อุทาหรณ์ที่คนเป็นพ่อแม่บางคนมักจะละเลย

กระทู้สนทนา
อืม ไม่อยากจะบอกเลยว่าที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อ  ...ย้ำ...  และ ...เตือน...

วันนี้ประมาณ 17.00 น. ถึงการที่จะฝากลูกไว้กับรถโรงเรียน รถประจำ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ที่มิได้เป็นการไปรับด้วยตัวเองแ้ล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องเพิ่มความใส่ใจอีกหลาย ๆ เท่า ถึงหรือยัง เข้าห้องหรือเปล่า ออกมาเองข้ามถนนไหม

วันนี้เกิดเรื่องที่โรงเรียนของน้ำฟ้ากะพี่ตะวัน  พอรับคุณนาย 2 คนเสร็จก็ปล่อยเวลาให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่นในลานของโรงเรียนก่อน รักโดยส่วนตัวเป็นคนชอบสังเกตชอบมองอะไรไปเรื่อยสังเกตเด็กชั้นอนุบาลคนหนึ่งเดินสะพายกระเป๋ามือเดินกอดที่นอนสำหรับเด็กเ็ล็กไว้  เ้ดินร้องไห้น้ำตาซึม ๆ ไปด้วย  

สันนิษฐาน
1. โดนคุณพ่อคุณแม่ดุ >>>>  ไม่น่าใช่เพราะไม่เห็นใครทำท่าดุหรือบ่นเด็กรอบ ๆ ตัวเด็ก
2. พลัดหลงกับพ่อแม่  >>> ไม่น่าใช่เพราะลักษณะเด็กไม่ได้ชะเง้อ หรือมีท่าทีในการหันมองรอบตัว
3. เดินหนีออกมาจากห้องเอง  =  อันนี้น่าใช่ที่สุด  เพราะรอบตัวเด็กไม่มีผู้ปกครองอยู่รอบตัวเลย

ระหว่างนี้ก็มองสาละมีอยู่  เพราะนางไปเดินเ่ล่นส่วนรักนั่งเฝ้า 2 นางอยู่  พอสันนิษฐานข้อ 3 มา รักตัดสินใจเรียกป๊าตะวันมาเพื่อให้มาอยู่เป็นเพื่อนเด็ก ๆ แทนส่วนรักขอตัววิ่งตามเด็กที่กำลังเดินออกไปถนนซึ่งรถเยอะมาก ๆ  ระหว่างวิ่งไปพยายามมองสังเกตให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ปกครองจริง ๆ รักเลยเข้าประกบตัวน้อง


รัก : หนูจะไปไหนคะ
เด็ก : .... เริ่มร้องไห้ .....
รัก : คุณแม่อยู่ไหนคะ
เด็ก :  .... เริ่มสะอื้นมา .....
รัก : หนูจะไปไหนคะ  แล้วหาคุณแม่ไม่เจอเหรอ
เด็ก :  ...พยักหน้า...
รัก : มีเบอร์คุณแม่ไหมคะ เดี๋ยวโทรหาคุณแม่ให้
เด็ก : หนูไม่มีโทรศัพท์ หนูจำเบอร์ไม่ได้  (ร้องไห้....  หวั่นใจกลัวคนคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ    ร้องไห้ )

รักเลยตัดสินใจอุ้มน้องวิ่งไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ พร้อมบอกกระเป๋าแถมที่นอน  (ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางงามนะคะ  เพราะหน้าตาออกแนวนางมารมากกว่า) พอไปถึงประชาสัมพันธ์อาการเหมือนองค์จะลง  (เพราะไม่เข้าใจทำไมครูเวรถึงไม่มายืนเวรเพื่อเฝ้าดูแลเด็กนักเรียน โดยเฉพาะกับเด็กที่เป็นนักเรียนอนุบาล  คุณปล่อยให้เด็กผ่านพ้นสายตาไปได้ยังไงโดยที่ไม่มีใครรู้ ที่มีเหตุการณ์้เกิดขึ้นเสมอ ๆ เกี่ยวกับเด็กนักเรียนทุกครั้งเกิดจากความประมาท สะเพร่าไม่ใช่เหรอคะ) ต่อดีกว่าหลังจากนั้นอุ้มเด็กไปที่ห้องประชาสัมพันธ์

รัก : เอ่อ ครูคะ...  คือน้องเค้ายังไม่มีคนมารับแต่เค้าเดินออกไปข้างนอกคนเดียว (ใจจริงอยากถามว่า  นี่พวกคุณดูแลเด็กยังไงถึงได้ปล่อยให้เด็ก 4 ขวบ เดินออกนอกโรงเรียนทั้ง ๆ ที่ร้องไห้และไม่มีผู้ปกครองมารับ)
ครู : เหรอคะ...  หนูชื่ออะไรลูก อยู่ห้องครูอะไร  (ปี่แตกหนักมากขึ้ันไปอีก ครูยืนงงประมาณว่าคิดอะไรไม่ออกหันหน้ามองกันไปมา)  
รัก : เอ่อก็เปิดกระเป๋าน้องสิคะมีชื่อที่กระเ้ป๋าและสมุด  (ครู 2 คนยืนงงกันไปอีก รักเลยเปิดกระเป๋าเด็กออกมา พบชื่อและห้องน้อง อยู่อนุบาล 2 ก็เลยบอกครู)

จากนั้นครูทั้งสองก็โทรติดต่อครูประจำชั้นแจ้งว่าน้องไม่มีผู้ปกครองมารับ แต่น้องกลับรถประจำ ปกติคนขับรถจะมารับ  รักก็อ้าวไรฟระเนี่ย !!!  แ้ล้วปล่อยลงมาได้ไง  ครูกำลังจะโทรหารถประจำรักเลยขอตัวกลับก่อนแล้วบอกว่าต้องกลับก่อนแล้ว  ให้ดูน้องอยู่ในความดูแลด้วย แล้วรักก็วิ่งกลับมา


ที่กลับมาไม่ใช่อะไรเลยค่ะ ไม่ได้รีบ ไม่ได้ด่วน  แต่โมโหมาก   โมโหจนน้ำตาไหล  

ทำไมผู้ปกครองถึงไว้ใจให้เด็กนั่งรถประจำกับคนขับรถแบบนี้
ทำไมคนขับรถถึงไม่ตรวจทานเด็กให้ดีก่อนที่จะรับเด็กคนอื่นไป
ทำไมคุณครูประจำชั้นถึงปล่อยให้เด็กเดินออกมาจากห้องเองทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีคนไปรับ
ทำไมครูเวรหน้าประตูไม่ยืนดูเด็กที่หน้าประตู

ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น  พวกคุณจะรู้เรื่องไหม  พวกคุณจะยืดอกรับผิดไหมว่าพวกคุณทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของความประมาท เลินเล่อ เข้าใจว่าทุกคนอาจจะลืม อาจจะประมาท อาจจะไม่ทันระวังกันบ้าง  แต่ถ้าทุกอย่างที่เป็นความประมาทสอดคล้องพอดีกันหมดสิ่งที่เกิดตามมาก็คือความเสียหายซึ่งบางทีอาจจะหมายถึงชีวิต และต่อให้เงินเป็นแสน เป็นล้านก็ซื้อเวลาย้อนกลับมาไม่ได้

อย่าให้วงจรของความประมาทชนกันจนเป็นวงกลมเพราะถ้าเมื่อไหร่มันชนกัน  รับประกันได้เลย....  ต่อให้ร้องไห้จนตายก็ย้อนเวลากลับมาไม่ได้จริง ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่