต่าง ๆ นา ๆ อาจจะติดเรื่องเดียวเรื่องรสชาติเค้กที่อย่างที่บอกว่ามันรสชาติฝรั่งไปหน่อย แค่นั้น ใครที่อยากจะจัดหนักจัดเต็มกับของหวานสักมื้อนึง ที่โรงแรม St. Regis แห่งนี้ ไม่น่าผิดหวังครับ