ครั้งนี้เป็นการดู Man of Steel รอบ2 ของผม ที่เก่า โรงเดิม IMAX paragon
พอดูจบ(ลากเพื่อนหญิงไปดูหลังบอกว่าดีเจพูดแบบว่าไม่สนุก)
เจ้าหล่อนตบมือชอบ มากกว่าใครในโรง
กระแสที่ชอบพูดเรื่องด้อยในการเล่าเรื่องด้วยการตัดสลับภาพไปมา น่าเบื่อ
แสดงว่าคนดูคนนั้นมีปัญหาการชมภาพยนตร์ ระดับหนึ่ง (ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ออกอาการ ทางคีย์บอร์ดว่าไม่ชอบ หรือทางปากต่อปาก ว่าไม่เก็ท )
อีประเด็นนึ่ง คือ พัฒนาความสนใจให้เกิดเป็นความรักให้แก่กัน ระหว่างพระเอกนางเอก เพียงแค่ช่วยชีวิตเหรอ? คำถามลักษณะอย่างนี้
ก็หลายๆ คน คงลืมสังเกต ว่า พวกคนดาวคริปตอนมีความสามารถเหนือ วิวัฒนาการ มนุษย์ ไปยิ่งกว่าเราแล้ว ตามบทภาพยนตร์เรื่องนี้
เพราะมีการอ่านใจ มนุษย์ได้ ยกซีนนึง ออกมาให้เห็นภาพนะครับ
นางเอกถูกช่วยชีวิตออกมาจากกระสวยแคปซูล แล้วพอมาถึงพื้น
นางเอกบอกว่า ฉันเสียใจ ขอโทษนะที่ ฉันทำอะไรลงไปพวกเขามีวิธีจัดการฉัน เอ่อ คือ ...พระเอกก็ตอบกลับประมาณว่า ผมก็โดนพวกเขาทำเช่นกัน ประเด็นนี้ก็คือการอ่านจิตใจที่เป็นความลับอยู่ภายในจิตใจมนุษย์ จึงทำให้พระเอกรู้ว่า โลอิส เลน เปิดเผยที่อยู่ของ คล๊ากเค๊นท์ แล้วแม่ของเขาก็ต้องตกอยู่ในอันตรายแน่แท้ จึงหุนหันบินจากไปในทันที เพื่อป้องป้องแม่ของตน จากนายพล ซอต์ ที่ตอนนี้มาที่บ้าน แม่ มาธา เพื่อ ข่มขู่ คุกคาม หมายที่จะเอา โคเด็กซ์
และความรัก ของคน 2 คน เกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ สองครั้งแล้วที่ ซุปเปอร์แมน เหาะไปช่วยรับร่างนางเอกที่ตกจากอากาศยาน ที่ตอนท้าย
ผู้พันเอาเครื่องบินชนเข้าใส่ยานฝ่ายตรงข้ามหมายจะเกิดปฏิกิริยา ฟิวชั่น หลุมอากาศดำ เพื่อนำผู้บุกรุกออกไปเสียให้หมดจากโลก
โดยการสละชีพ งานนี้นักวิทยาศาสตร์ ก็ตายไปด้วยหลังจากกด แท่งรูปSเข้าสู่ระบบกลไกทำงาน ส่วนนางเอกตกลงมาจากเครื่องบิน
พ้นหลุมดำ แล้วพระเอกมารับร่างไว้ พร้อมกับปฏิกิริยา แรงดึงดูด ที่บินสุดกำลังเพื่อให้พ้นแรงดึงดูดนั้น
วินาทีเป็น วินาทีตาย เหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้นางเอกหลงรักผู้ชายบินได้คนนี้ (จิตที่อ่อนแอกว่า ย่อมศิโรราบกับจิตที่เข้มแข็งแข็งกว่าเสมอ) และการอ่านใจ มองตานางเอก (ไม่ได้มองแช่ตา แบบหนังไทยบ้านเราเสียเมื่อไหร่) ก็ล่วงรู้จิตภายในแล้ว เธอหลงรักผมนั่นเอง พระเอกเลยตอบสนองการจูบปากของ นางเอก
การที่ไปดูรอบ2 ทำให้เห็นประเด็นต่อยอดใน ภาค2 ทันทีหลายตอน ไล่มาตั้งแต่ ฉากแรก แกนปฏิกิริยาดาวคริปตอล ที่สูญเสีย เรื่องดาวบริวารที่เกิดหายนะตามมา ประเด็นคนรับใช้ถามแม่นางเอกตอนดาวกำลังหายนะ ว่าไม่ร่วมเดินทางไปกับผู้ลี้ภัยอื่นๆหรือ
ยิ่งตอน ห้องพันธุกรรม มีฉากนึง ที่มีตัวช่วยชีวิต ทำการดึงชีวิตเด็กอ่อนใน แคปซูลเพาะเลี้ยงชีวิต ออกจากเบ้าเลี้ยงชีวิต ประเด็นนี้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็น Girl Of Steel ได้ในอนาคต และประเด็นการคลอดแบบไม่เข้าห้องควบคุมเพาะเลี้ยง แต่เพาะเลี้ยงในครรภ์ Lara ให้คลอดเองตามธรรมชาติซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมานับร้อยปีตามท้องเรื่อง ของ Jor-El กับภรรยา Lara ซึ่งเป็นประเด็นที่มาที่ไปแห่งการนอกรีต ทำไมต้องจำกัดการเกิด บนดาวแห่งนี้ ภาค2 น่าจะจับมาขยายความได้ในปรเด็นนี้
ฉากต่อยอดที่ ไดเอนเลน กับ เควินคอสเนอร์ คงได้กลับมาเล่นบทเดิมได้อีก คือเมื่อ ยานที่พุ่งมาตกท้องไร่ ของ โจนาธาน แล้วภาพตัดไปที่ การใช้ชีวิตของ คล๊าก เคล๊นท์ ในเรืองประมงทันที ซีนที่ยานยังตกยังไม่ทันถึงพื้นส่วนนี้ก็เอาไปต่อขยายในภาคสองได้เช่นกัน และเป็นช่วงช่วยเลี้ยงดูเด็กน้อยต่างดาวที่ไม่ทราบที่มาที่ไป กับการเจริญเติบในวัยเด็ก ที่อยู่ในดงเพื่อนวัยรุ่นวัยเด็ก ที่เจอแต่ความก้าวร้าวรุนแรง
ซีนพวกนี้เอามาต่อยอดได้อีกแน่นอน และการชอบพอสาวชื่อ Lana Lang ก็เป็นอีกประเด็นในภาค 2 ที่จะนำมาต่อขยาย
ฉากต่อยอดประเด็นที่พ่อ Jor-El: พูดก่อนที่จะบอกให้ลูกชายทุบยานออกไปช่วย Lois Lane ที่อยู่ในแคปซูล ว่า ลูกสามารถช่วยชีวิตเธอได้ ลูกสามารถช่วยชีวิตชาวคริปตอน หรือเป็นประตูเชื่อมสู่ เผ่าพันธุ์ทั้งสองได้ (ตรงนี้ผมจำประโยคไม่แม่นเดี๋ยวต้องไปดูรอบ3 กับพ่อผมจะมาแก้ไขให้ต่อนะครับ )
ยานอวกาศที่เป็นยานสำรวจที่ตกมาใต้ภูเขาน้ำแข็ง 18,000 ปี ที่คงเอามาเป็นประเด็นสร้างภาค 2 ได้ไม่ยาก
และที่สำคัญคือ จุดที่เป็นโลกที่ต้องเชื่อมต่อ กับจักรวาล DC
Justice League ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับจักรวาล DC ใน Man of Steel
แฟน DC ลองไปหาคำตอบกันดูเขาบอกว่าฉาก ที่มีปลาวาฬว่ายมาสองตัว
จะมี ฉมวก 3 ง่ามอยู่ในฉาก คาดว่าอาจเป็นไปได้อาจจะเป็น ตรีศูล ของ อควาแมน Aquaman
ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ฉมวกปรากฏอยู่ในส่วนไหนของเฟรมภาพนะครับ
ใครได้มีโอกาสไปดู อีกรอบ แล้วเห็นมา ก็บอกกันหน่อยว่าเห็นมั๊ยนะครับ
กลับมาเรื่อง ลำดับภาพที่ว่าตัดสลับไปมาจริงๆ มันเป็นประเด็น ที่ดีเจในรายการวิทยุรายการหนึ่งไปพูดในเชิง กูรูว่าไม่สนุก ไม่น่าติดตาม
ไม่น่าสนใจในส่วนที่เป็นปูมหลัง ถามหน่อยองค์ความรู้ในการดูหนังมีมากมายแค่ไหนกัน ที่จะมาเป็น ดีเจ ที่ทำตัวเป็นกูรู
ไม่อยาก ว่า แต่ไม่อยากให้ใช้สื่อในการใช้ปริมาณผู้ฟังที่มีจำนวนมาก
และคุณกำสื่อไว้ในมือแล้ว ฟันธงว่าความคิดเห็นของตัวเองนั้นถูกต้องชัดเจน เอามุมมองของตนวัดแล้วชี้นำคนอื่นสร้างกระแส
ด้านลบ อย่างที่เพื่อนในพันทิพว่าไว้ขอยืมมาใช้ ว่า “ใช้กระแสปากต่อปาก สุดท้ายมันก็จะเพี้ยน
จากคนวิจารณ์ประสบการณ์น้อยกลุ่มเล็กๆ แต่อาศัยพิมพ์บ่อยโปรโมทเก่ง”
ในที่นี้ผมว่าสื่อสารมวลชน ที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ กับปริมาณคนฟัง
หากหนังนี้ เรียงร้อยเรื่องราว แล้วถูกถ่ายทอดจากเด็กไปจนถึงเด็กโต
ไปจนถึงวัยหนุ่มหลังพ่อตายแล้วเดินออกจากบ้าน
สืบค้นที่มาที่ไปของตัวเองที่ขั้วโลกเหนือ (ว่าแต่ไปถูกทิศได้ไงคงเกี่ยวกับการต่อยอดภาค2ในอนาคตอันใกล้ )
จนกลับมาหาแม่เล่าเรื่องต่างๆให้แม่ฟัง
แม่ก็ดีใจ ลูกกลับมา
จนไฟดับ แม่ตกใจทำแอ๊ปเปิ้ลในจานหล่น
ตอนไฟมา (ผมเขียนประชดนะ)
มันจะไม่ทำให้ชาวบ้านหลับครึ่งเรื่องแรกเหรอครับ ค่อยมาตื่นตอน เอเลี่ยนบุก
"You Are Not Alone"
............................................
คือลองคิดแบบที่ Zack Snyder ผู้กำกับ
David S. Goyer บทภาพยนตร์
Amir Mokri ผู้กำกับ&ถ่ายภาพ
Christopher Nolan ผู้ถ่ายทอดเรื่องราว
คือเขามอง (อันนี้ตัดหนังออกบ้างแล้วนะจนเหลือหนัง 2ชม.23นาที (ตามจริง 2ชม. 28นาที)
......................................................................................................................
.....ตามจริงหนังไม่จำเป็น ต้องเรียงร้อยเรื่องราว....และ ดีไซน์ งานภาพและตัดต่อ
แบบที่ต้องเรียนตาม Chapter เรียงตาม Part เรียงตาม Segment
การตัดสลับไปมาต่างหากที่ มันศิลป์กว่า
เพียงแต่คนดูทั่วไปไม่เคยชิน
แต่กลับเคยชินกับงานในลักษณะที่เรียงลำดับตามเวลา
ลองมองย้อนกลับไปแบบที่ซีรี่ย์ เรื่อง Lost
หรือ ARROW การสลับไปมา มันก็เป็นการดีไซน์งานภาพที่ดีแบบหนึ่ง
หรือ ซีรี่ย์ Person of Interest คุณจะเห็นว่า มันเป็นแบบนี้ไม่น้อยในการทำงานหนัง
ผมยังว่าฝีมือเลย เนียนดี (เคยได้ฟัง พี่จิ้ม มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช แกพูดว่า (อันนี้ผมจำ
ได้เป็นการส่วนตัว จำแม่นในสมองเลย) ว่า การเล่าเรื่อง ด้านภาพ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก บทที่1 ก่อนเสมอไป
คุณจะไปเล่าเรื่องตอนที่ 4 ก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่าตอนที่ 1 ก็ได้ พี่ นก ฉัตรชัย แกก็เคยพูดแบบเดียวกันนี้)
คือถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น คุณจะได้เห็น ความแกร่ง ของพระเอกวัยหนุ่ม
ในบาร์ รถพัง ในแท่นขุดเจาะ
หลังดาวคริปตันระเบิด เพื่อแย้งชิงอำนาต (แอ็กชั่นเริ่มเรื่อง)
พอพ้นช่วง ดาวระเบิด หนังก็คงจะอืดเป็นเรือเกลือในทันที
การตัดสลับความแอ็กชั่นไปมา กับปมปัญหาชีวิตส่วนตัวแบบติดดิน อดทน อดกลั้น
ย้ำว่าอดทน อดกลั้น แบบที่ โจนาธานสอนลูกว่า ถ้าเราตอบโต้ด้วยความรุนแรง
โตขึ้นมาเราทำกับสร้างอนาคตให้คนเป็นคนแบบนั้น ในสังคม แล้วคิดว่ามันดีมั๊ยล่ะ
อันนี้ผมขยายความจากที่โจนาธาน พูดกับ คล๊าก เคล๊นท์ ที่ตอนโดนเพื่อท้าต่อย
แล้วลงไปนอนกองอยู่กับพื้นว่าไม่สู้หรือ ไอ้ตัวประหลาด
ความเป็นครอบครัว บวกกับ ค้นหาปมปริศนาของปูมชีวิตของพระเอก
ฉากเมื่อยานหลุดออกจากขั้วน้ำแข็ง ฉากเริ่มบินที่ภูเขาน้ำแข็ง
ฉากบินผ่านท้องทะเล ขั้วโลก ท้องทุ่งป่าเขา
มันจะไปกระจุกตัวอยู่ ในพีคท้ายๆ เสียหมด
ซึ่งผมว่า การดีไซน์งานตัดต่อเล่าภาพ เล่าเรื่องในลักษณะนี้ ยังจะไวกว่าสมัยก่อนมาก
และทำความเข้าใจไม่ยาก ถ้ามีประสบการณ์ในเชิงการถ่ายทอดภาพและเรื่องราว
ของภาพยนตร์ และผมเชื่อว่าในชั้นเรียนสาขาศิลปะภาพยนตร์ สำหรับนักศึกษา อาจารย์
ที่เรียนด้านนี้ คงพูดถึงการดีไซน์งาน และถ่ายทอดการทำงาน ในลักษณะดังกล่าวนี้แน่นอน
เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ดูหนังเรียง ลำดับ Story เรียง Part เรียง Chapter
เรียงจาก ก.ไก่ ไปถึง ฮ.นกฮูก
ผมว่ามันจะธรรมดา ไปนะ
ผมกลับชอบเสียอีก ที่เขาดีไซน์งานออกมาแบบนี้
ยิ่งชอบมากเลย กับแสงสวยๆ บรรยากาศสวยๆ มันติดดินดี ความเป็นชนบท
ฉากที่สวยถูกใจและแฝงความอบอุ่น อย่างฉาก ลูกกลับมาหาแม่ แล้วบอกว่า ผมรู้แล้วครับ
ว่าผมมาจากไหน ผมได้พบครอบครัวของผมแล้ว จากนั้นภาพก็ถ่ายมุมกว้างของบ้านแม่ มาธา
ต้นไม้หน้าบ้าน แสงอาทิตย์ยามบ่าย ท้องทุ่งฉากหลัง มันสวยงามจนอยากไปยืนสูดโอโซน
ชนบทเอามากๆ มันสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะดี แถมอบอุ่นอีกต่างหาก
ครับ ก็อยากอธิบายแนวคิดใน มุมมองคนทำงานกำกับภาพ คนเขียนบท
ไม่งั้น แอ็กชั่น กับ ที่มาที่ไปของชีวิต มันจะไม่กลมกลืนกันได้เลยครับ
มันไม่ใช่กระจายตัวนะครับ แต่มันจะกระจุกตัว
ในครึ่งแรก กับครึ่งหลังทันที
กว่าจะเห็นพระเอกกล้ามโต สูงใหญ่ หล่อบาดจิตบาดใจสาว
คนดูคงไปฉี่เพราะน้ำอัดลมกับป๊อปคอร์น
ที่ถือเข้ามาในโรงเสียก่อน
หมดกัน Superman ...เผลอๆ จะเน่า
เป็นขี้ปากนักวิจารณ์นักข้อเข้าไปอีก
ปล. ฝั่ง มาเวล เขาเรียงเรื่องราว ยกตัวอย่าง กัปตันอเมริกา แต่พระเอกกล้ามใหญ่เร็วกว่านะครับ (แซว)
ขืนทำตามแบบเดียวกัน ไม่สูตรสำเร็จเกินไปหน่อยหรือครับ ไม่เห็นจำเป็นต้องตามสูตรเดียวกันเลยนี่นา
หรือพวกคุณชิน แบบเรียงลำดับกันแน่ ถึงว่าละคร เมโลด-ดราม่า บ้านเรายังไปไม่ถึงไหน
***** Man of Steel ***** เพื่อนฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง วิจารณ์เชิง(กูรู) ว่าไม่ดีเรื่องลำดับภาพเลยลากเพื่อนไปดู
พอดูจบ(ลากเพื่อนหญิงไปดูหลังบอกว่าดีเจพูดแบบว่าไม่สนุก)
เจ้าหล่อนตบมือชอบ มากกว่าใครในโรง
กระแสที่ชอบพูดเรื่องด้อยในการเล่าเรื่องด้วยการตัดสลับภาพไปมา น่าเบื่อ
แสดงว่าคนดูคนนั้นมีปัญหาการชมภาพยนตร์ ระดับหนึ่ง (ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ออกอาการ ทางคีย์บอร์ดว่าไม่ชอบ หรือทางปากต่อปาก ว่าไม่เก็ท )
อีประเด็นนึ่ง คือ พัฒนาความสนใจให้เกิดเป็นความรักให้แก่กัน ระหว่างพระเอกนางเอก เพียงแค่ช่วยชีวิตเหรอ? คำถามลักษณะอย่างนี้
ก็หลายๆ คน คงลืมสังเกต ว่า พวกคนดาวคริปตอนมีความสามารถเหนือ วิวัฒนาการ มนุษย์ ไปยิ่งกว่าเราแล้ว ตามบทภาพยนตร์เรื่องนี้
เพราะมีการอ่านใจ มนุษย์ได้ ยกซีนนึง ออกมาให้เห็นภาพนะครับ
นางเอกถูกช่วยชีวิตออกมาจากกระสวยแคปซูล แล้วพอมาถึงพื้น
นางเอกบอกว่า ฉันเสียใจ ขอโทษนะที่ ฉันทำอะไรลงไปพวกเขามีวิธีจัดการฉัน เอ่อ คือ ...พระเอกก็ตอบกลับประมาณว่า ผมก็โดนพวกเขาทำเช่นกัน ประเด็นนี้ก็คือการอ่านจิตใจที่เป็นความลับอยู่ภายในจิตใจมนุษย์ จึงทำให้พระเอกรู้ว่า โลอิส เลน เปิดเผยที่อยู่ของ คล๊ากเค๊นท์ แล้วแม่ของเขาก็ต้องตกอยู่ในอันตรายแน่แท้ จึงหุนหันบินจากไปในทันที เพื่อป้องป้องแม่ของตน จากนายพล ซอต์ ที่ตอนนี้มาที่บ้าน แม่ มาธา เพื่อ ข่มขู่ คุกคาม หมายที่จะเอา โคเด็กซ์
และความรัก ของคน 2 คน เกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ สองครั้งแล้วที่ ซุปเปอร์แมน เหาะไปช่วยรับร่างนางเอกที่ตกจากอากาศยาน ที่ตอนท้าย
ผู้พันเอาเครื่องบินชนเข้าใส่ยานฝ่ายตรงข้ามหมายจะเกิดปฏิกิริยา ฟิวชั่น หลุมอากาศดำ เพื่อนำผู้บุกรุกออกไปเสียให้หมดจากโลก
โดยการสละชีพ งานนี้นักวิทยาศาสตร์ ก็ตายไปด้วยหลังจากกด แท่งรูปSเข้าสู่ระบบกลไกทำงาน ส่วนนางเอกตกลงมาจากเครื่องบิน
พ้นหลุมดำ แล้วพระเอกมารับร่างไว้ พร้อมกับปฏิกิริยา แรงดึงดูด ที่บินสุดกำลังเพื่อให้พ้นแรงดึงดูดนั้น
วินาทีเป็น วินาทีตาย เหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้นางเอกหลงรักผู้ชายบินได้คนนี้ (จิตที่อ่อนแอกว่า ย่อมศิโรราบกับจิตที่เข้มแข็งแข็งกว่าเสมอ) และการอ่านใจ มองตานางเอก (ไม่ได้มองแช่ตา แบบหนังไทยบ้านเราเสียเมื่อไหร่) ก็ล่วงรู้จิตภายในแล้ว เธอหลงรักผมนั่นเอง พระเอกเลยตอบสนองการจูบปากของ นางเอก
การที่ไปดูรอบ2 ทำให้เห็นประเด็นต่อยอดใน ภาค2 ทันทีหลายตอน ไล่มาตั้งแต่ ฉากแรก แกนปฏิกิริยาดาวคริปตอล ที่สูญเสีย เรื่องดาวบริวารที่เกิดหายนะตามมา ประเด็นคนรับใช้ถามแม่นางเอกตอนดาวกำลังหายนะ ว่าไม่ร่วมเดินทางไปกับผู้ลี้ภัยอื่นๆหรือ
ยิ่งตอน ห้องพันธุกรรม มีฉากนึง ที่มีตัวช่วยชีวิต ทำการดึงชีวิตเด็กอ่อนใน แคปซูลเพาะเลี้ยงชีวิต ออกจากเบ้าเลี้ยงชีวิต ประเด็นนี้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็น Girl Of Steel ได้ในอนาคต และประเด็นการคลอดแบบไม่เข้าห้องควบคุมเพาะเลี้ยง แต่เพาะเลี้ยงในครรภ์ Lara ให้คลอดเองตามธรรมชาติซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมานับร้อยปีตามท้องเรื่อง ของ Jor-El กับภรรยา Lara ซึ่งเป็นประเด็นที่มาที่ไปแห่งการนอกรีต ทำไมต้องจำกัดการเกิด บนดาวแห่งนี้ ภาค2 น่าจะจับมาขยายความได้ในปรเด็นนี้
ฉากต่อยอดที่ ไดเอนเลน กับ เควินคอสเนอร์ คงได้กลับมาเล่นบทเดิมได้อีก คือเมื่อ ยานที่พุ่งมาตกท้องไร่ ของ โจนาธาน แล้วภาพตัดไปที่ การใช้ชีวิตของ คล๊าก เคล๊นท์ ในเรืองประมงทันที ซีนที่ยานยังตกยังไม่ทันถึงพื้นส่วนนี้ก็เอาไปต่อขยายในภาคสองได้เช่นกัน และเป็นช่วงช่วยเลี้ยงดูเด็กน้อยต่างดาวที่ไม่ทราบที่มาที่ไป กับการเจริญเติบในวัยเด็ก ที่อยู่ในดงเพื่อนวัยรุ่นวัยเด็ก ที่เจอแต่ความก้าวร้าวรุนแรง
ซีนพวกนี้เอามาต่อยอดได้อีกแน่นอน และการชอบพอสาวชื่อ Lana Lang ก็เป็นอีกประเด็นในภาค 2 ที่จะนำมาต่อขยาย
ฉากต่อยอดประเด็นที่พ่อ Jor-El: พูดก่อนที่จะบอกให้ลูกชายทุบยานออกไปช่วย Lois Lane ที่อยู่ในแคปซูล ว่า ลูกสามารถช่วยชีวิตเธอได้ ลูกสามารถช่วยชีวิตชาวคริปตอน หรือเป็นประตูเชื่อมสู่ เผ่าพันธุ์ทั้งสองได้ (ตรงนี้ผมจำประโยคไม่แม่นเดี๋ยวต้องไปดูรอบ3 กับพ่อผมจะมาแก้ไขให้ต่อนะครับ )
ยานอวกาศที่เป็นยานสำรวจที่ตกมาใต้ภูเขาน้ำแข็ง 18,000 ปี ที่คงเอามาเป็นประเด็นสร้างภาค 2 ได้ไม่ยาก
และที่สำคัญคือ จุดที่เป็นโลกที่ต้องเชื่อมต่อ กับจักรวาล DC
Justice League ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับจักรวาล DC ใน Man of Steel
แฟน DC ลองไปหาคำตอบกันดูเขาบอกว่าฉาก ที่มีปลาวาฬว่ายมาสองตัว
จะมี ฉมวก 3 ง่ามอยู่ในฉาก คาดว่าอาจเป็นไปได้อาจจะเป็น ตรีศูล ของ อควาแมน Aquaman
ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ฉมวกปรากฏอยู่ในส่วนไหนของเฟรมภาพนะครับ
ใครได้มีโอกาสไปดู อีกรอบ แล้วเห็นมา ก็บอกกันหน่อยว่าเห็นมั๊ยนะครับ
กลับมาเรื่อง ลำดับภาพที่ว่าตัดสลับไปมาจริงๆ มันเป็นประเด็น ที่ดีเจในรายการวิทยุรายการหนึ่งไปพูดในเชิง กูรูว่าไม่สนุก ไม่น่าติดตาม
ไม่น่าสนใจในส่วนที่เป็นปูมหลัง ถามหน่อยองค์ความรู้ในการดูหนังมีมากมายแค่ไหนกัน ที่จะมาเป็น ดีเจ ที่ทำตัวเป็นกูรู
ไม่อยาก ว่า แต่ไม่อยากให้ใช้สื่อในการใช้ปริมาณผู้ฟังที่มีจำนวนมาก
และคุณกำสื่อไว้ในมือแล้ว ฟันธงว่าความคิดเห็นของตัวเองนั้นถูกต้องชัดเจน เอามุมมองของตนวัดแล้วชี้นำคนอื่นสร้างกระแส
ด้านลบ อย่างที่เพื่อนในพันทิพว่าไว้ขอยืมมาใช้ ว่า “ใช้กระแสปากต่อปาก สุดท้ายมันก็จะเพี้ยน
จากคนวิจารณ์ประสบการณ์น้อยกลุ่มเล็กๆ แต่อาศัยพิมพ์บ่อยโปรโมทเก่ง”
ในที่นี้ผมว่าสื่อสารมวลชน ที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ กับปริมาณคนฟัง
หากหนังนี้ เรียงร้อยเรื่องราว แล้วถูกถ่ายทอดจากเด็กไปจนถึงเด็กโต
ไปจนถึงวัยหนุ่มหลังพ่อตายแล้วเดินออกจากบ้าน
สืบค้นที่มาที่ไปของตัวเองที่ขั้วโลกเหนือ (ว่าแต่ไปถูกทิศได้ไงคงเกี่ยวกับการต่อยอดภาค2ในอนาคตอันใกล้ )
จนกลับมาหาแม่เล่าเรื่องต่างๆให้แม่ฟัง
แม่ก็ดีใจ ลูกกลับมา
จนไฟดับ แม่ตกใจทำแอ๊ปเปิ้ลในจานหล่น
ตอนไฟมา (ผมเขียนประชดนะ)
มันจะไม่ทำให้ชาวบ้านหลับครึ่งเรื่องแรกเหรอครับ ค่อยมาตื่นตอน เอเลี่ยนบุก
"You Are Not Alone"
............................................
คือลองคิดแบบที่ Zack Snyder ผู้กำกับ
David S. Goyer บทภาพยนตร์
Amir Mokri ผู้กำกับ&ถ่ายภาพ
Christopher Nolan ผู้ถ่ายทอดเรื่องราว
คือเขามอง (อันนี้ตัดหนังออกบ้างแล้วนะจนเหลือหนัง 2ชม.23นาที (ตามจริง 2ชม. 28นาที)
......................................................................................................................
.....ตามจริงหนังไม่จำเป็น ต้องเรียงร้อยเรื่องราว....และ ดีไซน์ งานภาพและตัดต่อ
แบบที่ต้องเรียนตาม Chapter เรียงตาม Part เรียงตาม Segment
การตัดสลับไปมาต่างหากที่ มันศิลป์กว่า
เพียงแต่คนดูทั่วไปไม่เคยชิน
แต่กลับเคยชินกับงานในลักษณะที่เรียงลำดับตามเวลา
ลองมองย้อนกลับไปแบบที่ซีรี่ย์ เรื่อง Lost
หรือ ARROW การสลับไปมา มันก็เป็นการดีไซน์งานภาพที่ดีแบบหนึ่ง
หรือ ซีรี่ย์ Person of Interest คุณจะเห็นว่า มันเป็นแบบนี้ไม่น้อยในการทำงานหนัง
ผมยังว่าฝีมือเลย เนียนดี (เคยได้ฟัง พี่จิ้ม มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช แกพูดว่า (อันนี้ผมจำ
ได้เป็นการส่วนตัว จำแม่นในสมองเลย) ว่า การเล่าเรื่อง ด้านภาพ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก บทที่1 ก่อนเสมอไป
คุณจะไปเล่าเรื่องตอนที่ 4 ก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่าตอนที่ 1 ก็ได้ พี่ นก ฉัตรชัย แกก็เคยพูดแบบเดียวกันนี้)
คือถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น คุณจะได้เห็น ความแกร่ง ของพระเอกวัยหนุ่ม
ในบาร์ รถพัง ในแท่นขุดเจาะ
หลังดาวคริปตันระเบิด เพื่อแย้งชิงอำนาต (แอ็กชั่นเริ่มเรื่อง)
พอพ้นช่วง ดาวระเบิด หนังก็คงจะอืดเป็นเรือเกลือในทันที
การตัดสลับความแอ็กชั่นไปมา กับปมปัญหาชีวิตส่วนตัวแบบติดดิน อดทน อดกลั้น
ย้ำว่าอดทน อดกลั้น แบบที่ โจนาธานสอนลูกว่า ถ้าเราตอบโต้ด้วยความรุนแรง
โตขึ้นมาเราทำกับสร้างอนาคตให้คนเป็นคนแบบนั้น ในสังคม แล้วคิดว่ามันดีมั๊ยล่ะ
อันนี้ผมขยายความจากที่โจนาธาน พูดกับ คล๊าก เคล๊นท์ ที่ตอนโดนเพื่อท้าต่อย
แล้วลงไปนอนกองอยู่กับพื้นว่าไม่สู้หรือ ไอ้ตัวประหลาด
ความเป็นครอบครัว บวกกับ ค้นหาปมปริศนาของปูมชีวิตของพระเอก
ฉากเมื่อยานหลุดออกจากขั้วน้ำแข็ง ฉากเริ่มบินที่ภูเขาน้ำแข็ง
ฉากบินผ่านท้องทะเล ขั้วโลก ท้องทุ่งป่าเขา
มันจะไปกระจุกตัวอยู่ ในพีคท้ายๆ เสียหมด
ซึ่งผมว่า การดีไซน์งานตัดต่อเล่าภาพ เล่าเรื่องในลักษณะนี้ ยังจะไวกว่าสมัยก่อนมาก
และทำความเข้าใจไม่ยาก ถ้ามีประสบการณ์ในเชิงการถ่ายทอดภาพและเรื่องราว
ของภาพยนตร์ และผมเชื่อว่าในชั้นเรียนสาขาศิลปะภาพยนตร์ สำหรับนักศึกษา อาจารย์
ที่เรียนด้านนี้ คงพูดถึงการดีไซน์งาน และถ่ายทอดการทำงาน ในลักษณะดังกล่าวนี้แน่นอน
เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ดูหนังเรียง ลำดับ Story เรียง Part เรียง Chapter
เรียงจาก ก.ไก่ ไปถึง ฮ.นกฮูก
ผมว่ามันจะธรรมดา ไปนะ
ผมกลับชอบเสียอีก ที่เขาดีไซน์งานออกมาแบบนี้
ยิ่งชอบมากเลย กับแสงสวยๆ บรรยากาศสวยๆ มันติดดินดี ความเป็นชนบท
ฉากที่สวยถูกใจและแฝงความอบอุ่น อย่างฉาก ลูกกลับมาหาแม่ แล้วบอกว่า ผมรู้แล้วครับ
ว่าผมมาจากไหน ผมได้พบครอบครัวของผมแล้ว จากนั้นภาพก็ถ่ายมุมกว้างของบ้านแม่ มาธา
ต้นไม้หน้าบ้าน แสงอาทิตย์ยามบ่าย ท้องทุ่งฉากหลัง มันสวยงามจนอยากไปยืนสูดโอโซน
ชนบทเอามากๆ มันสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะดี แถมอบอุ่นอีกต่างหาก
ครับ ก็อยากอธิบายแนวคิดใน มุมมองคนทำงานกำกับภาพ คนเขียนบท
ไม่งั้น แอ็กชั่น กับ ที่มาที่ไปของชีวิต มันจะไม่กลมกลืนกันได้เลยครับ
มันไม่ใช่กระจายตัวนะครับ แต่มันจะกระจุกตัว
ในครึ่งแรก กับครึ่งหลังทันที
กว่าจะเห็นพระเอกกล้ามโต สูงใหญ่ หล่อบาดจิตบาดใจสาว
คนดูคงไปฉี่เพราะน้ำอัดลมกับป๊อปคอร์น
ที่ถือเข้ามาในโรงเสียก่อน
หมดกัน Superman ...เผลอๆ จะเน่า
เป็นขี้ปากนักวิจารณ์นักข้อเข้าไปอีก
ปล. ฝั่ง มาเวล เขาเรียงเรื่องราว ยกตัวอย่าง กัปตันอเมริกา แต่พระเอกกล้ามใหญ่เร็วกว่านะครับ (แซว)
ขืนทำตามแบบเดียวกัน ไม่สูตรสำเร็จเกินไปหน่อยหรือครับ ไม่เห็นจำเป็นต้องตามสูตรเดียวกันเลยนี่นา
หรือพวกคุณชิน แบบเรียงลำดับกันแน่ ถึงว่าละคร เมโลด-ดราม่า บ้านเรายังไปไม่ถึงไหน